ตอนที่ 316 ลูกโตแล้ว
ลั่วอิงกลับไปยังห้องที่เธอและถังโจวโจวนอนด้วยกันอย่างเชื่อฟัง
“แม่คะ หนูเข้าใจความหมายที่แม่จะบอก แต่หนูยังไม่คิดจะกลับไป” ถังโจวโจวเห็นว่าอ้างต่อไปไม่ได้แล้ว จึงพูดความในใจออกมา ตอนนี้เธอยังไม่อยากกลับไปจริงๆ เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเซ่าเชิน จะให้เธอหลบอยู่แบบนี้ก่อนไม่ได้เลยหรือ?
“ทำไมถึงได้ไม่อยากกลับไปล่ะ? ป่านนี้แล้วลูกก็ยังไม่ยอมบอกความจริงกับแม่มาอีก ระหว่างลูกกับเซ่าเชินเกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่” แม่ของถังโจวโจวไม่เคยเห็นถังโจวโจวเป็นแบบนี้มาก่อน ทั้งดูท้อแท้และโศกเศร้า ท่าทางเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับลูกสาวที่ร่าเริงของเธอเลย
“แม่คะ หนูจัดการเองได้ค่ะ แม่ไม่ต้องสนใจหรอก ยังไงหนูก็ไม่กลับไปตอนนี้แน่ๆ แม่ถามไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ลั่วอิง มานี่เร็ว แม่จะพาหนูไปล้างมือนะคะ เดี๋ยวก็ได้กินข้าวแล้ว” ถังโจวโจวกวักมือเรียกลั่วอิง ทำให้ลั่วอิงวิ่งรี่มาหาถังโจวโจวทันที แหงนศีรษะเงยหน้าขึ้นมองเธอ “คุณแม่โจวโจว แม่เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
“ไม่เป็นไรจ้ะ มากับแม่เร็วเข้า” ถังโจวโจวจูงมือเธออกจากห้องรับแขกไป พ่อแม่ของถังโจวโจวสบตากันครั้งหนึ่ง ก่อนที่พ่อของเธอจะถอนใจออกมา “เฮ้อ ช่างเถอะ ลูกเราโตแล้วนะ คุณไม่ต้องสนใจให้มากนักหรอก เชื่อในตัวลูกของเรา ลูกจะต้องจัดการได้”
“แต่ว่า…” แม่ของโจวโจวเพียงแต่กังวลว่าเธอจะโกรธอยู่น่ะสิ การแก้ปัญหาแบบหุนหันพลันแล่นไม่ใช่เรื่องดี ถึงเวลาจะมาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันการ
“ไม่มีแต่ ยังไงคุณถามไปตอนนี้ ลูกก็ไม่พูดอยู่ดี ทำใจสบายๆ ดีกว่า รอให้ลูกแก้ปัญหาเสร็จแล้วค่อยถาม คุณจะคิดมากไปทำไมกัน โจวโจวโตขนาดนี้แล้วนะ พริบตาเดียว พวกเราก็แก่กันหมดแล้ว”
“จริงของคุณ ฉันจะฟังคุณก็แล้วกัน โจวโจวโตแล้ว ไม่ฟังคำพูดฉันอีกแล้ว”
“มีผมเชื่อฟังคุณก็พอแล้วนี่นา” พ่อของโจวโจวโอบร่างของเธอเอาไว้ แม่ของโจวโจวตกตะลึงกับคำหวาน “พอแล้วค่ะ เดี๋ยวลูกก็ออกมาแล้ว คุณอย่าพูดอะไรบ้าๆ อีกล่ะ ใครได้ยินเข้าจะไม่ดี”
“มีอะไรไม่ดีกัน พ่อแม่ดีต่อกันก็ควรจะดีใจสิถึงจะถูก!”
