เฉินฝานซิงจ้องมองซูเหิงอยู่นาน ทันใดเธอก็หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นเยียบและเย้ยหยัน สีหน้าดุดันอย่างไม่มีสิ่งใดเปรียบ
แต่ภายในใจของเธอกลับเจ็บจนเกินจะทนราวกับมีมีดคอยกรีดแทง
คำพูดเขาช่างดูคลุมเครือ เธอเข้มแข็งแล้วมันผิดด้วยเหรอ
เข้มแข็งแล้วจะต้องเป็นนางมารร้าย คอยรังแกคนอ่อนแอกว่างั้น?
คำพูดที่เคลือบแฝงของเขาเป็นดั่งมีดเล่มคมที่ปักทะลุหัวใจ
“ฝานซิง…”
เมื่อเห็นเธอที่เป็นเช่นนั้น ความรู้สึกละอายก็เกิดขึ้นในใจ เขาอยากจะยื่นมือไปคว้าเธอไว้ ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ขอแค่ให้เขาได้ดึงเธอเข้ามาปลอบ ทว่าเฉินฝานซิงกลับเดินถอยออกไปสองเก้า
“อย่ามาแตะต้องฉัน!”
เธอแผดเสียงกร้าว ปัดมือเขาออกแล้วเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาช้าๆ ด้วยแววตาว่างเปล่า มุมปากแย้มขึ้นเล็กน้อยแต่มันก็หาใช่รอยยิ้ม
นอกเหนือจากความเย็นชาและถากถาง ก็ยังมีความสิ้นหวังและไร้เยื่อใย!
นาทีนั้น ซูเหิงรู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อกลางอกที่กระตุกวูบ หัวใจที่บีบคลายตัวอย่างหนักหน่วงจนพลอยปวดร้าวไปทั้งทรวงอก
“ฝานซิง…” ซูเหิงเรียกเธออีกครั้ง แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
สายตาเยียบเย็นมองตรงที่เขาก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง
“ซูเหิง นายจำเอาไว้ ฉัน เฉินฝานซิงไม่ต้องการนายอีกต่อไป! และฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่านายกับเฉินเชียนโหรวจะรักกันไปจนชั่วฟ้าดินสลาย! แล้วก็ไม่ต้องไม่ต้องมาสงเคราะห์อะไรฉันทั้งนั้น ฉันไม่น่าสมเพชขนาดนั้น! เหอะ…ใครมันจะไปเอาผ้าขนหนูที่เช็ดเท้าแล้วมาเช็ดหน้าล่ะ!”
ถ้อยคำหยาบคายที่คนตรงหน้าสบถออกมา ซูเหิงทำอะไรไม่ได้นอกจากอึ้งแล้วก็อึ้ง
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่สดใสร่าเริงมาโดยตลอดผ่านการอบรมเป็นอย่างดีจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้
แต่ก็เขาก็สามารถเข้าใจความเดือดดาลนี้ได้ เขาเม้มปากเข้าหากัน ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ว่ายังไงก็ต้อง…ขอโทษด้วย!”
“เข้าใจแล้ว!” เฉินฝานซิงตอบออกมาโดยไม่เว้นช่องว่าง
ซูเหิงแหงนหน้ามองเธอ “เธอรับได้ก็ดี…”
เฉินฝานซิงสีหน้าเรียบนิ่ง
“ทำไมฉันต้องรับ ในเมื่อนายพูดขอโทษได้ ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ยกโทษให้นายได้เหมือนกัน! ไปให้พ้น!”
ซูเหิงมองเธออย่างลึกซึ้งอีกครั้ง เขารู้ดีว่าพูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงพูดได้แค่เพียงประโยคเดียว “พักผ่อนให้เยอะนะๆ” แล้วหมุนตัวออกจากห้องไป
–
จวบจนซูเหิงเดินออกจากห้องไป เฉินฝานซิงจึงทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงคนไข้อย่างไร้เรี่ยวแรง เธอหดขาขึ้นมา สายตาว่างเปล่าเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย
เย็นชาและเข้มแข็ง?
ที่จริงแล้วเธอก็เคยเป็นเหมือนน้ำที่เคยอุ่น ทว่าโลกใบนี้ช่างหนาวเหน็บเกินไป เธอจึงอดที่จะเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นคนเยือกเย็นไม่ได้ อดที่จะเป็นเปลี่ยนให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้นไม่ได้!
เธอทำได้เพียงปกป้องตัวเอง ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บปวด ไม่ทำให้ตัวเองเสียใจ จึงไม่อยากให้ตัวเองต้องเสียน้ำตา ไม่ยอมให้ตัวเองแสดงด้านที่อ่อนแอออกมา ไม่ยอมทำตัวน่าสงสารให้ใครต้องมาสมเพช
เธอนึกว่าหลายปีมานี้ เธอจะชินชาไปแล้ว แต่กลับเพิ่งรู้ในตอนนี้เองว่าเธอไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่ตัวเองวาดฝันเอาไว้ขนาดนั้น การอยู่ตัวคนเดียวในห้อง ก็ทำให้เธอเจ็บปวดได้ ทำให้เธออ่อนแอได้ แน่นหน้าอก กรอบตาร้อนผะผ่าว
แต่จะยอมให้ตัวเองอ่อนแอแค่เพียงเท่านี้!
เธอต้องไม่เปลืองน้ำตา มันไร้ค่าและดูขี้แพ้สิ้นดี
สุดท้ายน้ำตาที่หยดลงมาก็กลายเป็นเพียงฝุ่นละออง ไม่เพียงแต่ดูไร้ค่าทว่ามันอาจกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับคนอื่นๆ อีกด้วย
เธอรู้สึกถึงอีกร่างหนึ่งที่กำลังใกล้เข้ามา หลังจากนั้นไม่นาน ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดผืนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
เฉินฝานซิงผงะถอยไปเล็กน้อยก่อนจะหันขวับมามอง แววตาอ่อนโยนฉายแววตกใจเล็กน้อย
เธอคลายสองแขนที่กอดเข่าตัวเองไว้ยืดตัวขึ้นยืนข้างเตียง
จ้องมองชายหนุ่มรูปงามที่สูงเลยศีรษะเธอขึ้นไป
เมื่อกี้เพิ่งจะแยกกันแท้ๆ ตอนนี้กลับมาเจอกันอีกแล้ว