ถังโจวโจวและคุณแม่ลั่วยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน ลั่วอิงเงยหน้ามองพวกเธอ จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปเล่นนิ้วมือของตัวเอง ริมฝีปากเล็กๆ นั้นกระดกขึ้นสูง ลั่วอิงเฝ้ารออย่างเป็นกังวลจนอดถามขึ้นมาไม่ได้ “คุณแม่กับคุณย่าเป็นอะไรไปคะ ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย”
ถังโจวโจวตั้งสติ ก่อนจะลูบเช็ดที่หางตา เธอเกือบจะร้องไห้เมื่อได้ยินในสิ่งที่ลั่วอิงพูด “เอ่อ… คือแม่…” ถังโจวโจวไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองอย่างไรไปชั่วขณะ
แม้คุณแม่ลั่วจะรู้สึกว่าลั่วอิงรู้จักคิดอ่านแบบผู้ใหญ่ แต่ความขัดแย้งระหว่างเธอกับถังโจวโจวนั้นมาไกลเกินกว่าที่คำพูดของลั่วอิงจะช่วยอะไรได้แล้ว
“เอาละ เดี๋ยวย่าจะรีบบอกให้แม่นมจ้าวเอาซุปมาส่งให้นะคะ วันนี้ย่ากลับก่อนล่ะ” คุณแม่ลั่วลูบศีรษะของลั่วอิงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
แล้วเมื่อเห็นว่าคุณแม่ลั่วออกไป ลั่วอิงก็กวักมือเรียกถังโจวโจว ถังโจวโจวก็เดินเข้าไปหาเธออย่างว่าง่าย “อะไรหรือคะ”
“แม่โจวโจวขา คุณแม่อย่าโกรธคุณย่าเลยนะคะ? คุณย่าไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น” ลั่วอิงพูดออดอ้อนพลางเขย่าแขนของถังโจวโจว
เธอไม่อยากให้คุณแม่ลั่วกับถังโจวโจวทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้เธอมักจะพูดถึงถังโจวโจวในทางที่ดีต่อหน้าคุณแม่ลั่ว แต่น่าเสียดายที่คุณแม่ลั่วไม่ได้คล้อยตามไปกับคำพูดของเธอ ตอนนี้เธอจึงจำต้องขอความร่วมมือจากถังโจวโจวแทน ดังที่ลั่วอิงเอ่ยออกมาในวันนี้
“ลั่วอิง หนูสบายใจได้เลยนะคะ แม่โจวโจวจะไม่ทะเลาะกับคุณย่าหรอกค่ะ แล้วนี่หนูหิวหรือยังคะ เดี๋ยวแม่โจวโจวจะออกไปหาอะไรมาให้หนูทาน หนูอยากทานอะไรคะ”
เมื่อได้ยินเรื่องของกิน ลั่วอิงก็ตื่นเต้นขึ้นมา “หนูอยากทานน่องไก่ ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน ไก่ฉีก…”
“พอก่อนค่ะ ของพวกนี้หนูยังทานไม่ได้ เดี๋ยวคุณแม่เลือกมาให้ดีกว่าค่ะ” ถังโจวโจวปฏิเสธคำขอของลั่วอิง ตอนนี้เธอป่วยอยู่ เธอจะกินของมันๆ พวกนั้นได้อย่างไร
“เซ่าเชิน คุณอยากทานอะไรไหมคะ” ถังโจวโจวหันไปมองลั่วเซ่าเชิน
ลั่วเซ่าเชินฉุกคิด “ไม่ต้องไปซื้อหรอก เดี๋ยวให้ป้าหลิวเอามาส่ง” ลั่วเซ่าเชินไม่ค่อยสนใจอาหารจากข้างนอก เขารู้สึกว่าอาหารที่ปรุงเองภายในบ้านนั้นสะอาดและถูกสุขลักษณะมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ลั่วอิงเพิ่งฟื้นไข้ ภูมิคุ้มกันของเธอยังค่อนข้างต่ำ
“รอให้ป้าหลิวมาส่ง ลั่วอิงอาจจะไม่ไหว ฉันออกไปซื้อโจ๊กให้ก่อนดีกว่าค่ะ หาอะไรรองท้องสักหน่อย” เมื่อถังโจวโจวปรึกษาหารือกับลั่วเซ่าเชินเสร็จแล้ว เธอก็เดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
