ตอนที่ 436 ไปหาถังโจวโจว
“แม่คะ พ่อเป็นอะไร” ท่าทางดูโมโหมาก แต่ไหนแต่ไหรพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“แกยังจะมาถามอีกเหรอ ก็เรื่องที่แกทำไว้ไง” ฉินอวิ๋นปิดหน้าเอาไว้ ไม่รู้ว่าใบหน้าขึ้นรอยแดงไหม แต่แรงของเขาเมื่อครู่ก็ไม่เบาเลย
“แม่ นี่แม่เป็นอะไร พ่อทำร้ายแม่เหรอ” ในที่สุดเมิ่งชิงซีก็เห็นว่าใบหน้าของแม่เธอมีร่องรอยการถูกทำร้าย นี่พ่อถึงกับต้องทำร้ายแม่เลยเหรอ มีเรื่องอะไรกันถึงกับต้องลงไม้ลงมือแบบนี้
“ไม่ต้องถามแล้ว ช่วงนี้แกสงบปากคำไปก่อน ช่วงนี้พ่อแกอารมณ์ไม่ดี แกอย่าเพิ่งไปยุ่งกับเขา” ฉินอวิ๋นให้คำแนะนำลูกสาว
“รู้แล้ว” เมิ่งชิงซีอยากพูดกับเมิ่งไหวเซินว่าถ้าหากวันไหนโมโหแบบนี้อีกก็ห้ามลงไม้ลงมือกับแม่ ทั้งสองคนแต่งงานกันมาตั้งหลายปี พ่อไม่สนใจความสัมพันธ์ในอดีตบ้างเลยเหรอ
หากว่าฉินอวิ๋นรู้ว่าในใจเมิ่งชิงซีมีความคิดที่บริสุทธิ์ขนาดนี้คงต้องแค่นเสียงแน่นอน ถ้าจะพูดเรื่องความรักความสัมพันธ์ ไม่เห็นหรือว่าอดีตภรรยาของเขาเป็นลูกสาวตระกูลใหญ่แต่ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์สักนิด ขอแค่เธอจับเขาให้อยู่หมัดไม่ว่าอะไรก็ต่างวิ่งเข้าใส่เธอทั้งนั้น
วันนี้เมิ่งไหวเซินไม่ได้เข้าบริษัท เขาสืบจนเจอที่อยู่ของถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินแล้ว เขาจอดรถไว้ด้านนอก ยังไม่เห็นถังโจวโจวออกมา เมิ่งไหวเซินค่อนข้างสับสนว่าควรเข้าไปดีไหม
ในที่สุดก็เห็นคนที่เหมือนแม่บ้านออกมาทิ้งขยะ เมิ่งไหวเซินรีบลงจากรถ ไปขวางประตูไว้ก่อนที่เธอจะปิดประตู “สวัสดีครับ ขอถามหน่อย ถังโจวโจวอยู่บ้านไหมครับ”
“คุณคือใครคะ” ป้าหลิวเห็นผู้ชายตรงหน้า หล่อนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน จู่ๆ มาถามหาคุณผู้หญิงทำไมกัน
“แค่ช่วยไปบอกว่าผมเมิ่งไหวเซินต้องการพบก็พอครับ”
“ได้ค่ะ คุณรอที่นี่สักครู่ ดิฉันจะไปถามคุณผู้หญิงให้” ป้าหลิวปิดประตู บอกเรื่องที่มีคนมาหากับถังโจวโจว “อ้อ คุณคนนั้นเขาบอกว่าชื่อเมิ่งไหวเซินเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
ถังโจวโจวไม่คิดว่าเมิ่งไหวเซินจะมาหาเธอ
“ได้ค่ะ ป้าหลิวไปจัดการเรื่องของป้าหลิวต่อเถอะ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” ถังโจวโจวอุ้มเสี่ยวอวี่ไว้ ตอนนี้คุณแม่ถังยังไม่มา เสี่ยวอวี่เลยไม่มีคนดูแล อย่างไรก็ตามเมิ่งไหวเซินก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า ก็แค่ไปดูว่าวันนี้เขามาทำไมก็เท่านั้น
ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง เมิ่งไหวเซินเห็นถังโจวโจวอุ้มเด็กคนหนึ่งออกมาก็เหม่อไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นถึงนึกออกว่า เหมือนว่าลูกสาวคนนี้ของเขาจะมีลูกชายกับลั่วเซ่าเชินแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะมีฐานะอยู่ในตระกูลลั่วอย่างมั่นคงแล้วด้วย
“คุณเมิ่ง คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ” ถังโจวโจวเห็นเมิ่งไหวเซินสีหน้าราบเรียบ มองเจตนาที่เขามาไม่ออกเลย
“สะดวกที่จะเข้าไปคุยข้างในไหมครับ” เมิ่งไหวเซินเห็นเธออุ้มเด็กอยู่ ถ้าเดิมทีถังโจวโจวเดินออกมาคนเดียว เขาจะพาเธอไปหาที่เงียบๆ เพื่อคุยกัน เพียงแต่ตอนนี้มีเด็กอยู่ คงไม่ค่อยดีนัก
