ตอนที่ 111 ยินดีกับคุณด้วย
เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียง
เมื่อสูดหายใจเข้าออกแล้วรู้สึกว่า…
หวัดนี่ คงจะไม่หายในเร็วๆ นี้
“โทษทีนะ แย่งเตียงคุณซะได้”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก สักวันมันก็ต้องเป็นของคุณวันยังค่ำ”
“…”
ป๋อจิ่งชวนลุกออกจากโซฟา ระหว่างโหนกคิ้วนูนขึ้นเล็กน้อย
เขายกยิ้มขึ้นอย่างเงียบงัน
ดูเหมือนการป่วยนี่จะเป็นไปดังที่หวัง
“ตื่นเถอะ เราลงไปทานมื้อเที่ยงกัน”
“อื้ม”
ตอนบ่ายทั้งคู่ยังคงทานอาหารได้น้อยอยู่
จางมายืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยใจคอแห้งเ**่ยว
“คุณคิดว่าเวลาสั้นๆ แบบนี้ การที่คนสองคนจะป่วยในเวลาไล่เลี่ยกันได้เป็นเพราะอะไร”
“ปกติก็ทานอาหารกันน้อยๆ อยู่แล้ว แล้วดูพวกคุณทานกันตอนนี้ซิ คงทำเอาเกษตรกรชอกช้ำระกำใจ”
ประโยคแรกของจางมาทำเอาเฉินฝานซิงถึงกับแสดงสีหน้าหนักใจ
นัยน์ตาของเขาฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น เขาแอบเพลิดเพลินกับปฏิกิริยาของเธอในตอนนี้อย่างเงียบๆ
เฉินฝานซิงมีหรือจะนิ่งเฉยต่อสายตาของเขา เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาเลือดเย็นหนึ่งครั้ง
“แค่ก…”
ในตอนนั้นเองป๋อจิ่งชวนก็ได้ส่งเสียงไอออกมาเบาๆ พอดี เขาเอามือปิดปากไว้พร้อมกับหว่างคิ้วผูกเข้าหากัน
“คุณผู้ชายไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
เธอรีบเข้าไปเทน้ำแล้วนำไปตั้งไว้ข้างหน้าป๋อจิ่งชวนอย่างร้อนรน
ป๋อจิ่งชวนยกมือยั้งจางมาเอาไว้
“ตอนเช้าคุณยังไม่ไอเลยนี่”
เธอขมวดคิ้วถาม ทำไมอาการป่วยของพวกเขาถึงได้ดูเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ทันขาดคำ เฉินฝานซิงเองก็รู้สึกคันๆ ขึ้นมาในลำคอ
“แค่ก…”
จางมาที่ได้ยินเสียงเข้าก็รีบผงกหัวขึ้น ความรู้สึกหลากหลายในดวงตาแทบจะล้นออกมา
“คุณหนูเฉิน คุณเองก็…ไม่เป็นไรใช่ไหม”
จางมาไม่เลือกปฏิบัติ เธอเองก็รินน้ำให้เฉินฝานซิงหนึ่งแก้วพร้อมทำสายตาฉงน
“ไม่เป็นไรค่ะ…”
ในตอนนั้นเขาจึงยกมุมปากขึ้นแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ดังนั้นต้องพูดว่า อาการป่วยมักจะค่อยๆ โผล่มาทีละน้อย”
เฉินฝานซิงลุกขึ้นยืน “ฉันอิ่มแล้ว”
ป๋อจิ่งชวนเองก็ลุกขึ้นตาม ในจังหวะที่เฉินฝานซิงกำลังจะเดินผ่านเขาไปนั้นเขาก็ได้คว้ามือเธอเอาไว้
“ออกไปยืดเส้นยืดสายกันหน่อย”
เฉินฝานซิงเหลือบไปมองจางมาที่กำลังมีอาการตกใจ อยากจะดึงมือกลับแต่ป๋อจิ่งชวนก็กลับกระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้นกว่าเดิม จากนั้นก็ลากเธอออกไปอย่างไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน
ป๋อจิ่งชวนนำเสื้อโค้ตมาคลุมไว้บนไหล่ของเธอ
อันที่จริงเธอก็รู้สึกขัดข้องอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องเสื้อโค้ต
แต่เป็นเพราะการออกมาเดินเล่นในคืนนั้นที่ทำให้เธอยังจำโดยไม่อาจลืมเลือนมาจนถึงตอนนี้
คำว่าเดินเล่นคำนี้เมื่อออกมาจากปากป๋อจิ่งชวนแล้ว ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง
—
มิน่าจางมาถึงได้แสดงความตกอกตกใจต่อการป่วยพร้อมกันอย่างกะทันหันของทั้งคู่ขนาดนั้น
ขณะที่ทั้งสองเดินออกมา