ภายในห้องเหลือแค่เพียงลั่วเซ่าเชินและลั่วอิง ลั่วเซ่าเชินเดินเข้าไปหาเธอที่ข้างเตียง “กลัวไหมลูก” ลั่วอิงก้มหน้าจับผ้าห่มอยู่ขณะที่ลั่วเซ่าเชินก็ถามออกมาอย่างกะทันหัน
ลั่วอิงกะพริบตามองและไม่ได้พูดอะไร แววตาของเธอเจือไปด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เข้าใจว่าลั่วเซ่าเชินถามเธอเกี่ยวกับอะไร
ลั่วเซ่าเชินเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง “อยู่ตรงนั้น ลูกกลัวไหมครับ” ลั่วเซ่าเชินทัดปอยผมของลั่วอิงไว้ข้างหู เผยให้เห็นใบหน้ารูปไข่ของเธอ
ลั่วอิงพยักหน้า พอนึกถึงช่วงเวลานั้น ตัวของเธอก็สั่นเทิ้ม ลั่วเซ่าเชินรีบกอดเธอไว้แน่น “โอเค เราเลิกคิดถึงเรื่องนี้กันเถอะนะ พ่อจะไม่ถามแล้ว”
เขาลูบแผ่นหลังของลั่วอิงและตบเบาๆ เป็นจังหวะ ลั่วอิงสั่นอยู่นานก่อนจะค่อยๆ สงบลง เธอพูดด้วยเสียงอู้อี้
“คุณพ่อขา… ตอนนั้นหนูกลัวมาก หนูกลัวว่าคุณพ่อกับแม่โจวโจวจะหาหนูไม่เจอ คนพวกนั้นดุร้ายมาก… ฮือ… แต่พอหนูได้เจอแม่โจวโจวแล้ว หนูก็หายกลัวไปเลยค่ะ”
เมื่อนึกถึงตอนที่ถังโจวโจวปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเธอราวกับนางฟ้าใจดีมาช่วย นัยน์ตาของลั่วอิงก็เป็นประกาย ความสำคัญของถังโจวโจวที่อยู่ในใจเธอถูกยกขึ้นไปอีกขั้น ในสายตาของลั่วอิงนั้น ไม่มีใครสามารถเทียบกับถังโจวโจวได้เลย
ลั่วเซ่าเชินเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ เมื่อได้ยินน้ำเสียงชื่นชมเลื่อมใสของลั่วอิง “ลูกชอบแม่โจวโจวมากขนาดนั้นเลยหรือครับ”
“แน่นอนค่ะ! คุณพ่อขา ทำไมคุณพ่อถึงถามคำถามนี้อีกแล้วล่ะคะ หนูบอกคุณพ่อไปไม่รู้กี่รอบแล้วนะ” ปากเล็กๆ ของลั่วอิงพูดด้วยความพึงพอใจ ลั่วเซ่าเชินจึงได้แต่อิจฉา
ก๊อกๆๆ
“เชิญครับ” ลั่วเซ่าเชินนึกว่าพยาบาลจะเข้ามาเปลี่ยนยาให้ลั่วอิง เขาจึงพูดเสียงเรียบ
“เซ่าเชิน ลั่วอิงเป็นยังไงบ้าง” แต่แล้วกลับเป็นคุณแม่ถังที่เดินเข้ามา
ลั่วเซ่าเชินรีบลุกขึ้นยืนในทันที “แม่ครับ แม่มาได้ยังไงครับ”
“คุณยายมาเยี่ยมหนูแล้ว!” ลั่วอิงอุทานออกมาด้วยความดีใจ
คุณแม่ถังวางกระติกเก็บความร้อนไว้บนโต๊ะ ลั่วเซ่าเชินยกตำแหน่งที่ข้างเตียงให้กับคุณแม่ถัง ส่วนเขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวถัดออกไปแทน “ทำไมถึงไม่เรียกผมไปรับล่ะครับ” ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าคุณแม่ถังยังถือถุงมาอีกหนึ่งใบ เขาไม่รู้ว่าภายในนั้นมีอะไร แต่มันดูค่อนข้างหนัก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แม่ไม่ค่อยมีของน่ะ จะให้คุณไปรับทำไม เผื่อคุณทำธุระอยู่ แม่ก็เลยนั่งรถมาเองจ้ะ”
