เฉินฝานซิงอมยิ้มมองต่ำ
จนถึงตอนนี้แล้วเขายังคิดว่าจะทำให้เธอกลัวด้วยการระเบิดอารมณ์ใส่เธออยู่อีกเหรอ
รองเท้าที่เล็กกว่าเท้าไปหนึ่งเบอร์ใส่ให้ชินก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว
ถ้อยคำบางคำได้ยินบ่อยๆ เข้าก็ไม่สะทกสะท้านได้เหมือนกัน
“ไม่ได้เตือนคุณกรรมการเฉินมานานแล้ว ยังไงซะครั้งนี้คนที่ให้กำเนิดคุณที่เป็นพ่อของเด็กเหลือขออย่างฉันออกมายังอยู่ตรงหน้านี่ คุณไม่กลัวว่าจะโดนไม้เท้าในมือนั่นจะฆ่าคุณเอาเหรอ”
เฉินเต๋อฝานอึ้งสนิท ไม่ตอบโต้ไปพักหนึ่ง คำพูดเล่นลิ้นของเฉินฝานซิงแท้จริงแล้วต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ เขาแอบทบทวนอย่างเงียบๆ ในใจก่อนที่ประสาทการรับรู้จะกลับมาอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง
เมื่อคิดได้ว่าตัวเองถูกเธอปั่นหัวเข้าให้แล้วใบหน้าก็แสดงความเกรี้ยวกราดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เขายกมือขึ้นชี้หน้าเฉินฝานซิง “ฉันเสียดายที่ฉันไม่เอาขี้เถ้ายัดปากแกให้ตายๆ ไปตั้งแต่ทีแรก! จะได้ตัดปัญหาที่แกชอบทำเรื่องขายหน้าให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล”
เฉินฝานซิงยิ้มเย็น “เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล? ตระกูลเฉินมีชื่อเสียงให้เสื่อมเสียด้วยงั้นเหรอ บีบบังคับภรรยาที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันจนตาย แล้วไปสู่ขอผู้หญิงที่สวย รวย ขาวมาเป็นเมีย ถ้าการประจบสอพลอและความหลงในอำนาจเงินเรียกว่าชื่อเสียงวงศ์ตระกูลได้ละก็บ้านตระกูลเฉินก็คงเรียกได้ว่าเป็นจ้าวแห่งวงการ”
“แก…กล้าดียังไง!”
เฉินเต๋อฝานถูกยั่วโมโหจนแทบคลั่ง ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าลูกสาวที่ดูเย็นชาไม่ยี่หระอย่างนี้ จะกล้าพ่นคำพูดที่ส่อความเนรคุณแบบนี้ออกมาได้
“พอได้แล้ว!”
เจียงหรงหรงปรามขึ้น เฉินเต๋อฝานโมโหจนขบฟันกรอดแต่กลับโดนหยางลี่เวยรั้งแขนเอาไว้แน่น
เฉินฝานซิงตีหน้าเรียบต่อหน้าคนเหล่านี้แม้แต่ยิ้มที่เยียบเย็นเธอก็ไม่อยากจะแสดงให้เห็น
“นึกว่าการไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปีจะช่วยดัดนิสัยแกได้บ้าง ที่ไหนได้นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าแกจะเป็นหนักยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก”
เจียงหรงหรงพูดขึ้นพร้อมทั้งแววตาที่ลุกโชน เธอตรงเข้ามาใกล้เตียงผู้ป่วยทีละก้าวทีละก้าว
“ดูเหมือนพวกคุณคงยังไม่รู้ฉันกลับมาจากต่างประเทศได้สามปีแล้ว”
เจียงโหรวโหรวหยุดนิ่งตรงหน้าเธอ สิ้นประโยคสุดท้ายของเฉินฝานซิงเสียงไม้เท้าในมือก็ได้ดังขึ้น
เสียงกระเบื้องและไม้กระทบกัน สื่อให้คนบนเตียงคนไข้ได้รับรู้ถึงความไม่สบอารมณ์
“ฉันเคยคิดว่าจะขัดเกลาความร้ายกาจผิดมนุษย์ของแกได้ แต่ดูเหมือนเวลาสามปีคงจะยังน้อยไป!”
ในที่สุดเฉินฝานซิงก็เริดหน้าตวัดสายตามองเจียงหรงหรง แล้วหยัดกายขึ้นในชั่วพริบตา ถึงแม้ว่าร่างกายจะผ่ายผอมแต่ทว่ากลับสูงสง่า คนที่ถูกมองเหยียดลดสายตาลงมองเจียงหรงหรงที่มีส่วนสูงที่เสียเปรียบเธอ
เจียงหรงหรงใบหน้าเจื่อนไปในทันที
เธอเกลียดท่าทีที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองและจองหองเฉินฝานซิง
เหมือนแม่ของเธอไม่มีผิด ความก้าวร้าวแบบนั้นราวกับว่ามันไหลเวียนอยู่ในสายเลือดของพวกเธอตั้งและกำเนิดและจะไม่มีวันจางหาย
“ทำไม จะไล่ฉันไปซูดานอีกเหรอ?”
แม้ใบหน้าจะเย็นชาไร้อารมณ์ แต่ภายในใจกลับรู้สึกหนาวเหน็บ
หกปีก่อน เธอถูกคนพวกนี้จับส่งไปยังประเทศที่ล้าหลังทางเศรษฐกิจและมีสังคมสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายอย่างเช่นประเทศซูดาน โดยไม่สนใจคำทัดทานอะไรทั้งนั้น หลังจากนั้นก็ไม่เคยไปดูดำดูดีเธออีกเลย!
นี่คือสมัยนี้ หากเป็นเมื่อก่อนก็ไม่ต่างอะไรกับการถูกเนรเทศ!
ถ้ารอดก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าตายก็ช่วยไม่ได้ ถึงขนาดที่ว่าต่อให้ตายก็ไม่มีใครรู้ไม่มีใครสน
หากไม่ใช่ว่าตัวเองเป็นลูกในไส้ของเฉินเต๋อฝาน เธอก็คงคิดว่าตัวเองเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขา!
เพื่อเฉินเชียนโหรวคนเดียว พวกเขาก็แทบจะรุมกันเหยียบเธอให้จมดิน!
จะให้เธออ่อนข้อให้ได้ยังไงกัน
ชีวิตของเธอจะไม่ยอมตกเป็นลูกไก่ในกำมือคอยให้คนพวกนี้เหยียบย่ำได้ตามอำเภอ!
ต้องขอบคุณที่พวกเขาทำให้เธอรู้ว่าจะต่อสู้ในศึกที่ยากลำบากนี้ได้ยังไง
และก็ต้องขอบคุณในความไม่แยแสของพวกเขาที่ทำให้ถึงแม้เธอจะจากซูดานมาแล้วแอบหนีไปฝรั่งเศสด้วยตัวเองพวกเขาก็ยังไม่รู้!
และยิ่งไม่ทางรู้ว่าสามปีที่ฝรั่งเศสของเธอนั้นเธอได้ทำอะไรไว้บ้าง…