ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ – ตอนที่ 188 ลั่วอิงจะดีขึ้น

      “เป็นอะไรไปครับ ลั่วอิงไม่อยากเล่าให้ลุงจางฟังเหรอ บางทีถ้าหนูได้เล่าสิ่งที่หนูกำลังกลัวอยู่ มันจะทำให้หนูหายกลัวได้นะ

 

 

หนูดูคนที่ห่วงใยหนูสิครับ มีทั้งแม่โจวโจว คุณพ่อ แล้วไหนจะคุณปู่ คุณย่า คุณตา แล้วก็คุณยายอีก มีคนเป็นห่วงหนูตั้งเยอะแยะ หนูจะทำให้พวกท่านเสียใจไม่ได้นะครับ” จางจิ่งเซินหวังว่าลั่วอิงจะเป็นฝ่ายที่เล่าให้เขาฟังเอง เพื่อที่เธอจะได้ไม่ทิ้งปมไว้ในใจ

 

 

ผู้ป่วยทางจิตหลายรายมักจะมีอาการรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากสภาวะเก็บกดในระยะยาว แม้ว่าลั่วอิงจะไม่ได้มีอาการป่วยทางจิต แต่เธอก็มีปมที่ถูกทิ้งอยู่ในใจ หากเธอไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่ยังเด็ก ก็อาจจะส่งผลเกี่ยวกับโรคทางจิตใจหนักขึ้นได้เมื่อเธอโตขึ้น

 

 

หากใครบางคนถูกขังไว้ในที่มืดตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากโตขึ้นมา เขาคนนั้นก็จะเป็นโรคกลัวที่แคบหรือกลัวความมืด หากเขาอยู่คนเดียวในห้องที่มิดชิด เขาคนนั้นก็จะเกิดอาการหวาดกลัว หัวใจของเขาจะสูบฉีด หายใจลำบาก บางครั้งความเจ็บปวดทางจิตก็รุนแรงกว่าทางร่างกายมาก

 

 

เมื่อลั่วอิงได้รับกำลังใจจากจางจิ่งเซิน เธอก็ค่อยๆ ถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่เธอถูกลักพาตัวไปออกมา ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินเงยหน้าตั้งใจฟัง นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วอิงเล่าถึงเหตุการณ์ในระหว่างที่เธออยู่ที่นั่นเพียงลำพัง

 

 

“พอหนูตื่นขึ้นมา หนูก็ไม่เห็นแม่โจวโจวแล้ว หนูถูกมัดอยู่ในที่แปลกๆ หนูกลัวมาก หนูก็เลยร้องไห้ออกมา แต่ว่าตรงนั้นไม่มีแม่โจวโจวคอยปลอบหนูอยู่ข้างๆ มีแต่คนใจร้ายที่ไม่ยอมให้หนูร้องไห้อีก และหนูก็ต้องกลั้นมันไว้ เพราะกลัวว่าเขาจะตีหนู

 

 

…จากนั้นพวกเขาก็หาอะไรมาให้หนูกิน แต่หนูไม่อยากกิน ทั้งๆ ที่หนูก็หิวมาก …พอแม่โจวโจวมาถึง ตอนแรกหนูก็ไม่เชื่อ แต่พอมองดีๆ หนูก็แน่ใจแล้วว่าเป็นแม่โจวโจวจริงๆ หลังจากนั้นหนูก็จำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ”

 

 

เมื่อลั่วอิงเล่าจนจบ คราวนี้เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ากลัวเหมือนที่เธอฝังใจ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเธอเลย พวกเขานำอาหารมาให้เธอด้วย แต่เธอไม่ยอมกินมันเอง

 

 

สองวันนั้นช่างเป็นวันที่มืดมน เดิมทีลั่วอิงคิดว่าการกลับไปคิดถึงเรื่องในวันนั้นมันเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่หลังจากที่ได้เล่ามันออกมาแล้ว เธอกลับรู้สึกดี มันไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอเคยผ่านมาก่อนเลยสักนิด

 

 

“ลั่วอิง หนูรู้ไหมครับ ตั้งแต่เด็กจนโต ทุกๆ คนต่างก็ผ่านความล้มเหลวหรือเจ็บปวดกันมาก่อนทั้งนั้น และในเมื่อหนูผ่านเรื่องนี้มาได้ ความจริงแล้วมันก็เป็นแค่หนึ่งในอุปสรรคของชีวิตหนู ตอนนี้หนูผ่านมันมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว เพราะฉะนั้นหนูอย่าได้กลัวมันอีกเลยนะครับ”

 

 

“แล้ววันข้างหน้าหนูจะเจออะไรอีกหรือคะ หนูขอไม่เจอมันได้ไหม” ลั่วอิงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องเจอกับ ‘อุปสรรค’ มากมายขนาดนั้นอีก เธอจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่ได้เหรอ?