หลังจากที่คุณแม่ถังโทรคุยกับถังโจวโจวแล้ว เธอก็รีบเก็บข้าวเก็บของอย่างรวดเร็ว พอป้าหลิวแกทำกับข้าวเสร็จ เธอก็ถือติดมือมาด้วยเลย
“อ้อ อีกเดี๋ยวป้าหลิวจะมาส่งซุปไก่ให้อีกทีนะ แต่นี่แม่ถือกับข้าวมาให้ลั่วอิงก่อนแล้ว แม่กลัวว่าพวกคุณจะทานอาหารของโรงพยาบาลไม่ลง”
จากความคิดเห็นของคุณแม่ถัง ลั่วเซ่าเชินดูเป็นคนถือเนื้อถือตัว เขาคงจะไม่กินอาหารของทางโรงพยาบาลแน่ ส่วนลั่วอิงเองก็กำลังอยู่ในช่วงบำรุงร่างกาย หากให้ป้าหลิวทำอาหารที่ถูกปากมาให้ น่าจะทำให้เธอกินได้เยอะขึ้น และร่างกายของเธอก็จะได้หายไวๆ
“คุณยายขา ป้าหลิวทำอะไรอร่อยๆ มาให้ทานหรือคะ ขอหนูดูหน่อย!” ลั่วอิงกำลังหิวอยู่พอดี ส่วนโจ๊กที่ถังโจวโจวกำลังจะซื้อเข้ามา เธอก็ลืมความอยากไปหมดสิ้น
อาจเป็นเพราะว่าตอนที่เธอถูกลักพาตัวนั้น เธอไม่ค่อยได้กินอะไรสักเท่าไร ดังนั้น ตอนนี้ลั่วอิงจึงรู้สึกหิว เธออดใจรอแทบไม่ไหวแล้ว น้ำลายของเธอสอไปหมด เธอแค่อยากจะยัดของอร่อยให้เต็มปาก
“โอเคค่ะ เด็กดี หนูไม่ต้องรีบค่ะ คุณยายกำลังจะหยิบออกมาให้ดูนะ เซ่าเชิน คุณช่วยยกโต๊ะมากางตรงนี้ให้แม่หน่อยนะ”
เมื่อคุณแม่ถังเห็นว่าลั่วอิงอยากกินใจจะขาด เธอก็รีบนำเสนออาหารแต่ละอย่างในทันที
“มีซุปซานเซียน[1] ผัดดอกกะหล่ำหมู แล้วก็เห็ดผัดจ้ะ” เป็นเพราะเวลากระชั้นชิดมากเกินไป ป้าหลิวจึงไม่ได้ทำอาหารอะไรที่ซับซ้อนมากนัก นอกจากนี้ หากทำมากเกินไป ลั่วอิงก็กินไม่หมด
เนื่องจากคุณแม่ถังรีบออกมาก่อน เธอจึงหยิบมาแค่ส่วนของลั่วอิงเพียงคนเดียว เธอค่อยๆ วางอาหารลงบนโต๊ะทีละอย่าง จากนั้นเธอก็ส่งช้อนและตะเกียบให้กับลั่วอิง ลั่วอิงรีบก้มหน้าก้มตากินในทันที
“เซ่าเชิน เดี๋ยวป้าหลิวจะถือข้าวของคุณกับโจวโจวมาให้นะ” คุณแม่ถังเห็นว่าดวงตาของลั่วเซ่าเชินดูเหนื่อยล้ามาก และเมื่อคิดๆ ดูแล้ว เขาอาจจะไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันเนื่องจากเรื่องของลั่วอิง “คุณเอนพักสักหน่อยดีไหม อย่าฝืนร่างกายจนไม่สบายไปอีกคนนะ”
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมยังทนไหว คุณพ่อท่านทราบหรือยังครับว่าลั่วอิงกลับมาแล้ว”
“รู้แล้วจ้ะ แม่บอกพ่อเขาแล้ว อีกเดี๋ยวเขาก็มา”
คุณแม่ถังยืนคุยอยู่กับลั่วเซ่าเชิน สายตาของเธอมองไปที่ลั่วอิงเป็นระยะๆ และเมื่อเห็นว่าลั่วอิงกินข้าวได้ดี ซ้ำยังคำใหญ่อีกด้วย คุณแม่ถังก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ตอนที่เธอมาเธอยังกลัวอยู่เลยว่าลั่วอิงจะกินอะไรไม่ลง เนื่องจากความหวาดกลัวยังฝังอยู่ในใจ แต่เมื่อได้เห็นแบบนี้แล้ว เธอก็โล่งอก
คุณแม่ถังดึงลั่วเซ่าเชินมาอีกฝั่ง ก่อนจะกระซิบถามว่า “นอกจากมีไข้แล้ว ลั่วอิงก็ไม่ได้เป็นอะไรอีกใช่ไหมคะ แล้วโจวโจวล่ะ?”
