ก๊อกๆ…
จู่ๆประตูห้องทํางานก็ถูกเคาะดังเข้ามา
เขากํามือแน่น ผ่านไปสักพักนึงความรู้สึกภายในใจก็ได้สงบลง เอารูปวางลงไปในลิ้นชักอีกครั้ง เอาเอกสารเล่มนึงมาเปิด แล้วถึงจะเอ่ยออกไป “เข้ามา”
มือของหลิงเวยถือเอกสารชุดหนึ่งเดินเข้ามา เธอเอาเอกสารส่งเข้าไป “อันนี้ต้องใช้วันนี้ ต้องการให้คุณเซ็น”
เจียงโม่หานรับมาเปิดด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
“ฉันเห็นสีหน้าคุณไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่า?” หลิงเวยเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง ไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อวานเลยสักคําเดียว
มุมปากของเจียงโม่หานเม้มแน่น แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับออกไป
หลิงเวยกัดริมฝีปากออกมา “โม่หาน…”
“เสร็จแล้ว” ในตอนนี้เขาก็ได้โยนเอกสารที่ได้เซ็นเสร็จเรียบร้อยแล้วออกไป เห็นได้ชัดว่าไม่อยากฟังหลิงเวยพูด
หลิงเวยกํามือ สุดท้ายก็ได้ข่มกลั้นคําพูดที่อยากจะพูดเอาไว้ แล้วหยิบเอกสารขึ้นมา “กองทุนรักฝัน จัดงานเลี้ยงการกุศล ได้ส่งการ์ดเชิญมาให้คุณ”
พูดไปแล้วได้ยื่นการ์ดที่แกะด้วยตัวหนังสือสีทองเข้าไป
กิจกรรมจําพวกนี้ปกติแล้วคนที่ไปล้วนแล้วแต่จะเป็นบุคคลที่มีหน้ามากันทั้งนั้น หลักๆแล้วจะให้คนมีเงินเหล่านี้ เสนอเวทีการโฆษณาให้ มีตําแหน่งแล้ว แน่นอนว่ายังจะต้องการชื่อเสียงดีๆมา อีกด้วย
นี่เป็นกิจกรรมที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย คนมีเงินบริจาคไปจะได้ชื่อเสียง มูลนิธิจะเอาเงินที่เรี่ยไรมาไปช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านั้น
เจียงโม่หานมองไปแวบนึง แล้วก็เอ่ยออกไป “ฉันรู้แล้ว”
“ฉันไปกับคุณ” หลิงเวยกลัวว่าเขาจะปฏิเสธจึงเอ่ยออกไป “งานเลี้ยงจําพวกนี้ข้างกายคุณจําเป็นต้องมีคู่ควงผู้หญิงด้วยสักคน”
เจียงโม่หานส่งเสียงลืมไปนิ่งๆ “เธอออกไปทํางานเถอะ”
โรงแรม
ในมือของกู้เสียนถือกล่องใบหนึ่ง เคาะประตูห้องของจงเหยียนซี
บนร่างของเธอกําลังสวมชุดสบายๆสําหรับอยู่ที่บ้านอยู่ บนสันจมูกยังสวมแว่นกรองแสงกําลังทํางานอยู่ที่หน้าคอมอยู่ ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอเดินเข้าไปเปิดประตู เห็นว่าเป็นกู้เสียนจึงเอ่ยถามออกไป “นายมาได้ยังไง?”
“แน่นอนว่ามีธุระ” ไม่รอให้จงเหยียนซีเชิญเขาเข้าไป ก็ได้แทรกตัวเข้ามาเอง
เธอปิดประตูลง ถอดแว่นออกพลางถามออกไป “อยากจะดื่มอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ดื่มไม่ดื่ม ลองชุดราตรีชุดนี้ดู” กู้เสียนยื่นเข้าไป
จงเหยียนซีมองเขาไปอย่างงงงวย “ลองชุดราตรีไปเพื่ออะไร?”
