สิ้นคำ ทั้งห้องประชุมก็เงียบเป็นป่าช้า
ดูเหมือนว่าจะไม่มีสัญญาณตอบรับสำหรับสิ่งที่ซูเหิงต้องการจะสื่อ
ไม่แน่ซูเหิงอาจจะพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
ที่บอกว่าใส่ชื่อไว้ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิจัยและพัฒนา ไม่อนุญาตให้ใครเขามาจัดการเหรอ
ในบริษัทนี้ใครกล้าลองดีกับแผนกวิจัยพัฒนา?
ไหนจะประโยคแบบนั้นอีก นี่มันเป็นการเจาะจงใครหรือเปล่า
เป็นเวลาเนิ่นนานที่ผู้คนในห้องประชุมต่างก็มองหน้ากันก่อนจะหันไปมองเฉินฝานซิงพร้อมกันเป็นตาเดียว
คำตอบไม่ต้องบอกก็รู้
เฉินฝานซิงอึ้งไปเป็นนาที ก่อนจะปรับสีหน้ากลับมาเป็นเหมือน มีเพียงมุมปากที่กระตุกขึ้นบางๆ
การขยับเพียงเล็กน้อยบนใบหน้าสวยเกลี้ยงเกลานั้นตีความได้แค่ ‘ถากถาง’ สองคำนี้
หัวหน้าแผนกวิจัยและพัฒนาคือใคร
เฉินฝานซิง!
หัวหน้านักปรุงน้ำหอมของกิจการสกุลซูคือใคร
เฉินฝานซิง!
ความหมายในคำพูดนี้ของประธานซู ไม่ต่างกับการบอกว่าเขากำลังเขี่ยหัวหน้าเฉินคนนั้นทิ้ง!
นี่มัน…
“ประธานซู คุณล้อเล่นใช่ไหม ความสามารถและศักยภาพของหัวหน้าเฉินก็ล้วนเป็นที่ประจักษ์แล้ว! อีกทั้งหลายปีมานี้ก็เธอก็บริหารในส่วนของการวิจัยพัฒนามาโดยตลอด ไม่ว่าจะด้านไหนๆ ก็ไม่มีใครจะชำนาญไปกว่าเธออีกแล้ว! ”
“ใช่ เรื่องนั้นแทบจะไม่ต้องคิดเลย หากจะให้คุณเฉินเชียนโหรวมาเป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรานั้นไม่มีปัญหาแน่นอน! แต่อยู่ๆ จะยัดเธอให้เป็นหัวหน้านักปรุงน้ำหอมและหัวหน้าแผนกวิจัยพัฒนาอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ จะให้ยอมรับได้ยังไง”
ในเวลานี้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลอย่างหลิวฉีเองที่เดินเข้ามาพร้อมกับเฉินผ่านซิงก็อดสวนกลับไปไม่ได้
“ใช่แล้วประธานซู การยัดคนเข้ามาจะไม่ยุติธรรมไปหน่อยเหรอ รู้หรือเปล่าว่ามีพนักงานที่ดีเด่นมากน้อยแค่ไหนที่กำลังรอโอกาสได้เลื่อนขั้นอยู่! คุณหนูเฉินนี่…จู่ๆ จะแทรกเข้ามาในแผนกที่สำคัญที่สุดในบริษัทก็ไม่ว่าแล้ว ยังจะมาควบสองตำแหน่งในคราวเดียว…ปกติคุณหนูเฉินเธอถ่ายละครในวงการบันเทิง รับแค่พรีเซนเตอร์โฆษณาก็ยุ่งพออยู่แล้ว จะเอากะจิตกะใจที่ไหนมาบริหารเรื่องในบริษัท…แล้วก็ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนหัวหน้าเฉินของพวกเรา! ”
ประโยคสุดท้ายของหลิวฉีแฝงไปด้วยความดูแคลนโดยไม่รู้ตัว แสดงให้เห็นถึงความยอมรับในตัวของเฉินฝานซิงอย่างเต็มเปี่ยม
แค่เขาหลุดคำนั้นออกมา ทั้งห้องประชุมต่างพากันส่ายหน้าอย่างไม่เห็นดีกับแผนนี้
ในห้องประชุมก็เริ่มวุ่นวายอีกครั้ง
เฉินเชียนโหรวมองห้องประชุมที่เละเทะเบื้องหน้าพลางกัดฟันกรอด ความเจ็บใจเล็กน้อย ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย
เธอเงยหน้ามองซูเหิง ความไม่พอใจยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่
ซูเหิงเลิกคิ้วขึ้นสูง ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มไปด้วยความไม่พอใจและเคร่งขรึม
“ในเมื่อผมตัดสินใจแบบนี้ ก็ต้องมีเหตุผลที่เพียงพอ! ”
“แต่ว่าประธานซู พวกเราจะต้องรู้เสมอว่าเหตุผลนั้นคืออะไรไม่ใช่เหรอ คนที่แทรกเข้ามาโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ นอกจากมีความสามารถด้านเป็นนักแสดงโดยตรง อย่างอื่นพวกเราก็ไม่เห็นว่าคุณจะให้พวกเราเชื่อใจเธอได้ยังไงและร่วมงานกับเธอได้ยังไง?”
มีคนแย้งขึ้นอีก แทบจะทุกคนที่อยู่ข้างเฉินฝานซิง
ซูเหิงเม้มปากแน่นอย่างข่มอารมณ์
ขณะนั้นเองรองหัวหน้าแผนกวิจัยพัฒนาและควบตำแหน่งหนึ่งในวิศวกรที่วิจัยเครื่องสำอางอย่างอันน่าลี่ซึ่งนั่งข้างๆ เฉินฝานซิงมาโดยตลอด ก็เอ่ยขึ้นเสียงราบเรียบ
“การแข่งขันปรุงน้ำหอมครั้งใหญ่ที่ฝรั่งเศสปีที่แล้วฉันก็ไปมา ฉันเคยเจอคุณเฉินเชียนโหรว แล้วก็ยังจำได้อีกว่ากรรมการบางท่านเรียกคุณหนูเฉินว่า Rosanna…”
เฉินเชียนโหรวยิ้มอย่างอึดอัดใจ “มันใช่เรื่องที่ควรพูดถึงหรอก แค่ที่สี่เองว่าไปแล้วน่าอายจะตาย…”
ในเวลานี้นัยน์ตาของเฉินฝานซิงที่นั่งไม่พูดจาอยู่ตั้งนานก็วูบไหวเบาๆ