“ไม่แล้วครับ ภายนอกไม่มีอะไรร้ายแรง แต่ผมไม่รู้ว่าเธอรู้สึกยังไง ส่วนโจวโจวออกไปซื้อโจ๊กครับ อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับมา เธอเองก็สบายดี” ลั่วเซ่าเชินเล่าสถานการณ์โดยรวมให้คุณแม่ถังฟังอย่างคร่าวๆ และเมื่อคุณแม่ถังฟังจบ เธอก็พรูลมหายใจออกมายาวเหยียด
“โชคดีจริงๆ โชคดีที่คนๆ นั้นมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ไม่อย่างนั้นคง… ช่างมันเถอะ! เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมันหรอก” คุณแม่ถังกลัวว่าจะมีคำไหนไปกระทบจิตใจของลั่วอิงและลั่วเซ่าเชินเข้า เธอจึงรีบหยุดมันไว้
“ไม่เป็นไรครับแม่ วันหลังผมจะระมัดระวังให้มากกว่านี้ ผมจะไม่ปล่อยให้ลั่วอิงกับโจวโจวคลาดสายตาอีกแล้ว” ที่จริงแล้วลั่วเซ่าเชินก็นึกกลัวอยู่เหมือนกัน หากเจ้าแผลเป็นยอมตายเสียดีกว่ายอมปล่อยคน บางทีเขาก็อาจจะสูญเสียถังโจวโจวกับลั่วอิงไปแล้วก็ได้ ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนั้น
แม้ว่าจะเตรียมการมามากมาย แต่มันก็ไม่สามารถหักล้างความใจอ่อนของเจ้าแผลเป็นได้ โชคดีที่ทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี
“เซ่าเชิน ฉันซื้อโจ๊กมาแล้ว ทางร้านเขาให้ผักเคียงมาด้วยนะ… อ้าว แม่คะ? แม่มาแล้ว!” เมื่อถังโจวโจวปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้ามา เธอก็เห็นว่าสีหน้าของคุณแม่ถังนั้นมีแต่ความสุข ปราศจากความเหนื่อยใจ
“อีกเดี๋ยวป้าหลิวจะเอากับข้าวของพวกลูกมาส่งให้ ตอนนี้กินโจ๊กรองท้องกันไปก่อนก็แล้วกัน” เมื่อคุณแม่ถังเห็นว่าถังโจวโจวถือโจ๊กมาด้วยสามถุง และอีกหนึ่งถุงที่เหลือก็อาจจะเป็นผักเคียงที่ไว้กินกับโจ๊ก เธอก็รีบบอกให้ถังโจวโจววางของไว้บนโต๊ะเล็ก
“แม่คะ นี่อะไรเหรอ” ถังโจวโจวเห็นถุงตุงๆ อีกใบหนึ่ง เธอจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ แม่เอาเสื้อผ้ามาให้ลั่วอิงน่ะ ไว้ให้เธอใส่ตอนที่ออกจากโรงพยาบาล”
ลั่วอิงทำลายล้างอาหารได้อย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ป้าหลิวก็มาส่งอาหารในส่วนของลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจว ในขณะที่ลั่วอิงก็ยังคงกินซุปไก่ที่ถูกตุ๋นมาให้เธอโดยเฉพาะต่อ
เมื่อคุณพ่อถังได้ข่าวว่าลั่วอิงไม่เป็นอะไร หลังจากที่เขาทำธุระเสร็จ เขาก็รีบไปที่โรงพยาบาล เขาได้ยินคุณแม่ถังบอกว่าถังโจวโจวไปรับลั่วอิงตามลำพัง ดังนั้น เมื่อคุณพ่อถังได้เจอหน้าถังโจวโจวแล้ว เขาจึงตำหนิเธอยกใหญ่
สำหรับถังโจวโจวแล้ว เธอรู้สึกว่าลั่วอิงได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน แต่ถังโจวโจวกลับได้รับสิ่งตรงกันข้าม ซึ่งนั่นทำให้ถังโจวโจวหงุดหงิดมาก “นี่พ่อได้หลานแล้วลืมลูกจริงๆ!”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ พูดอะไรน่ะ!” คุณพ่อถังจิ้มไปที่หน้าผากของถังโจวโจว ถังโจวโจวกุมหน้าผากพลางมองไปที่คุณพ่อถังอย่างเจ็บปวด