 

 

เมื่อจางจิ่งเซินเห็นว่าเธอไม่เข้าใจ เขาก็เลยเล่านิทานสั้นๆ ให้เธอฟัง ซึ่งความหมายโดยรวมก็คือ ‘เธอชอบเจอความลำบากก่อนแล้วสบาย’ หรือ ‘ชอบเจอความสบายก่อนแล้วค่อยเจอความลำบาก’? จากนั้นเขาก็ยังบอกเธออีกว่า เธอสามารถเรียนรู้อะไรได้มากมายจากอุปสรรค เช่น ความกล้าหาญ ความเมตตา ความยุติธรรม และอื่นๆ

 

 

เขาไม่รู้ว่าหลังจากที่ลั่วอิงได้ฟังและคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเธอจะเข้าใจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จางจิ่งเซินถือว่านี่เป็นแค่การโยนหินถามทาง หากลั่วอิงยอมรับได้ มันก็เป็นเรื่องที่ดี เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีอื่น

 

 

หลังจากการสนทนาระหว่างเขากับลั่วอิงจบลง จางจิ่งเซินก็บอกลาถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชิน ถังโจวโจวและลั่วอิงเดินกลับเข้าไปในบ้านเมื่อเห็นว่าจางจิ่งเซินขึ้นรถไปแล้ว ส่วนลั่วเซ่าเชินนั้นจงใจตามกลับเข้าไปทีหลัง แล้วก็ดูเหมือนว่าจางจิ่งเซินจะอ่านความคิดของลั่วเซ่าเชินออก เขาจึงยังไม่ได้เคลื่อนรถออกห่างจากตัวบ้านไป

 

 

ลั่วเซ่าเชินใช้เวลาเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็สามารถขึ้นไปนั่งบนรถของจางจิ่งเซินได้ และก่อนที่เขาจะได้อ้าปากพูด จางจิ่งเซินก็ได้อธิบายความตั้งใจของลั่วเซ่าเชินก่อนแล้ว “ผอ. ลั่วคงอยากจะทราบว่าอาการของคุณหนูเป็นยังไงบ้างใช่ไหมครับ?”

 

 

“คุณหมอจาง ในเมื่อคุณพูดออกมาแล้ว เราก็ไม่ต้องอ้อมค้อมกันแล้วนะครับ อาการของลั่วอิงคงไม่ยากเกินไปใช่ไหม? ผมแค่หวังว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเธอในวันข้างหน้า”

 

 

หากลั่วอิงมีปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในภายหลังอย่างที่จางจิ่งเซินยกตัวอย่าง เขาก็จะไม่ปล่อยพวกเจ้าแผลเป็นไป

 

 

“ท่านวางใจได้เลยครับ ลั่วอิงไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก สองสามวันนี้พวกคุณก็คอยสังเกตดูเธอสักหน่อย พวกคุณสามารถให้เธอดื่มนมก่อนนอนได้ เพื่อเป็นการส่งเสริมประสิทธิภาพในการนอนของเธอ วันนี้ผมให้เธอเล่าเรื่องนั้นออกมา เธอก็น่าจะดีขึ้นเยอะแล้ว หากในตอนกลางคืนเธอไม่ได้ฝันร้ายแล้ว ก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรครับ”

 

 

จางจิ่งเซินเห็นว่าอาการของลั่วอิงไม่ได้ร้ายแรงมากนัก เธออาจจะแค่ตกใจกลัว เวลาเธออยู่ใกล้กับใครก็เลยรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย ดังนั้น ในคืนนั้นเธอจึงมีอาการผิดปกติเล็กน้อย และตอนนั้นก็เป็นเพราะว่าเหตุการณ์เพิ่งจะผ่านมาได้สองวัน

 

 

ลั่วเซ่าเชินรู้สึกโล่งใจขึ้นมากเมื่อได้ฟังคำอธิบายของจางจิ่งเซิน “วันนี้ผมขอบคุณคุณมากนะครับ คุณหมอจาง”

 

 

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับท่าน… ตอนนี้ก็คุณผู้หญิงกับคุณหนูคงจะรอท่านแย่แล้ว ท่านอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลยครับ ผมเองก็ต้องขอตัวกลับก่อน” ลั่วเซ่าเชินลงจากรถและคอยส่งจางจิ่งเซินจนลับสายตา

 

 

หลังจากส่งจางจิ่งเซินแล้ว เมื่อลั่วเซ่าเชินกลับเข้าไปในบ้าน เขาก็ไม่พบร่างของถังโจวโจวและลั่วอิง และเมื่อเขาเห็นว่าป้าหลิวเพิ่งจะเดินออกมาจากห้องครัว เขาก็เอ่ยถามว่า “ป้าหลิว คุณผู้หญิงกับคุณหนูล่ะ?”