“แน่นอนว่ามีงาน” กู้เสียนดึงเธอเอาไว้ “งานเลี้ยงการกุศลงานหนึ่ง ฉันไม่มีคู่ควง เธอไปกับฉัน”
จงเหยียนซีเลิกคิ้วออกมา “ฉันไม่ว่าง”
“ฉันไม่สน เว้นเสียแต่ว่าเธอจะไม่ต้องการเพื่อนคนนี้อีกแล้ว” กู้เสียนเข้าไปนั่งบนโซฟา พลางเล่นลูกไม้หน้าด้านๆออกมา
จงเหยียนซีหยิบชุดราตรีที่เขาเอามาให้ขึ้นมาอย่างจนใจ “นายช่วยฉันมาหลายเรื่อง หาได้ยากที่นายจะต้องการความช่วยเหลือ วันนี้ก็เอาตามที่นายว่าแล้วกัน”
กู้เสียนยิ้มออกมา “เป็นคู่ควงของฉัน เธอก็จะไม่ขายหน้าใครด้วยเหมือนกัน หน้าตาฉันก็ไม่ได้ขี้หร่อีกด้วยใช่มั้ยล่ะ”
จงเหยียนซีหลุดหัวเราะออกมา “นึกไม่ถึงว่าจะมายกยอตัวเองเสียได้”
“งั้นความหมายของเธอคือฉันน่าเกลียด?” กู้เสียนถลึงตาใส่เธอ
“ไม่น่าเกลียด โอเคมั้ย” พูดจบจงเหยี่ยนซีก็หยิบชุดราตรีผันร่างเข้าห้องไป
ผ่านไปได้สักพักนึงเธอสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวเดินออกมา จากนั้นก็เอ่ยถามออกมา “พอใช้ได้หรือเปล่า?”
กู้เสียนเบื้องหน้าสว่างวาบออกมา “อย่างที่คิดมันเหมาะกับเธอจริงๆ ฉันตาดีมากเลย ทำผมอีกสักหน่อย ก็โอเคแล้ว”
“ไม่ต้องแต่งหน้าเหรอ?” จงเหยียนซีถาม
“หน้าตาสวย ไม่แต่งหน้าก็น่าหลงใหลได้” กู้เสียนยิ้มพลางพูดออกมา
จงเหยียนซีพูดไปว่าอยากจะแต่งตัวอีกสีกหน่อยดีกว่า “ในฐานะที่นายเป็นผู้รับผิดชอบ ออกงานอย่างนี้เป็นครั้งแรก ไม่อาจให้นายเสียหน้าได้”
ผ่านความพยายามมาปีนึงแล้ว กู้เสียนได้กลายเป็นผู้รับผิดชอบบริษัทย่อยของบริษัทที่เขาอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนอื่นเห็นไม่ได้ทำอะไรไปอย่างจริงจังไปจนจบเท่าไหร่นัก แต่ความสามารถนั้นก็มีอยู่
“ความรู้สึกนั้นดี” กู้เสียนยิ้มออกมาอย่างมีความสุขมากกว่าขึ้นกว่าเดิม
จงเหยียนซีมองเขาไปแวบนึง ความรวดเร็วของการพัฒนาทักษะทางภาษาจีนรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดอะไรก็สามารถพ่นออกมาได้ทั้งนั้น
ตอนเย็นเวลาเจ็ดโมงตรง
ประตูทางเข้าสถานที่จัดงานเลี้ยวรถจอดเรียงแถวกันเหมือนกับมังกรตัวยาว รถหรูจอดอยู่เต็มไปหมด
จะเห็นได้ว่างานเลี้ยงในวันนี้ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
เพื่องานเลี้ยงนี้หลิงเวยได้ตั้งใจแต่งตัวมาโดยเฉพาะ ชุดราตรีสีดำล้วน ทั้งเซ็กซี่และทั้งสวยหยาดเยิ้ม คล้องแขนของเจียงโม่หานปรากฏตัวอยู่ที่งานเลี้ยง ดึงดูดสายตาจากเหล่าผู้คน ถึงขาดที่
มีคนพูดออกมาว่าเธอกับเจียงโม่หานเหมาะสมกันมาก
เธอหันหน้าไปมองเจียงม่หานด้วยความคาดหวัง แต่ก็มีเพียงใบหน้าเย็นชาที่มอบให้เธอมา
ในใจของเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย
