ตอนที่ 342 ชิงเยียนตายแล้ว
“แล้ว… แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?” เฉินหลานอีคว้ามือของโอวหยางหงเอาไว้ด้วยความร้อนใจ โอวหยางเลี่ยพลันลุกขึ้นมาในทันที “หลานอี ใจเย็นๆ หงเอ๋อร์เจ็บไปหมดแล้ว ปล่อยลูกเถอะนะ ถ้าคุณจะจับ ก็จับผมเถอะ”
โอวหยางหงรู้ดีว่าพ่อของเขาเกิดอาการหึงหวง มีเพียงแม่ของตนที่รู้สึกว่าเขาเป็นห่วงลูกชาย โอวหยางหงเห็นพ่อกุมของแม่ของเขาเอาไว้ราวกับความปรารถนาถูกเติมเต็ม เขาก็อยากจะหัวเราะพรวดออกมา แต่ไม่รู้ว่าพ่อของเขาจะตีเขาหรือเปล่า?
“เด็กคนนั้นสบายดีครับ ลุงของเธอรับเลี้ยงเอาไว้ แต่เธอไม่รู้เรื่องนี้ คิดว่าลุงเป็นพ่อแท้ๆ แน่นอนว่าคนนอกเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“เลี่ย ชิงเยียนของฉันยังไม่ทันได้เจอหน้าแม่ก็จากไปเสียแล้ว ลูกไม่อยู่แล้ว…ฮือ…” เฉินหลานอีจะไม่เจ็บปวดใจได้อย่างไร หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชิงเยียนใช้ชีวิตอย่างไร รอจนเธอนึกขึ้นได้ว่ายังมีลูกอีกสองคน ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว!
“หลานอี อย่าร้องไห้เลยนะ ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย คุณยังมีชิงหลานอยู่นี่นา ใช่สิ ลืมไปเลยว่าตอนนี้เธอชื่อหู่พั่ว เธอยังอยู่กับคุณนะ” โอวหยางเลี่ยทนเห็นเธอมีน้ำตาไม่ได้ น้ำตาเธอหลั่งรินหยดหนึ่ง เท่ากับเลือดหยดหนึ่งในกายเขา
“แต่นั่นก็ไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกผิดที่ฉันมีให้ชิงเยียนได้” เฉินหลานอีเกลียดตัวเองที่ไม่นึกออกให้เร็วกว่านี้ เธอไม่กล้าคิดไปไกลกว่านี้ อย่างไรโอวหยางเลี่ยก็ช่วยเธอเอาไว้ ตอนนั้นเขาเองคิดไม่ถึงว่าลูกสาวทั้งสองของเธอจะหายตัวไปแบบนั้น
“หลานอี คุณไม่ได้ยินที่หงเอ๋อร์พูดเหรอ? หู่พั่วตั้งท้อง อีกไม่นานคุณก็จะเป็นยายคนแล้ว คุณจะมีหลานแล้วนะ” โอวหยางเลี่ยเองก็รู้ตัวว่าหากเฉินหลานอีจดจำเรื่องเก่าๆ ได้ ก็จะเอาความรับผิดชอบทั้งหมดโยนมาที่เขา
แต่ใครใช้ให้เขาหลงรักเธอกันล่ะ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เขาควรได้รับ เขาเป็นคนสร้างเรื่องเอง เวลานี้เมื่อผลลัพธ์เกิดขึ้นเขาก็ต้องเป็นคนชดใช้
“แม่ครับ แม่อย่าร้องไห้ไปเลยนะครับ เธอยินยอมด้วยความสมัครใจ ตอนนั้นเธอไม่เจ็บปวดเลยสักนิด” โอวหยางหงเล่าเรื่องที่เขาสืบเจอทั้งหมดให้เฉินหลานอีฟัง
น้ำตาของเฉินหลานอีค่อยๆ จางหาย เธอเข้าใจแล้วว่าไม่ว่าเธอจะจดจำได้เร็วหรือช้าสักเท่าไร หากชิงเยียนยังรักผู้ชายคนนั้น บทสุดท้ายเธอก็จะทอดทิ้งญาติมิตรที่อยู่รอบกายแล้วอยู่เป็นเพื่อนชายที่เธอรักอยู่ดี
“แม่ครับ ตอนนี้หู่พั่วจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย แม่สร้างความสัมพันธ์กับใหม่ได้ โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในห้องของเธอ เด็กคนนั้นต้องการคนดูแล”
ก่อนที่โอวหยางเลี่ยจะพาหู่พั่วกลับมา เขาสืบค้นเรื่องราวทั้งหมดจนชัดเจน อุบัติเหตุของแม่เขาในตอนนั้นเกิดขึ้นนานมากแล้ว ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่โอวหยางหงไม่ถอดใจ