 

 

“น่าจะอยู่ข้างบนนะคะ เมื่อครู่นี้คุณผู้หญิงบอกว่าจะอาบน้ำให้คุณหนูค่ะ” ลั่วเซ่าเชินเดาเหตุผลออกได้ในทันที น่าจะเป็นเพราะลั่วอิงเหงื่อซกเต็มตัว ถังโจวโจวก็เลยกลัวว่าเธอจะเป็นหวัด ดังนั้นจึงทำแบบนี้

 

 

ลั่วเซ่าเชินรีบก้าวขึ้นไปบนชั้นสองและเคาะประตูห้องของลั่วอิง แต่ก็ไม่มีใครตอบรับ ลั่วเซ่าเชินจึงไม่ได้รบกวนอะไรอีก เขาเดินกลับไปที่ห้องหนังสือ

 

 

ถังโจวโจวอาบน้ำให้ลั่วอิงอย่างรวดเร็ว และเมื่อเปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าที่แห้งสบายเรียบร้อยแล้ว เธอก็ปล่อยให้ลั่วอิงออกไปก่อน ส่วนเธอก็ยังคงเก็บเสื้อผ้าที่อยู่ในห้องน้ำ ชิ้นไหนควรแยกประเภทก็แยกไว้ อันไหนควรซักก็ซัก เธอวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

 

 

เมื่อถังโจวโจวลงมาจากชั้นบน ป้าหลิวก็เอ่ยเรียกเธอไว้ “คุณผู้หญิงคะ เมื่อครู่นี้คุณชายเธอถามหาค่ะ”

 

 

“เขาว่าอะไรหรือคะ?”

 

 

“ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องดีๆ นะคะ ฉันเห็นว่ามุมปากของคุณชายกำลังยิ้มอยู่” ป้าหลิวเดาว่ามันน่าจะไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี หากเป็นเรื่องที่ไม่ดี คุณชายจะยิ้มได้อย่างไร

 

 

ยิ่งเธอทำงานอยู่ที่บ้านตระกูลลั่วมานานมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้จักและเข้าใจลักษณะนิสัยของแต่ละคนมากขึ้นเท่านั้น ลั่วเซ่าเชินนั้นค่อนข้างเย็นชา เขาไม่ค่อยพูดอะไรกับเธอสักเท่าไร นอกจากจำเป็นจริงๆ หากวันไหนลั่วเซ่าเชินคุยกับป้าหลิวยาวหลายประโยค เธอคงจะตกใจมาก

 

 

ถังโจวโจวนั้นโอบอ้อมอารี เธอมักจะช่วยทำในสิ่งต่างๆ ที่เธอพอจะทำได้ เธอไม่ได้วางมาดคุณผู้หญิงเลยสักนิด ป้าหลิวชื่นชอบถังโจวโจวเป็นอย่างมาก ดังนั้น ป้าหลิวจะคิดเผื่อเธออยู่เสมอ หากมีสิ่งใดที่มันเป็นผลเสียกับถังโจวโจว ป้าหลิวก็เต็มใจที่จะช่วยสกัดกั้นให้เธอก่อน

 

 

ส่วนลั่วอิง เธอเป็นภาพลักษณ์แห่งความน่ารักในใจของป้าหลิว แม้เธอจะยังดูดื้อรั้นตามนิสัยคุณหนูอยู่ แต่ความดื้อรั้นของลั่วอิงก็ไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เพราะมันไม่ได้ทำให้คนรำคาญใจ ในทางกลับกัน เธอทำให้คนรู้สึกว่าเธอน่ารักน่าเอ็นดู

 

 

แน่นอนว่าถังโจวโจวไม่ได้รับรู้ถึงความคิดของป้าหลิว ตอนนี้เธอกำลังคิดว่าลั่วเซ่าเชินตามหาเธอทำไม เขามีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ? ถังโจวโจวเข้าไปชงกาแฟและยกมันไปเสิร์ฟที่ห้องหนังสือ

 

 

ก๊อกๆๆ “เซ่าเชิน ฉันขอเข้าไปได้ไหมคะ” ถังโจวโจวถือจานรองถ้วยกาแฟไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งก็เคาะประตูห้องหนังสือ