“ได้ค่ะ เชิญค่ะ” ถังโจวโจวเบี่ยงตัว เมิ่งไหวเซินเดินเข้าไปก่อน หลังจากนั้นเธอจึงปิดประตู
ป้าหลิวยกน้ำชาไปให้ทั้งสองคน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ทั้งสองอยู่กันในห้องรับแขกแค่สองคน สองมือของเมิ่งไหวเซินลูบวนบนแก้วชา ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรไปช่วงขณะหนึ่ง
“คุณเมิ่ง ครั้งนี้คุณมาหาฉันด้วยเรื่องอะไรคะ” ถังโจวโจวทำลายความเงียบขึ้น เธอหยิบตุ๊กตาหมีมาใส่ในมือของเสี่ยวอวี่ เพียงแค่นี้เขาก็จะนั่งเงียบๆ ในตักของเธอแล้ว
“นี่คือลูกชายของคุณใช่ไหม เขาชื่ออะไรเหรอ”
เมิ่งไหวเซินเห็นเสี่ยวอวี่ว่าง่ายขนาดนี้ น้อยมากที่จะเห็นเด็กที่เชื่อฟังขนาดนี้ ลูกล้วนเป็นแก้วตาของพ่อแม่ ขอแค่ไม่ถูกเลี้ยงให้เสียคนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย สวรรค์ประทานให้ ไม่ทำให้เขาเสียนิสัยก็ถือว่าไม่เลว
“เสี่ยวอวี่ค่ะ เขาเพิ่งจะขวบกว่า ยังพูดไม่เป็น”
“ไม่เป็นไร โจวโจว ผมเรียกคุณแบบนี้ได้ไหม” คุณก็เรียกฉันอย่างนี้ไปแล้ว ยังจะถามฉันทำไมอีก
“ได้ค่ะ คุณเมิ่งมีอะไรก็พูดมาได้เลยค่ะ” ไม่อยากให้อ้อมค้อม เธอดูจะรีบร้อนแทนเขา
“โจวโจว ผมคือพ่อของคุณ” เมื่อเมิ่งไหวเซินพูดประโยคนี้ออกมาก็คอยสังเกตท่าทีของถังโจวโจวอยู่ตลอด แต่ก็พบว่าเธอไม่ได้มีอาการตกใจแต่อย่างใด กลับดูสงบมาก เหมือนกับว่ารู้อยู่นานแล้ว
ตอนที่ 437 อยากจะอ้างสิทธิ์ความเป็นครอบครัว
“เธอรู้ตั้งนานแล้วเหรอ” เมิ่งไหวเซินเห็นท่าทางสงบนิ่งของถังโจวโจวเหมือนว่าจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอไม่ไปหาเขา ถ้าเขาไม่มาหาเธอ ทั้งชีวิตนี้เธอก็จะไม่คิดจะยอมรับเขาใช่ไหม
“ใช่ค่ะ ฉันรู้นานแล้ว คุณเมิ่งคะ ฉันเองก็ไม่รู้เจตนาของคุณ ฉันไม่ได้ต้องการอำนาจและสมบัติของตระกูลเมิ่ง ตอนนี้คุณมีภรรยาและลูกสาวแล้ว ฉันเองก็มีพ่อแม่ของตัวเอง พวกเราสามารถทำเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คุณก็ใช้ชีวิตของคุณต่อไป ฉันเองก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน”
“แต่ฉันเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอ เธอจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้นะ” เมิ่งไหวเซินไม่คิดว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เธอควรจะทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะมากกว่า ต้องรู้ว่าการที่เขามาที่บ้านก็เพื่อตั้งใจที่จะพาเธอกลับไปที่ตระกูลเมิ่ง ทำไมการตอบสนองของถังโจวโจวกับความคิดเขาถึงแตกต่างกันแบบนี้
“ฉันรู้นานแล้วค่ะ แต่ในความคิดของฉัน พ่ออย่างคุณมีเมิ่งชิงซีเป็นลูกสาวก็พอแล้ว สำหรับฉัน ตอนนี้ฉันเองก็มีครอบครัวแล้ว ไม่ต้องการให้คุณมาดูแล ดังนั้นจะกลับหรือไม่กลับไปที่ตระกูลเมิ่งในความคิดฉันก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”
“เธอไม่อยากพบญาติจริงๆ ของเธอเหรอ” เมิ่งไหวเซินไม่เห็นแม่บุญธรรมและพ่อบุญธรรมของถังโจวโจวอยู่ในสายตาเลยสักนิด
“ไม่ล่ะค่ะ คุณเมิ่งไม่กังวลเหรอคะว่าถ้าถึงเวลาคุณพาฉันกลับไป ภรรยาและลูกของคุณจะคิดยังไง”
เขาเองก็รู้ดีว่าเมิ่งชิงซีและฉินอวิ๋นเกลียดเธอ จู่ๆ จะให้เธอกลับไปที่ตระกูลเมิ่ง หากฉินอวิ๋นคิดว่าตำแหน่งของตัวเองกำลังโดนคุกคามและเกิดทำเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นมาคงจะไม่ดีแน่