แม่ของโจวโจวตีเขาไปครั้งหนึ่ง “คุณเลิกพูดเรื่องพวกนี้ได้ไหม โจวโจวกับหลานจะออกมาแล้วนะ” ถ้าเป็นลับหลังแล้วละก็ พ่อของโจวโจวจะพูดอะไรเธอก็ไม่ถือสา ภายในใจกลับรู้สึกหวานชื่นเสียด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้จิตใจของเธอจะหวานชื่น แต่มีลูกๆ อยู่ด้วย ก็เลยรู้สึกอึดอัดไปบ้าง
“พ่อคะ แม่คะ ทำไมนั่งกันอยู่ตรงนั้นล่ะคะ? มากินข้าวกันเถอะ” ถังโจวโจวพาลั่วอิงออกมา เห็นว่าแม่ของตัวเองหน้าแดงระเรื่อ ทั้งยังมีสีหน้าเก้อเขิน
“แม่คะ ทำไมหน้าแดงจัง?” ความสงสัยของถังโจวโจวทำให้แม่ของเธอหน้าแดงขึ้นไปอีก “เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก แม่แค่รู้สึกร้อนน่ะ ร้อนจังนะ”
ถังโจวโจวรู้สึกว่าอุณหภูมิกำลังพอดี ไม่ได้ร้อนสักหน่อย อีกอย่างตอนนี้ก็ใกล้ค่ำแล้ว แสงแดดไม่แรงเท่าไรแล้ว อาจเป็นเพราะว่าแม่เพิ่งออกมาจากห้องครัว ก็เลยรู้สึกแบบนั้น ถังโจวโจวคิดขึ้นได้ ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอีก
เห็นพ่อของตัวเองซ่อนตัวหัวเราะอยู่ข้างๆ แม่ของเธอก็อดไม่ได้ที่จะตีเขาอีกที นี่กระตุ้นให้ถังโจวโจวมองกลับไปอีกครั้ง “ไปกินข้าวกันเถอะนะคะ”
ถังโจวโจวเห็นว่าแม่ของตนแปลกไปจากที่เคย หรือว่าเมื่อกี้เธอพูดอะไรผิดไป “วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” เสียงของถังโจวโจวแผ่วเบา แม่ของเธอเห็นเพียงริมฝีปากของเธอที่ขยับไปมา ทว่าฟังไม่ชัดว่าเธอกำลังพูดอะไร
“โจวโจว เมื่อกี้ลูกว่ายังไงนะ?”
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ รีบกินข้าวเถอะค่ะ” สมาชิกทั้งสี่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ ลั่วอิงใช้ตะเกียบพุ้ยเมล็ดข้าวขึ้นกิน อย่างกับว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ตอนที่ 317 ทำแท้ง
“ลั่วอิง รีบกินสิ ทำไมล่ะ ยายทำกับข้าวไม่อร่อยเหรอจ๊ะ?” แม่ของโจวโจวเห็นเธอกินอย่างเชื่องช้า เพิ่งเข้าปากไปได้ไม่กี่คำเท่านั้นเอง
“คุณยาย หนูกำลังกินอยู่ค่ะ” ลั่วอิงพูดจบก็อัดข้าวคำใหญ่ใส่ปากไปหลายคำ ยิ้มให้คุณยายอย่างน่าเอ็นดู คุณยายของเธอถึงได้เลิกจดจ่ออยู่กับเธอ
วันนี้ถังโจวโจวลางานที่บริษัท เธอไม่อยากกลับบ้าน กลัวว่าแม่ของเธอจะถามขึ้นอีกว่าเธอเป็นอะไร เธออยากเดินเล่นสักหน่อยเพื่อผ่อนคลายอารมณ์บ้าง จึงเดินเลาะตามถนนไป
รถที่อยู่กลางถนนแล่นสวนไป โลกไม่ได้หยุดหมุนเพราะความกลุ้มใจเล็กๆ น้อยๆ ของถังโจวโจว เรื่องภายในใจของถังโจวโจวนั้นไม่อาจบอกให้ใครรู้ เพราะว่าเธอไม่อยากบอกใคร
เตะหินก้อนเล็กที่ข้างฝ่าเท้า เดินตามก้อนหินที่กลิ้งไปข้างหน้า ถังโจวโจวกำลังเดินไปยังทางที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ แล้วมุ่งไปข้างหน้าตามการกลิ้งของก้อนหิน
มีบางครั้งที่ก้อนหินเปลี่ยนทิศทาง ถังโจวโจวก็จะรับผิดชอบเก็บมันให้เข้าที่ เมื่อมองเห็นข้างหน้ามีทางม้าลาย ถังโจวโจวก็ยืนอยู่ข้างสัญญาณไฟ เมื่อไฟเขียวสว่างขึ้นถึงได้เดินข้ามไป