 

 

“เข้ามาสิ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของลั่วเซ่าเชินดังออกมาจากห้องหนังสือ

 

 

ถังโจวโจวเปิดประตูและเอี้ยวตัวกลับไปปิด จากนั้นเธอก็วางกาแฟไว้ใกล้ๆ กับมือของลั่วเซ่าเชิน ก่อนจะยืนอยู่ที่โต๊ะแล้วถามว่า “ป้าหลิวบอกว่าคุณตามหาฉัน มีอะไรหรือเปล่าคะ”

 

 

“เรื่องลั่วอิงน่ะ เมื่อครู่นี้คุณหมอจางเขาพูดอะไรกับผมนิดหน่อย”

 

 

“อะไรหรือคะ” ถังโจวโจวรีบเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าจางจิ่งเซินมีข้อสรุปแล้ว

 

 

ลั่วเซ่าเชินย้ำคำพูดของจางจิ่งเซินอีกครั้ง ถังโจวโจวได้ยินแล้วกลับรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ

 

 

“เขาหมายความว่าลั่วอิงไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ?”

 

 

“ผมตีความว่าอย่างนั้นนะ” เมื่อลั่วเซ่าเชินได้ยินที่จางจิ่งเซินพูด เขาเองก็คิดว่านี่น่าจะเป็นข่าวดี แม้ว่าน้ำเสียงของจางจิ่งเซินจะไม่ค่อยหนักแน่นมากนัก แต่ลั่วเซ่าเชินก็เชื่อว่าลั่วอิงจะไม่มีปัญหาอะไร

 

 

“ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้ก็ให้ลั่วอิงนอนกับเราเถอะค่ะ” ถังโจวโจวเสนอความเห็น พอเธอนึกถึงว่าลั่วอิงจะหวาดกลัวแค่ไหนเมื่อต้องอยู่คนเดียวตามลำพัง ถังโจวโจวก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าหากให้ลั่วอิงนอนด้วยกันกับเธอและลั่วเซ่าเชิน ลั่วอิงก็จะไม่ต้องรู้สึกกลัวอีก

 

 

ลั่วเซ่าเชินคิดว่าข้อเสนอแนะของถังโจวโจวนั้นเป็นปัญหาใหญ่ “คุณจะให้ลั่วอิงนอนกับเรานานแค่ไหน” หากแค่วันสองวันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้ามันนานมากเกินไป ลั่วเซ่าเชินนี่แหละที่จะทนไม่ไหว

 

 

“คุณหมายความว่ายังไงคะ ก็ต้องจนกว่าลั่วอิงจะหายดีสิ!” แน่นอนว่าเพื่อลั่วอิงแล้ว เธอย่อมต้องคิดถึงลั่วอิงก่อนเสมอ

 

 

ซึ่งนั่นหมายความว่าหากลั่วอิงยังไม่ดีขึ้น เธอก็จะได้นอนอยู่บนเตียงหลังนั้นกับพวกเขาไปตลอด ถ้าอย่างนั้น หากเขาคิดจะใกล้ชิดกับถังโจวโจว เขาก็ทำไม่ได้น่ะสิ! ลั่วเซ่าเชินอยากจะปฏิเสธเสียเดี๋ยวนั้น แต่เมื่อเขาเห็นสายตามุ่งมั่นของถังโจวโจว เขาก็ปฏิเสธไม่ลง

 

 

“โอเคๆ เอาตามที่คุณว่าก็แล้วกัน” ลั่วอิงครับ รีบๆ หายนะลูก ความสุขของพ่ออยู่ในกำมือหนูแล้ว!

 

 

คืนนั้น เมื่อถังโจวโจวแจ้งข่าวนี้กับลั่วอิง ลั่วอิงก็ตื่นเต้นมากจนเอ่ยถามไม่หยุดว่า “แม่โจวโจวพูดจริงหรือคะ”

 

 

ที่จริงแล้ว ลั่วอิงอยากจะนอนกับถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินมานานแล้ว มันต้องแบบนี้สิถึงจะเรียกว่าครอบครัวเดียวกัน แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นลั่วเซ่าเชินไม่เห็นด้วย เขาบอกว่าเขาต้องการปลูกฝังความ สามารถในการช่วยเหลือตัวเองให้กับเธอ และเป็นเพราะลั่วอิงไม่อยากให้ลั่วเซ่าเชินคิดว่าเธอไม่สามารถอยู่ด้วยตัวของตัวเองได้ เธอจึงไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ต่อหน้าถังโจวโจว

 

 

คราวนี้ เมื่อเธอได้ยินข่าวดีจากปากของถังโจวโจว ซ้ำลั่วเซ่าเชินเองก็ยังเห็นดีเห็นงามด้วย ลั่วอิงจึงตื่นเต้นดีใจเสียยกใหญ่ “ดีจังเลย หนูจะได้นอนกับคุณพ่อคุณแม่แล้ว!”