“พวกเขาจะทำอะไรได้ เธอคือลูกของฉัน พวกเขาต้องยอมรับเธอแน่” เมิ่งไหวเซินไม่ยอมถูกคุกคามแบบนั้น อยู่ที่บ้านนั้น เขามีอำนาจในการตัดสินใจ และฉินอวิ๋นก็ไม่สามารถเหยียบหัวเขาได้
“คุณเมิ่งคะ คุณอย่ามั่นใจเกินไปนัก” ไม่รู้ว่าเมิ่งไหวเซินไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน เท่าที่ถังโจวโจวรู้ สองแม่ลูกคู่นี้ลับหลังเขาก็ก่อเรื่องเอาไว้ไม่น้อย คิดว่าเรื่องพวกนี้เขาเองก็คงไม่รู้
“ถังโจวโจว ทำไมเธอถึงพูดกับพ่อของเธออย่างนี้” เมิ่งไหวเซินไม่เข้าใจ พ่อแม่มารับเธอถึงที่ ทำไมเธอไม่ดีใจเลยสักนิด เขาไม่เข้าใจเลย
ก่อนหน้านี้เขาทำไม่ดีต่อถังโจวโจว นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเธอคือลูกสาว ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วก็ต้องได้รับการยอมรับกลับไป ทางด้านคุณพ่อก็ต้องแจ้งให้ทราบโดยเร็ว เชื่อว่าถ้าท่านรู้ว่าลูกสาวของหลานอีกลับมาแล้ว ท่านจะต้องดีใจมากแน่ๆ
“คุณเมิ่งคะ ทำไมคุณถึงมั่นใจนักว่าฉันคือลูกสาวคุณ คุณพิสูจน์ดีเอ็นเอแล้วเหรอ”
ถังโจวโจวเห็นเขามีน้ำเสียงที่ยโสเลยถามออกไป เห็นเขาหน้าตึงขึ้น เธอก็แปลกใจทันที เพียงแค่จู่ๆ ได้ยินคนอื่นพูดประโยคอย่างนั้น ทำไมเขาถึงตั้งใจที่จะพาเธอกลับไป เรื่องนี้มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา
เมิ่งไหวเซินเห็นเธอเตือนอย่างนี้ ถึงเพิ่งจะคิดได้ เขาแค่ได้ยินฉินอวิ๋นคุยกันเท่านั้นทำไมถึงได้เชื่อเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย การตรวจสอบอะไรสักนิดก็ไม่ได้ทำ
เมิ่งไหวเซินเงียบขรึมให้กับข้ออ้างที่ดีของถังโจวโจวทันที “คุณเมิ่งคะ ตอนนี้ดูเหมือนคุณเองก็ไม่แน่ใจว่าฉันคือลูกสาวคุณ ถ้าอย่างนั้นรอให้คุณมีหลักฐานที่ชัดเจนค่อยกลับมาเถอะค่ะ หวังว่าช่วงเวลานี้คุณจะไม่มารบกวนชีวิตของฉันอีก”
“ถ้าอย่างนั้นเธอให้เส้นผมเธอมาให้ฉันสักเส้นได้ไหม” เมิ่งไหวเซินรู้ว่าวันนี้ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เพียงสามารถเอาหลักฐานความเป็นพ่อลูกออกมาได้ ถึงเวลานั้นถังโจวโจวยังจะมีข้อโต้แย้งอะไรอีก
“ได้ค่ะ” ถังโจวโจวพบว่าบนเสื้อของเธอก็มีเส้นผมอยู่หนึ่งเส้นพอดีจึงใช้มือหยิบมาขึ้นมาและส่งให้เมิ่งไหวเซิน เมิ่งไหวเซินใช้กระดาษแผ่นหนึ่งห่อมันไว้ ใส่มันลงในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง นี่คือสิ่งที่สามารถใช้ยืนยันเป็นหลักฐานได้ดีที่สุด ก็แค่รอเวลาให้ผลทั้งหมดออกมาเท่านั้น
“ขอโทษด้วยที่วันนี้มารบกวน ผมขอกลับก่อน” เมิ่งไหวเซินดูแล้วว่าตอนนี้ถังโจวโจวก็คงไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรต่อเขามากนัก เมิ่งไหวเซินจึงไม่ถือสา ถ้าถังโจวโจวคือลูกของหลานอีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็จะมีประโยชน์สำหรับเขามาก
เมิ่งไหวเซินไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับคำถามยากๆ เหล่านี้ที่ถังโจวโจวให้เขา เพียงแต่ต้องปิดบังฉินอวิ๋นไว้ก่อน ท้ายที่สุดถ้าถูกเธอทำลายการตรวจพิสูจน์ครั้งนี้ไป เขาอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักและบริษัทคงรอไม่ได้ขนาดนั้น