“พ่อขา หนูไม่ใช่คนที่พ่อรักมากที่สุดแล้วสินะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีเหรือที่พ่อจะทำอะไรแบบนี้กับหนูน่ะ” เมื่อคุณพ่อถังเห็นว่าถังโจวโจวเล่นเป็นเด็กๆ เขาก็ไม่สนใจเธออีก
แต่สุดท้ายแล้วถังโจวโจวก็รีบพุ่งตัวเข้าไปออดอ้อนในอ้อมแขนของคุณพ่อถัง สีหน้าเธอไม่มีแววล้อเล่นอีก “หนูรู้ว่าพ่อหวังดีกับหนู ครั้งนี้มันเป็นความผิดของหนูเอง ที่ทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วง”
เดิมทีถังโจวโจวก็แค่หุนหันพลันแล่นไปชั่วขณะ เธอคิดแค่ว่าในเมื่อเธอเป็นคนทำให้ลั่วอิงหายไป เธอก็ต้องเป็นคนที่พาลั่วอิงกลับมาอย่างปลอดภัย แต่ที่ไหนได้ เธอกลับทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ถังพลอยเป็นกังวลไปด้วย
ถังโจวโจวรู้ดีว่าเบื้องหลังการตำหนิเธอของคุณพ่อถังแอบแฝงไปด้วยความห่วงใย แต่คุณพ่อถังนั้นแสดงออกไม่เก่ง ดังนั้นท่านจึงดูน่ากลัวอยู่เล็กน้อย
และเมื่อคุณพ่อถังเห็นว่าถังโจวโจวเข้าใจในความหมายที่เขาจะสื่อแล้ว เขาก็ทอดถอนหายใจ ถือว่าเลี้ยงไม่เสียข้าวสุก! หากถังโจวโจวเข้าใจเขาผิดไปจริงๆ เขาก็คงจะต้องตีถังโจวโจวเพื่อเตือนสติ แต่คุณพ่อถังก็แค่คิดเล่นๆ เขาจะทำอย่างนั้นจริงได้อย่างไร!
ตกดึก ถังโจวโจวเป็นคนที่อยู่เฝ้าลั่วอิงในห้องพักผู้ป่วย เธอบอกให้ลั่วเซ่าเชินไปส่งคุณพ่อกับคุณแม่ถังที่บ้านก่อน ส่วนเธอก็ขอให้พยาบาลนำเตียงเสริมมาให้เธอ เพื่อที่เธอจะได้นอนข้างๆ ลั่วอิง
ลั่วอิงบอกให้ถังโจวโจวขยับเตียงเข้ามาใกล้ๆ ทำให้มันกลายเป็นเตียงหลังใหญ่หนึ่งหลัง “แม่โจวโจวขา เดี๋ยวเรานอนด้วยกันนะคะ!” ดูเหมือนว่าลั่วอิงจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้นอนกับถังโจวโจว คิดๆ ดูแล้วก็มีความสุข
ภายในห้องพักผู้ป่วยมีแค่พวกเธอสองคน ถังโจวโจวยกอ่างน้ำเล็กๆ ออกมาอ่างหนึ่ง เพื่อเช็ดตัวให้กับลั่วอิง หลังจากนั้นเธอก็เข้าไปอาบน้ำ เธอขอให้ลั่วเซ่าเชินเอาเสื้อผ้าเธอมาให้ และเมื่อเธอเปลี่ยนชุดแล้ว ถังโจวโจวก็ลองนอนลงไปบนเตียง
ลั่วอิงเขยิบตัวจนเหลือที่กว้าง แต่ถังโจวโจวกลัวว่าลั่วอิงจะตกเตียง เธอจึงขยับตัวลั่วอิงเข้ามาเล็กน้อย และเมื่อเธอทาบฝ่ามือลงไปบนหน้าผากของลั่วอิง เธอก็พบว่าอุณหภูมิในร่างกายของลั่วอิงไม่ได้สูงจนน่าตกใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ถังโจวโจวจึงคลายความตึงเครียดในใจของเธอลง “เอาละค่ะ นอนกันเถอะนะ”
[1] ซุปซานเซียน หรือ ซุปสามสหาย อาหารดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียง ส่วนผสมหลักที่ใส่ในซุปคือ ปลิงทะเล ปลาหมึก และหน่อไม้แห้ง