เฉินฝานซิงวางตะเกียบลง
อวี๋ซงนึกสงสัยแต่ก็ยังจ้องเธอกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ผู้ช่วยอวี๋ คุณช่วยกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันกินมันหมดแน่ๆ แต่ฉันไม่ค่อยชอบกินอาหารแล้วมีคนมายืนจ้องอยู่แบบนี้”
อวี๋ซงใคร่ครวญอยู่สักพักก็พยักหน้ารับ
“ทราบแล้วครับ คุณเฉินเชิญทานให้อร่อยผมขอตัวก่อน”
“ค่ะ” เฉินฝานซิงตอบเสียงแผ่วแล้วว่างตะเกียบลงเตรียมจะลุกขึ้น
“คุณเฉินส่งผมแค่นี้ก็พอครับ”
อวี๋ซงเสริมขึ้น ร่างที่ยืดขึ้นมาแล้วครึ่งหนึ่งชะงักลงแล้วนั่นกลับลงไป
“งั้นฉันไม่ส่งแล้วนะคะ” เธอเลิกคิ้วตอบ
อวี๋ซงพยักหน้ารับอีกครั้ง แล้วหมุนตัวจากไป ตอนนี้ไม่มีดวงตาที่คอยจับจ้องและจับผิดเธออย่างเมื่อสักครู่แล้ว
ตอนแรกที่รู้ว่าคุณชายจะให้เขามาส่งอาหารให้กับคุณเฉินเขาเองก็ช็อกอยู่เหมือนกัน
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยเห็นว่าคุณผู้ชายสนใจผู้แปลกหน้าคนไหนที่เคยเจอกันโดยบังเอิญ แถมยังจู่โจมเขาอย่างโจ่งแจ้งอีกต่างหาก
เขาเองก็อดสงสัยไม่ได้ ในตอนแรกเขายังคิดว่าคุณผู้ชายนั้นตัดสินใจเร็วไปด้วยซ้ำ เขาจึงเก็บเอาความสงสัยใคร่รู้มาเป็นเป้าหมายในการมาครั้งนี้
แค่ระยะเวลาสั้นๆ ที่อยู่ด้วยกัน เขาก็ได้รู้แล้วว่านิสัยใจคอพร้อมทั้งกิริยามารยาทของผู้หญิงคนนี้ดีอย่างเหลือเชื่อ
คุณผู้ชายจะเลือกเธอก็ไม่แปลก
“ก่อนจะถึงศุกร์หน้ายังพอมีเวลานิดหน่อย เธอสองคนไปจัดการให้เรียบร้อย ดูสิว่าพอจะขอพบพ่อแม่ของซูเหิงได้หรือเปล่า”
“ครับ เข้าใจแล้ว” เฉินเต๋อฝานตอบรับ
คนพวกนี้มีความเห็นพ้องต้องกันกับเรื่องนี้อย่างไร้ข้อกังขา การตอบสนองและท่าที่สมเหตุสมผลเหล่านั้นทำให้ใครๆ ก็มองว่ามันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
อวี๋ซงกวาดตามองบุคคลทั้งสามอย่างช้าๆ ก่อนจะเดินผ่านคนพวกนั้นไป
รูปลักษณ์ที่ดูสะดุดตาทำให้ทั้งสามอดที่จะให้ความสนใจไม่ได้ แต่ก็ได้เพียงมองผ่านๆ แวบนึงและก็ไม่ได้กลับไปสนใจอีกเลย
–
ตอนนี้ท้องของเฉินฝานซิงกำลังหิวได้ที่ นับว่าป๋อจิ่งชวนโจ๊กส่งมาให้เธอได้ทันเวลาเลยทีเดียว
ในเมื่อรับมาแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นที่จะทิ้งให้เสียของ
ทว่ากินเข้าไปได้ไม่กี่คำ ประตูห้องที่ถูกปิดไปได้ไม่นานก็ได้เปิดออกโดยไม่มีแม้แต่เสียงเคาะประตู
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันแหงนหน้าขึ้นมองไปยังประตู
สีหน้าที่หม่นหมองอยู่แล้ว เมื่อได้มองไปยังกลุ่มคนที่เดินเข้ามาก็ทำให้ใบหน้าสวยหม่นหมองยิ่งกว่าเก่า
เจียงหรงหรงเดินนำเข้ามา เฉินฝานซิงเพิกเฉยต่อสายตาเกลียดชังที่เธอมอบให้ เธอคลายคิ้วลง มองช้อนไม้ที่เฉิงฝานซิงถืออยู่ในมือก่อนที่มันจะถูกวางลง
ไม่มีอารมณ์จะกินต่อแล้ว
“ฝานซิง ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วเหรอ”
หยางลี่เวยที่คอยอยู่ข้างหลังเจียงหรงหรงก้าวเข้ามา เดรสสีน้ำตาลแดงปักลาย เสื้อคลุมที่ทำจากผ้าโปร่งในสีเดียวกัน ผมถูกเกล้าอย่างพิถีพิถัน ทรงหน้ารูปไข่ที่ผ่านการบำรุงมาเป็นอย่างดี ทำให้เธอดูมีอำนาจแต่ทั้งยังอ่อนโยนอ่อนหวานไปด้วยเช่นกัน
น้ำเสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและห่วงใย
เฉินฝานซิงไม่โต้ตอบ
ต่อให้ดีกับเธออีกสักแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันญาติดีกับคนที่บีบคั้นคุณแม่ของเธอจนตายหรอก
แค่คิดถึงคุณแม่เฉินฝานซิง ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่กลางอก
ฝ่ามือเย็นข้างลำตัวกำหมัดแน่น ความเกลียดชังในใจเริ่มปะทุออกมา!
“ผิดหวังหน่อยนะ พอดียังไม่ตาย”
สามปีก่อนเธอถูกบังคับให้ออกจากประเทศ หลังนั้นสามปีเธอก็กลับมาและอุทิศตัวให้กับบริษัทของซูเหิงและบริษัทที่แม่ของเธอทิ้งไว้!
บ้านหลังนั้นน่ะ เธอไม่เคยคิดจะกลับไปเหยียบแม้แต่ครั้งเดียว หากไม่ใช่เพราะว่าคุณปู่ของยังอยู่ในบ้านหลังนั้น ชาตินี้ทั้งชาติเธอก็ไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับคนพวกนี้!
ความหยาบคายและไม่แยแสอย่างเช่นทุกครั้งของเฉินฝานซิงทำให้เฉินเต๋อฝานเดือดสุดขีด
“ยัยเด็กเหลือขอ! ท่าทางแบบนี้หมายความว่ายังไง!”