ด้านนอกสถานที่จัดงานมีรถค้นหนึ่งจอดอยู่ คนขับรถลงจากรถไปเปิดประตูรถ กู้เสียนงอตัวลงจากรถไป ชุดสูทสีเทาตลอดทั้งร่าง ดูเป็นทางการและทั้งสุขุม หลังจากที่ยืนมั่นคงแล้วก็ได้ยื่นมือออกไปทางจงเหยียนซี
รูปลักษณ์ที่เป็นสุภาพบุรุษเหมือนกับเจ้าชายทางฝั่งตะวันตก
จงเหยียนซียื่นมือออกไปวางลงไปบนฝ่ามือของเขา ยิ้มออกมาจางๆ งอตัวเดินลงจากรถ
“คล้องแขนฉัน” กู้เสียนยืนตัวตรง ลดใบหน้าทะเล้นที่มักจะมีในช่วงเวลาปกติน้อยลง แล้วเพิ่มกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ออกมา
จงเหยียนซีคล้องแขนเขา
“ไปกันเถอะ” กู้เสียนพูด
ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้วยกัน
ทุกคนต่างก็รู้จักกู้เสียนกันทั้งนั้น ผู้รับผิดชอบสาขาอยของบริษัทต่างชาติที่ประจำการอยู่ที่ในประเทศท่านหนึ่ง แต่คุณผู้หญิงท่านนี้ที่อยู่ข้างกายเขาได้ดึงดูดสายตาของผู้คนเข้ามา
“วันนี้สาวสวยๆเยอะมากเลย” มีคนอุทานออกมา
กู้เสียนพยักหน้าออกมาเล็กน้อย เหมือนกับพลิดเพลินกับการที่คนอื่นใช้สายตาอิจฉามองตัวเองมาเป็นอย่างมาก
หลิงเวยหันหน้ากลับไป เห็นจงเหยียนซ์ก็ประหลาดใจไปเล็กน้อย เธอไม่ใช่ว่าเพิ่งมาที่ประเทศนี้เองไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้รู้จักกับกู้เสียนแล้วมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้? เหมือนกับว่าคนที่อยู่ด้าน
หลังดึงดูดความสนใจจากคนอื่นมากเกินไป เจียงโม่หานจึงหันหน้ากลับไป มองเห็นเธออยู่ในชุดราตรียาวจรดเท้าสีขาวบริสุทธิ์อยู่ไกลๆ ห่อหุ้มร่างอวบอิ่มน่าหลงใหลของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน
ประหนึ่งแสงจันทร์ เส้นผมสีดำสนิขได้มัดไปด้านหลังลวกๆ ทิ้งปอยผมลงมาอยู่ที่ข้างๆใบหูตามใจชอบ มันยิ่งเพิ่มเสน่ห์ความงดงามของผู้หญิงมากยิ่งขึ้น แขนเรียวบางของเธอคล้องแขนของกู้เสียนเอาไว้ ให้ความรู้สึกสง่างามออกมา
เจียงโม่หานมองไปจนเหม่อลอย ออร่าอย่างนี้ของเธอ เหมือนกับผู้หญิงที่เขาเคยควงมาก่อน
“โม่หาน” กุมแขนของเขาแน่นทันที
กู้เสียนเดินเข้ามาทางนี้ เจียงโม่หานเองก็ได้สติกลับมาด้วยเหมือนกัน
“ประธานเจียง” กู้เสียนทักทายกับเขา
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการติดต่อทางธุรกิจกันมาก่อน แต่เจียงโม่หานบุคคลระดับนี้ ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก
ต้องบอกว่าในตอนนี้ทั่วทั้งเมืองB คนที่เป็นที่น่าสนใจและร่ำรวยที่สุด นั่นจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
ต้องบอกเลยว่าเขาเองก็นับว่ามีความสามารถด้วยเหมือนกัน สามารถมีจุดยืนในวันนี้ได้
ตอนที่จงเหยียนซีมาก็นึกขึ้นมาได้ ในงานอย่างนี้เขาจะต้องอยู่อย่างแน่นอน และมันก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เพียงนึกไม่ถึงว่าข้างกายเขาจะเป็นหลิงเวย
“ขอบ…..”