 

 

หลังจากถังโจวโจวแจ้งข่าวนี้จบ ลั่วอิงก็เร่งกินข้าวเร็วขึ้นอีก และเมื่อได้เห็นว่าลั่วอิงมีความสุขมากขนาดนี้ จิตใจที่เศร้าหมองของลั่วเซ่าเชินก็ได้รับการปลอบประโลม เอาเถอะ ลูกสาวดีใจขนาดนี้ เขาก็จะยอมเสียสละสักหน่อย

 

 

หากถังโจวโจวได้ล่วงรู้ถึงความคิดที่อยู่ในใจของลั่วเซ่าเชิน เธอคงจะหัวเราะเยาะเขาแน่ๆ ลั่วเซ่าเชินเสียสละที่ไหนกัน แล้วไหนยังจะพูดเสียน่าสงสารอีก

 

 

หลังจากกินข้าวเสร็จ ถังโจวโจวก็พาลั่วอิงออกไปเดินเล่น ส่วนลั่วเซ่าเชินก็ไปออกกำลังกายที่ยิม จากนั้นถังโจวโจวก็ช่วยลั่วอิงเตรียมกระเป๋านักเรียนของเธอให้เรียบร้อย ลั่วอิงอยากจะไปโรงเรียนแล้ว เธอบอกว่าเธอคิดถึงเพื่อนๆ ที่โรงเรียน เมื่อลั่วเซ่าเชินได้ยินดังนั้น เขาก็ตกลง

 

 

มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะขังลั่วอิงไว้แต่ในบ้าน แบบนั้นมันจะไม่เอื้ออำนวยต่อการพักฟื้นของเธอ พวกเขาต้องทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย เบิกบานใจ และทำให้เธอรู้สึกมั่นคง เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องหวาดกลัวกับโลกภายนอกอีก

 

 

ถังโจวโจวให้ลั่วอิงนอนตรงกลาง จากนั้นเธอก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ และหลังจากที่เธอเป่าผมจนแห้งแล้ว ลั่วเซ่าเชินก็ยังไม่กลับมา ลั่วอิงรู้สึกเป็นกังวล “แม่โจวโจวขา เราควรจะเข้านอนแล้วไม่ใช่หรือคะ ทำไมคุณพ่อถึงยังไม่มาอีก”

 

 

“น่าจะกำลังยุ่งอยู่กับงานน่ะค่ะ ลั่วอิง เอาอย่างนี้ดีกว่านะ เราเข้านอนกันก่อนค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อเขาก็กลับมา”

 

 

สีหน้าของลั่วอิงเศร้าลง เธอดูผิดหวังเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากลั่วเซ่าเชินต้องทำงานและกลับมาที่ห้องดึกทุกคืน มันก็เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของถังโจวโจว

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ด้วยความรักครั้งก่อนทิ้งบาดแผลลึกไว้ในใจของ ถังโจวโจว มัณฑนากรสาวจึงครองตัวเป็นโสดตลอดมา แต่แล้วชายหนุ่มที่เธอบังเอิญเจอในโรงแรม ผู้ซึ่งเป็นเหมือนปิศาจร้ายที่เธอไม่คิดจะเจออีกชั่วชีวิตนี้ กลับเป็นถึงผู้อำนวยการของลั่วกรุ๊ป ลั่วเซ่าเซิน ผู้ชี้ชะตาโปรเจกต์ใหญ่ของบริษัทเธอ น่าเจ็บใจที่ถึงแม้เธออยากตีตัวออกห่างเขาขนาดไหน แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับความหล่อกระชากใจและโปรเจกต์ทำเงินมหาศาลอยู่ร่ำไป! อีกทั้ง ลั่วอิง ลูกสาวตัวน้อยของเขายังถูกใจเธอเข้าอย่างจัง ลั่วเซ่าเซินเห็นว่าเป็นโอกาสให้พ่อแม่เลิกรบเร้าเรื่องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ถูกใจเสียที จึงยื่นข้อเสนอให้เธอแต่งงานกับเขา แล้วโปรเจกต์ใหญ่ที่เธอตั้งตารอก็จะตกเป็นของเธอทันที!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset