“ผมต้องการคุณ!”
คำพูดทุ้มต่ำและกระชับดังขึ้นอีกครั้ง
แม้จะออกมาจากน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่ฤทธิ์ของมันร้ายแรงพอที่จะบีบรัดก้อนเนื้อกลางอกของเธอ
หัวใจของเธอเต้นอย่างบ้าคลั่ง
เธอรวบมือเข้ามาแล้วกลับมานั่งตัวตรงอีกครั้ง
เหม่อมองสายฝนข้างนอกรถผ่านหน้าต่างที่ดูท่าแล้วว่าจะตกหนักขึ้นกว่าเก่า ใช้ความพยายามอยู่พักใหญ่เพื่อทำให้หัวใจที่เต้นไม่หยุดค่อยกลับมาเต้นในจังหวะปกติ
ความเงียบเข้าปกคลุมในห้องโดยสาร หยาดฝนข้างนอกเกาะตัวเข้าด้วยกันค่อยๆ ไหลลงมาบนหน้าต่างรถ เบลอทัศนียภาพข้างนอกรถไปอย่างช้าๆ
เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าเธอจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งในลำคอ
“คุณพูดถูก ฉันควรจะเริ่มต้นใหม่ ยินดีด้วยที่คุณได้กลายเป็น…ผู้ชายคนแรกในชีวิตใหม่ของฉัน?”
ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้ว
“เปลี่ยนการพูดซะไหม ไม่ใช่ผู้ชายคนแรก ต้องเป็นผู้ชายคนเดียวเท่านั้น”
เฉินฝานซิงกำมือที่วางอยู่หน้าลำตัวแน่น
เธอลังเลอยู่สักพัก ในใจคิดถึงแต่สิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมา หัวใจก็อดที่สั่นไหวไม่ได้
“ป๋อจิ่งชวน…ฉันไม่รู้ว่าจะเชื่อใจคุณได้ยังไง”
เธอพูดสิ่งที่ไม่ตรงกับใจออกมาอย่างยากลำบาก
ไม่ใช่ว่าไม่อยากเชื่อใจ แต่เธอแค่ไม่อยากจะให้มันจบแบบครั้งที่ผ่านมา
เธอเองก็เคยเชื่อใจซูเหิงอย่างไร้ข้อแม้มาก่อน เวลาแปดปีทำให้เธอไม่แคลงใจเลยแม้แต่น้อย
แล้วสุดท้ายล่ะ
แบบนี้จะทำให้เธอไว้ใจผู้ชายที่เจอกันเพราะพรหมลิขิตได้ยังไง
จะให้เธอเอาชีวิตเป็นเดิมพันง่ายๆ แบบนี้?
ทำไม่ได้ เธอทำไม่ได้จริงๆ
การหลีกหนีจากความเจ็บปวดเป็นพื้นฐานของมนุษย์ ไม่มีจะมาบังลมบังฝนให้เธอได้ เธอจึงต้องปกป้องตัวเองเหมือนเม่นตัวหนึ่งก็ไม่เลวเหมือนกัน
เขากวาดตามองเธออย่างราบเรียบก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบว่า
“นั่นมันหน้าที่ของผม”
“…” เธอแหงนหน้ามองเขา
“จะทำให้คุณไว้ใจผมได้ยังไง เป็นหน้าที่ของผม”
เขาทวนคำพูดอีกครั้งแล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา ดวงตาสีดำขลับฉาบไปด้วยแสงสะท้อนจางๆ
“ถ้าได้คุณมาง่ายๆ งั้นสายตาของผมก็คงจะมีปัญหาแล้วล่ะ การโดนคุณทำลายน้ำใจกลับเป็นสิ่งที่ตรงใจผมมากกว่าเสียอีก”
เธอชะงักไปค่อนวัน รู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าเธอนี้จะกินแรงอยู่เอาการ
เธอคง…รับมือได้ยากพอควร
สุดท้ายเธอทำได้เพียงยกมือขึ้นกุมหน้าผากเกลี้ยงเกลาอย่างหน่ายใจ พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“แค่คุณสบายใจก็พอแล้ว”
“รอคุณยอมรามือคงไม่ใช่เรื่องง่าย”
เสียงในลำคอของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข บรรยากาศในรถที่เต็มไปด้วยแรงกดดันเมื่อครู่กลับมีชีวิตชีวาขึ้น
“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงนะ”
บรรยากาศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทำให้เฉินฝานซิงรู้สึกว่าอาการของเขาเหมือนชายหนุ่มที่เพิ่งขอหญิงสาวแต่งงานได้สำเร็จ
“ผมรู้” รอยยิ้มของเขาไม่ได้กว้างน้อยไปกว่าเดิม
“แล้วคุณดีใจอะไร”
“สิ่งที่คุณพูดเมื่อกี้ ไม่ได้หมายความว่าคุณยอมให้ผมจีบคุณได้หรอกเหรอ”
“…ลาก่อน”
เฉินฝานซิงลอบขบริมฝีปาก ความเคอะเขินปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย
รู้ว่าเขาฉลาดหลักแหลมแค่ไหน แต่การตอบโต้แบบนี้มันเร็วเกินไปแล้ว
เธอก็แค่ไม่อยากรับมือกับเขาต่อ จะยอมหรือไม่เธอเลือกได้ที่ไหน
ถ้าเธอไม่ยอมด้วยเขาจะยอมยกธงขาวว่างั้น?
คำตอบคงไม่ต้องคิดนาน
ว่าจบเธอก็หันไปเปิดประตู ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับยื่นมือมารั้งมือเธอเอาไว้
ฝ่ามือใหญ่อบอุ่นกอบกุมเรียวนิ้วขาวนวลปานดอกโหรวถี ผิวหนังที่สัมผัสกันโดยตรงจนเธอแข็งทื่อไปทั้งตัว
“คุณ…จะทำอะไร”
“ฝานซิง”
เสียงทุ้มต่ำและน่าหลงใหลค่อยๆ กังวานในห้องโดยสารรถยนต์แคบ
สองคำดูเหมือนจะเคี่ยวอยู่ในลำคอของเขาเนิ่นนาน ริมฝีปากและฟันพึมพำด้วยเสียงต่ำเป็นธรรมชาติและชวนฟัง
คิ้วของเธอกระตุกเบาๆ