ตอนแรกที่โอวหยางเลี่ยช่วยเธอกลับมา มอบหัวใจของเขาให้กับเธอ ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุรถชนครั้งนั้น ไม่มีความชัดเจนเลยสักนิด เมื่อเขามาถึงก็เห็นเฉินหลานอีเพียงคนเดียว เพราะอย่างนั้นจึงไม่ทันคิดให้รอบคอบ ก็รีบพาเฉินหลานอีออกมา
ใครจะรู้ว่าลูกสาวทั้งสองคนของเฉินหลานอีจะอยู่บนรถคันนั้นด้วย เพราะความประมาทเลินเล่อของเขา ลูกสาวทั้งสองของเธอจึงหายตัวไปทั้งอย่างนั้น จนกระทั่งเฉินหลานอีจดจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ขึ้นได้ ถึงได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ จึงรีบให้โอวหยางหงไปยังประเทศ H เพื่อตามหาพี่สาวทั้งสองคน
“เลี่ย หู่พั่วคือลูกสาวของฉัน ฉัน…”
โอวอย่างเลี่ยรู้ว่าเธอจะพูดอะไร “คุณวางใจ ผมจะปฏิบัติกับเธอให้เหมือนกับว่าเธอเป็นลูกแท้ๆ ของผมเอง” โอวหยางเลี่ยไม่ได้รังเกียจอะไรหู่พั่ว เขาเพียงแต่แค้นใจผู้ชายที่เคยเป็นเจ้าของตัวเธอ ที่ไม่ทะนุถนอมเธอให้ดี
ตอนที่ 343 ไม่อยากออกไป
ตอนนี้เฉินหลานอีไม่ได้คิดอะไรเลยสักอย่าง เพียงแต่รอให้ชิงหลานคลอดเด็กออกมา ลูกสาวที่อยู่ข้างกายเธอจะต้องได้รับการดูแลอย่างดีและสมบูรณ์แบบที่สุด
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หู่พั่วก็รู้สึกว่าท่าทางของเฉินหลานอีที่มีต่อเธอดูแปลกๆ คนรับใช้ที่อยู่ในปราสาทเองก็จะดูจะนอบน้อมกับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่เรียกเธอว่า “คุณหนูหู่พั่ว” แต่เวลาพบเธอก็ทำความเคารพด้วยการโค้งตัวให้ นี่ทำให้หู่พั่วหวั่นใจ
ผ่านไปนานวันเข้า หู่พั่วก็ไม่อยากออกมาจากห้อง เพราะเวลาอยู่ในห้องจะไม่มีใครเข้ามารบกวนเธอ และเธอก็ไม่ต้องงุนงงไปกับการทำความเคารพอันน่ากลัวนั่นด้วย
หู่พั่วเข้าใจว่าฐานะของเธอที่นี่ในเวลานี้ เป็นเพียงหญิงสาวที่โอวหยางหงช่วยเอาไว้เท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้คนรับใช้เหล่านี้เคารพรักเธอแบบนี้เลย
สาเหตุที่พวกเธอแปลกไปคืออะไร? หู่พั่วไม่เข้าใจในจุดนี้เลย ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะหลบหน้า เพียงแค่ไม่ออกไปก็จะได้ไม่ต้องเจอคนพวกนั้น และก็ไม่ต้องรับมือกับความกดดันอันหนักหน่วงภายในใจด้วย หู่พั่วรู้สึกว่า เธอควรหาจังหวะที่เหมาะสมหลบหนีไปจากปราสาทหลังนี้
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะใช้ชีวิตที่นี่ต่อไปอย่างไร แต่เธอคิดว่าขอเพียงมีความหวัง ทุกอย่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เด็กที่อยู่ในท้องของเธอจะเป็นแรงผลักดันให้เธอยืนหยัดต่อไป
เฉินหลานอีพบว่าหลายวันที่ผ่านมาหู่พั่วไม่ชอบออกมาเดินเล่นข้างนอกอีกแล้ว หลังจากกินข้าวเสร็จก็จะกลับห้องทันที ท่าทางไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้เลยสักนิด ทำให้เฉินหลานอีคิดไปว่า ลูกสาวของเธอถูกรังแกตอนที่เธอไม่อยู่หรือเปล่า
ก๊อกๆๆ “หู่พั่ว หนูอยู่ในห้องหรือเปล่า ป้าเข้าไปได้ไหมจ๊ะ?”