แสงจ้าของดวงอาทิตย์จากด้านนอกก็ได้ส่องกระทบลงบนผิวกาย ทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย
วันนี้อากาศดีผิดปกติ
ป๋อจิ่งชวนกุมมือเธอไว้ตลอดไม่ยอมปล่อย
เฉินฝานซิงเองก็ปล่อยให้เลยตามเลย เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่เคยทัดทานความเผด็จการของเขาได้
ทำเรื่องที่เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์มากไปเธอเองก็ชักจะเอียนแล้วเหมือนกัน
แสงแดดจ้า ทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา
นี่น่าจะไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ได้ที่จะได้เพลิดเพลินกับมัน
ความตกตะลึงยังคงไม่จางหายไปจากใจ
เธอผ่อนลมหายใจออกผ่อนคลายไปทั้งตัว
“ยินดีกับคุณด้วยนะ”
จู่ๆ เฉินฝานซิงก็เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาป๋อจิ่งชวนเองก็แอบแปลกใจอยู่บ้าง
เธอระบายยิ้มออกมา แล้วทอดมองไปรอบๆ สถานที่ที่เรียกได้ว่าวิมานบนดินได้อย่างเต็มปากก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“พรุ่งนี้เป็นวันที่คุณต้องขึ้นรับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของทั่วโลกไม่ใช่เหรอ”
เธอหันไปมองเขา “รับช่วงต่อสกุลป๋ออย่างเป็นทางการ ขอแสดงความยินดีกับผู้รับตำแหน่งคนใหม่ด้วย”
ความประหลาดใจฉายชัดขึ้นในดวงตาสีนิลชั่วอึดใจก่อนมันจะแปรเปลี่ยนเป็นความชอบใจ
“คุณรู้ได้ยังไง”
เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอมาก่อน
ตอนที่ 112 ผมให้สิทธิ์นั้นกับคุณ
“ตระกูลที่ทรงอิทธิพลนั้นมีอยู่ดาษดื่น แต่ว่าคฤหาสน์หลังนี้กลับไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถจับต้องได้ หากไม่ใช่เพราะกำลังอันมหาศาลของสมาคมสกุลป๋อ ก็เกรงว่าไม่มีใครที่สามารถจะทำได้อีก”
ป๋อจิ่งชวนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน อาจจะมีคนที่ร่ำรวยกว่าสกุลป๋ออีกมากมาย เพียงแค่พวกเขาไม่คิดจะเปิดเผยตัวเท่านั้นเอง”
เฉินฝานซิงพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้ตอบถูกหรือผิด
“แต่ คุณแซ่ป๋อ ไหนจะงานเลี้ยงวันเสาร์นี้อีก คุณไม่ต้องส่งบัตรเชิญให้ฉันแต่ก็สามารถอนุญาตให้ฉันไปร่วมงานได้ง่ายๆ ”
เธอมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ “มีความสามารถแบบนี้ แถมยังมีคฤหาสน์เซิ่งจิ่งหลังโตขนาดนี้ของสกุลป๋ออีก คงจะเป็นป๋อเดียวกันกับสมาคมสกุลป๋อคนนั้นแล้วล่ะมั้ง”
“งั้นคุณรู้รึเปล่าว่าสกุลป๋อยังมีทายาทอีกหนึ่งคน”
เฉินฝานซิงหุบยิ้มลง
“ถึงคุณจะไม่ชอบเปิดตัว แต่น้องชายของคุณป๋อจิ่งหางดูจะไม่เป็นแบบนั้น แม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้เป็นที่รู้จักทั่วกัน แต่คนที่ลงพาดหัวข่าวในซุบซิบบันเทิงไม่เว้นแต่ละวันอย่างเขา ฉันคิดว่าหลายคนก็คงคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่”
เมื่อพูดถึงเจ้าน้องชายคนนี้ป๋อจิ่งชวนถึงกับอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วขึ้นกดลงตรงหว่างคิ้ว
คิดแล้วน่าปวดหัว แกล้งเป็นไม่สนเสียยังดีกว่า
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อกี้ ก่อนหน้านี้ก็แค่สงสัย แต่ตอนนี้มั่นใจสุดๆ”
เขาลดสายตาลงมองเธอด้วยดวงตาสีหม่น
“สืบเรื่องของผม?”