“ขอบ…”
“พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน”
เจียงโม่หานเอ่ยขัดหลิงเวยออกมา
ในสถานที่จัดงานในตอนนี้ก็ได้มีเสียงพิธีกรดังขึ้นมา “โชคชะตาได้ทำให้พวกเรามาอยู่รวมตัวกันครั้งนี้ ไม่มีรัก ก็ไม่มีการรวมตัวกันของพวกเราในวันนี้”
หลังจากที่การกล่าวเปิดงานได้ผ่านไปแล้ว เสียงของพิธีกรก็ได้พูดปลุกใจเสียงดังก้องออกมากว่าเดิม “เย็นวันนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงการกุศลนี้มาก็เพื่อทำการสมทบทวนช่วยเหลือผู้ยากไร้
ลำดับแรกผมขอเป็นตัวแทนทางเจ้าภาพในการขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่าน กล่าวทักทายปราศรัยแสดงความจริงใจกับทุกท่าน งานเลี้ยงในวันนี้ จะใช้วิธีการประมูลในการระดมเงิน แน่นอนว่าของ
ประมูลเหล่านี้จะเป็นของที่ผู้มีใจเมตตาในทุกวงการทำการบริจาคมา การระดมทุนในเย็นวันนี้ทั้งหมด ล้วนจะส่งไปยังกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือผ่านทางกองทุนรักฝัน
“เดินเข้าไปข้างหน้าด้วยความรัก เพื่อทำความฝันให้เป็นจริง งานเลี้ยงการกุศลในเย็นวันนี้เริ่มงานขึ้นมาอย่างเป็นทางการ สินค้าประมูลชิ้นแรกจะมีการนำเสนอโดยนางแบบของเรา”
เพียงไม่นานนางแบบสาวคนหนึ่ง สวมอยู่ในชุดราตรี แต่งหน้าอย่างประณีต ค่อยๆเดินขึ้นเวทีมา
ในมือของเธอไม่ได้ถืออะไรเลย ทุกคนถกเถียงกันเสียงดังเซ็งแซ่ มีคนพูดเข้าหยอกออกมา “นี่จะประมูลคนงั้นเหรอ?”
พิธีกรยิ้มออกมา “คุณผู้ชายท่านนี้พูดล้อเล่นแล้ว สินค้าประมูลชิ้นแรกของวันนี้ของพวกเราเป็นแหวนเพชรนลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ผู้ใจบุญที่ไม่ประสงค์ออกนามท่านหนึ่งบริจาคมาให้”
ตามหลังมาจากเสียงของพิธีกร นางแบบก็ได้ยกมือขึ้นมา
แหวนเพชรเม็ดใหญ่วงหนึ่ง ปรากฎมาตรงหน้าของหล่าผู้คน
เห็นแหวนวงนี้ จงเหยียนซีตะลึงค้างไป
เจียงม่หานก็ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปจนไม่ได้สงบอะไรนักออกมาเหมือนกัน
นี่เป็นแหวนที่สั่งทำมา เป็นแหวนที่เขาสั่งทำตอนที่ขอจงเหยียนซีแต่งงาน หลังจากที่เธอสวมแล้ว ก็ไม่เคยถอดออกมาก่อนเลย เขานึกว่าจะอยู่กับเธอ…
จงเหยียนซีกำมือแน่น นี่มันเป็นเรื่องอะไรกัน?
หลังจากที่เธอถูกกู้เสียนช่วยออกมาแล้ว แหวนที่อยู่บนนิ้วก็หายไปแล้ว เธอกว่ามันได้หายไปแล้ว ทำไมถึงได้มาปรากฎอยู่ที่งานประมูลอย่างไร้เหตุผลได้กัน?
ตอนนี้เสียงของพิธีกรก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“แหวนวงนั้น มูลค่าของตัวมันเองก็แพงมากอยู่แล้ว ราคาที่ต่ำสุดก็ยังสูงอยู่ เริ่มประมูลกันที่ สิบล้าน!”