เอี๊ยด เสียงรถเบรกดังขึ้นบาดหู ถังโจวโจวยังไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนที่เธอเห็นรถยนต์คันนั้นก็หลบไม่ทันเสียแล้ว และเธอก็หลบไม่พ้นด้วย เพียงเพราะว่ามือและฝ่าเท้าของเธอแข็งทื่อไปหมด ขยับไปไหนไม่ได้ เธอถูกชนจนกระเด็นไปอยู่บนพื้น ที่หน้าผากมีเลือดไหลออกมา
เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว คนขับกลับไม่ได้จอดอยู่นาน พลันหมุนพวงมาลัยแล้วหนีไปอีกทาง
ชายคนหนึ่งเห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็ลงมาจากรถ อุ้มถังโจวโจวขึ้นรถไป รถยนต์ทำฝุ่นฟุ้งตลบก่อนจะแล่นออกไป
วันนี้ลั่วเซ่าเชินไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนหันฮุ่ยซิน หันฮุ่ยซินตัดสินใจแล้วว่าไม่ต้องการเด็ก และลั่วเซ่าเชินก็รับหน้าที่จัดการธุระต่างๆ ให้
ลั่วเซ่าเชินจงใจหาคนคุ้นเคย พาหันฮุ่ยซินมาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เพราะแจ้งกับทางโรงพยาบาลเอาไว้ก่อน ดังนั้นเมื่อพวกเขามาถึง หมอและพยาบาลก็รออยู่ก่อนแล้ว หันฮุ่ยซินแค่เข้าไปในห้องผ่านตัดก็เป็นอันว่าเรียบร้อย
“อาเชิน ฉันกลัวจังเลย” หันฮุ่ยซินและลั่วเซ่าเชินมาถึงหน้าห้องผ่าตัดพร้อมกัน จู่ๆ เธอก็ไม่อยากเข้าไป ลั่วเซ่าเชินไม่รู้ว่าจะปลอบโยนเธออย่างไรดี จึงทำได้เพียงกุมมือเธอเอาไว้ ให้กำลังใจเธอ
ไม่ว่าหันฮุ่ยซินจะกังวลใจอย่างไร เธอก็ไม่เก็บเด็กคนนี้เอาไว้แน่ เขาคลอดออกมาก็จะไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ พ่อไม่รัก แม่ไม่ชอบ แล้วจะคลอดออกมาทำไมกันล่ะ? หันฮุ่ยซินไม่ยอมให้ลูกของเธอถูกคนหัวเราะเยาะว่าไม่มีพ่อหรอกนะ เพราะฉะนั้นเขาจึงถูกกำหนดให้ไม่ได้เกิดมา
“หันฮุ่ยซิน เข้ามาได้แล้วค่ะ” พยาบาลเร่งเธออีกครั้ง ในที่สุดหันฮุ่ยซินก็ก้าวขาออกไป เพราะว่าเธอรู้ดีกว่า ไม่ว่าเธอจะคิดอีกสักแค่ไหน ในที่สุดเด็กคนนี้ก็ต้องจากเธอไปอยู่ดี
นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ดวงตาของเธอถูกแสงจากโคมไฟแยงเข้าในตา หมอเอ่ยถามว่า “คุณตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องการเด็กคนนี้”
“ค่ะ” เธอพยักหน้าลงหนักๆ ราวกับว่าทำอย่างนี้แล้วจะสามารถลืมความหวาดกลัวในเวลานี้ได้ ราวกับว่าดวงตาถูกโคมไฟสาดส่องจนน้ำตาไหล หลั่งรินจากขอบตาลงเส้นผม และเลือนหายไปในที่สุด
เธอหลับตาลง ภาวนาอยู่ภายในใจ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวเขาเอง เขาจะเกิดออกมาไม่ได้ นี่เพื่อตัวเขาเอง
ลั่วเซ่าเชินนั่งรออยู่ด้านนอก ทันใดนั้นก็เห็นว่าเจียงรุ่ยเฉินบุกเข้ามา คว้าเสื้อของเขาเอาไว้ ยกตัวเขาขึ้นแล้วเอ่ยถามว่า “หันฮุ่ยซินอยู่ที่ไหน หันฮุ่ยซินอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ในห้องผ่าตัด”
“เข้าไปนานหรือยัง”
“เพิ่งจะเข้าไป”