“กล้าซะที่ไหน”
เธอรีบส่ายมือไปมาแต่ระหว่างคิ้วนั้นเต็มไปด้วยความขบขัน
เขาลากเธอเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ “ไม่กล้าอะไร ผมให้สิทธิ์นั้นกับคุณ”
เฉินฝานซิงแย้มมุมปากขึ้นบางๆ “ยั่วกันเกินไปแล้วนะ”
เจ้าของสีหน้าอบอุ่นยืดตัวขึ้นตรงก่อนจะกระแอมไอออกมาหนึ่งครั้ง
เธอมองริ้วคลื่นที่โดนสายลมพัดผ่านบนผิวทะเลสาบ ลมบริเวณนั้นได้พัดพามาซึ่งความหนาวเย็น
“เรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะ คุณควรพักผ่อนเยอะๆ”
“ตกลง เอาอย่างที่คุณว่า”
—
วันถัดมา
เฉินฝานซิงแต่งตัวอย่างสุภาพเรียบร้อยมายังบ้านใหญ่เพื่อทานอาหารทานยาตามปกติ
“คุณหนูเฉิน อาการหวัดดีขึ้นรึยังคะ”
เธอพยักหน้ารับ “ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”
เพิ่งพูดจบ ลำคอก็เริ่มมีอาการคันๆ จนเรียกเสียงไอออกมาอย่างช่วยไม่ได้
จางมาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
“คนหนุ่มสาวนี่อวดเก่งกันดีจริงๆ ฉันก็ไม่เห็นว่าคุณจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานตรงไหน เหมือนๆ กับคุณผู้ชายนั่นแหละค่ะ!”
“เขายังไม่ดีขึ้นเลยเหรอ”
“ก็นั่นน่ะสิคะ แถมยังมาป่วยเอาในวันสำคัญเสียด้วย”
“…” เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไร
ในตอนนั้นกระดิ่งตรงหน้าประตูก็ได้ดังขึ้น บ่าวรับใช้ได้เปิดประตูออก ที่แท้ก็เป็นอวี๋ซงนั่นเอง
“คุณหนูเฉิน นี่เป็นชุดราตรีที่คุณผู้ชายตั้งใจเลือกให้คุณเป็นพิเศษ”
ขณะที่อวี๋ซงพูดอยู่นั้นเขาก็จงใจเน้นย้ำตรงคำว่า ‘เป็นพิเศษ’ สามคำนี้
“ว่าไงนะ”
เธอแอบสงสัยเล็กน้อย
ป๋อจิ่งชวนเลือกชุดราตรีให้กับเธอ?
เขาว่างมากขนาดนั้นเชียว
ไม่นาน เสียงกริ่งของคฤหาสน์ก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง
คนกลุ่มหนึ่งที่แต่งตัวนำสมัยได้เดินกันเข้ามา
“ท่านไหนคือคุณหนูเฉิน”
ชายหนุ่มคนแรกที่ย้อมเส้นผมด้วยสีเทาควัญบุหรี่ สวมชุดเอียงข้างเซอๆ กางเกงขาเดฟสีขาว อีกทั้งต่างหูสีดำสองข้างแสนสะดุดตา
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้นำแฟชั่นที่นิสัยเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ เพียงแต่ในตอนนี้เขาจะกำลังสงบเสงี่ยบอยู่
“ฉันเองค่ะ แล้วคุณคือ?”
เฉินฝานซิงลุกขึ้นยืน
ยังไงที่นี่ก็เป็นพื้นที่ของป๋อจิ่งชวน แต่พวกคนที่มาในวันนี้กลับมาหาเธอซะงั้น?
ชายหนุ่มพยักหน้า
“สวัสดีครับ ผมคือเดวิส จะมาเป็นสไตลิสต์ให้กับคุณในวันนี้”
เธอตกตะลึง
เดวิส?!
แม้พวกเขาจะแตกต่างกัน แต่ชื่อนี้เธอกลับรู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างมาก
สไตลิสต์ที่ไอดอลหลายต่อหลายคนต่างก็ใฝ่ฝัน…