เฉินหลานอีรู้ฐานะที่แท้จริงของหู่พั่ว ทว่าหู่พั่วไม่รู้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร ฉะนั้นเฉินหลานอีจึงยอมรับสรรพนามป้าได้ชั่วคราว รอให้เธอใกล้ชิดสนิทสนมกับหู่พั่วอย่างช้าๆ เชื่อว่าสรรพนามนี้จะถูกละทิ้ง
“เข้ามาสิคะ” หู่พั่วได้ยินเสียงของเฉินหลานอีแล้วก็รีบให้เธอเข้ามา เวลานี้เธออยู่ในบ้านของคนอื่น จะดื้อดึงทำตามใจตัวเองไม่ได้ เธออยากหนีไป แต่ไม่ใช่ตอนนี้
หู่พั่วรู้มาจากคุณหมอหวาว่าคนที่ตั้งท้องอยู่ ช่วงสามเดือนแรกครรภ์ยังไม่แข็งแรงดี มีความเป็นไปได้ที่จะแท้งตลอดเวลา ดังนั้นหู่พั่วจึงตัดสินใจว่าหลังจากที่ตั้งครรภ์ครบสามเดือนแล้วเธอก็จะเตรียมจากไปทันที
เฉินหลานอีได้รับการตอบรับจากเธอก็เปิดประตูออก ด้านหลังมีหญิงรับใช้ตามมาคนหนึ่ง เธอรับถาดที่สาวใช้ถืออยู่แล้วบอกให้เธอออกไป จากนั้นก็เข้ามาให้ห้องของหู่พั่ว
มาเคาะประตูถึงห้อง เฉินหลานอีเอาซุปที่เธอยกเข้ามาวางบนโต๊ะ เห็นหู่พั่วนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง สายตาเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ทั้งๆ ที่เธออยากจะออกไปขนาดนี้ ทำไมถึงได้ขังตัวเองอยู่ในห้องกันนะ?
“หู่พั่ว เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงไม่ค่อยออกไปข้างนอกแล้วล่ะ รู้หรือเปล่าว่าโดนแดดบ่อยๆ จะทำให้สุขภาพดีนะ” ระยะนี้โอวหยางเลี่ยลงมือสร้างเรือนกระจกขึ้นมา ด้านในมีพืชดอกที่เขาย้ายกล้าจากสถานที่ต่างๆ มาดูแลอย่างเต็มยังปราสาทโบราณหลังนี้
ทุกๆ ครั้งเฉินหลานอีจะไปเดินเล่นเป็นเพื่อนหู่พั่วในสวนดอกไม้ และวันที่ฝนตก การเดินเล่นก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องเกินความจำเป็น เพราะฉะนั้นโอวหยางเลี่ยถึงได้คิดวิธีนี้ขึ้นมา
“ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่ช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยไปหน่อย ก็เลยไม่อยากออกไปข้างนอก” หู่พั่วหาข้ออ้างส่งเดชเพราะอยากให้เฉินหลานอีออกไป ทว่าเฉินหลานอีกลับไม่ทำตามที่เธอปรารถนา
“หู่พั่ว ป้าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือว่าป้าทำให้หนูอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกไม่สบายใจ?” จริงสินะ เธอควรจะคิดถึงความรู้สึกของหู่พั่วบ้าง