“ฟังหยวน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ” ถังโจวโจวลงมาจากรถ ก่อนจะมองดูช่อดอกไม้สองช่อในมือของฟังหยวน นี่เขาคงไม่ได้มีจุดประสงค์เดียวกันกับลั่วเซ่าเชินใช่ไหม?
ฟังหยวนมองถังโจวโจวด้วยความประหลาดใจ “อาเชินอยู่ข้างบนหรือ”
“ค่ะ คุณเองก็คงจะรู้จักกับพี่ใหญ่ คุณก็เลยมาที่นี่ใช่ไหมคะ” แล้วดอกไม้อีกช่อเขาจะให้ใครกันนะ?
“ใช่แล้ว ผมกับอาเชินโตมาด้วยกัน แน่นอนว่าก็ต้องสนิทกับพี่เซ่าอวี๋ด้วย แต่น่าเสียดาย เขาอายุยังน้อย…” ฟังหยวนเผลอหลุดปากออกมา แต่เขาก็ปรับท่าทางได้อย่างรวดเร็ว ความจริงแล้วถังโจวโจวรู้สึกสนใจในสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปมาก
นานมากแล้วที่ถังโจวโจวเคยได้ยินชื่อของลั่วเซ่าอวี๋ ซึ่งในตอนนั้นเอง ก็นับเป็นครั้งแรกที่ถังโจวโจวได้รู้ว่าลั่วเซ่าเชินมีพี่ชายร่วมสายเลือดด้วย แต่เขาก็เสียชีวิตด้วยสาเหตุบางอย่าง ภายในตระกูลลั่วไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย ราวกับว่าจะปกปิดมันจนถึงที่สุด
“ลั่วอิงก็มาด้วยหรือครับ” ฟังหยวนเห็นว่าภายในรถของลั่วเซ่าเชินมีศีรษะกลมเล็กโผล่ขึ้นมาจากเบาะด้านหลัง เขาโบกมือและยิ้มทักทายลั่วอิง
“ค่ะ เซ่าเชินเขายังให้ลั่วอิงคำนับหน้าหลุมฝังศพของพี่ใหญ่ด้วยนะคะ?”
“งั้นหรือครับ ก็ไม่น่าแปลกตรงไหน ลั่วอิงเองก็ต้องเรียกเขาว่าคุณลุงอยู่แล้ว ที่อาเชินให้ลั่วอิงคำนับเขา มันก็เป็นเรื่องที่สมควร ถึงอย่างไรอาเชินกับพี่เซ่าอวี๋ก็สนิทกันมาก” สิ่งที่ฟังหยวนไม่ได้พูดออกมาก็คือ ลั่วเซ่าเชินแทบจะถูกเลี้ยงดูมาโดยลั่วเซ่าอวี๋
ณ ตอนนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ลั่วเอาแต่ง่วนอยู่กับงาน ไม่มีใครยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในบ้านเลยสักคน ถ้าไม่ออกไปเล่นไพ่ เข้าสังคม พวกเขาก็ออกไปชอปปิง ไม่ค่อยมีเวลามาสนใจการเรียนของลั่วเซ่าอวี๋และลั่วเซ่าเชิน
โชคดีที่ทั้งคู่รู้ตัวดีว่าควรจะทำอะไร ลั่วเซ่าเชินที่ยังเป็นเด็ก เขาก็ได้ลั่วเซ่าอวี๋นี่แหละที่ช่วยฉุดดึงให้เขาเดินไปในเส้นทางที่ถูกที่ควร
เมื่อฟังหยวนนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขตอนเป็นเด็ก เขาก็สติหลุดลอยไปชั่วขณะหนึ่ง หากในตอนนั้นไม่ใช่เพราะการพบเจอซูเสี่ยวในภายหลัง เขาก็คงจะนับถือลั่วเซ่าอวี๋เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเขาเหมือนเดิม… แต่เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว ฟังหยวนเรียกสติกลับคืนมาได้ เขามองเห็นถังโจวโจวที่ยืนขมวดคิ้วแน่น
“คุณจะคิดมากไปทำไม อย่าให้ผมหงอกขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อยสิ!”
“ฟังหยวน นี่คุณหาเรื่องเจ็บตัวใช่ไหม” ถังโจวโจวตีฟังหยวน เธอรู้ดีว่าฟังหยวนกำลังทำลายบรรยากาศอันน่าตึงเครียดนี้ ด้วยวิธีการจากความสามารถพิเศษของเขา ถังโจวโจวเองก็แค่แหย่เขาเล่นเท่านั้น
“มาแล้วเหรอ อาหยวน!” แล้วจู่ๆ เสียงของลั่วเซ่าเชินก็ดังขึ้นจากด้านหลังของถังโจวโจว
รอยยิ้มบนใบหน้าของถังโจวโจวจางหายไปในบัดดล เธอมองดูสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีของลั่วเซ่าเชิน “เซ่าเชิน ฟังหยวนเองก็มาเยี่ยมพี่ใหญ่เหมือนกัน”
“ผมรู้” แม้ว่าลั่วเซ่าเชินจะพูดกับถังโจวโจว แต่สายตาของเขากลับจ้องไปที่ฟังหยวน
ถังโจวโจวชักจะทนไม่ไหว เมื่อเห็นว่าบรรยากาศระหว่างเขาทั้งสองคนเริ่มจะคุกรุ่น เธอจึงออกปากพูดว่า “เซ่าเชิน เสร็จธุระแล้วใช่ไหมคะ เรากลับกันเถอะ”
ลั่วเซ่าเชินมองดอกลิลลี่ที่อยู่ในมือของฟังหยวน “นายจะไปเยี่ยมเขา?”
“อืม ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ฉันอยากคุยกับเขา! นายคงจะไม่ลิดรอนสิทธิ์นี้ของฉันใช่ไหม”
“มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ในเมื่อทุกอย่างมันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว นายอยากทำอะไรก็เรื่องของนาย ฉันเข้าไปยุ่งไม่ได้ …เอาละ ฉันกับโจวโจวขอตัวก่อนนะ” ลั่วเซ่าเชินตบไหล่ของฟังหยวน ก่อนจะบอกให้ถังโจวโจวขึ้นรถ ส่วนตัวเขาก็เดินไปที่ฝั่งคนขับ
ถังโจวโจวรู้สึกว่าพวกเขาสองคนพูดจากำกวมกันเหลือเกิน พวกเขาพูดอะไรที่เธอไม่เข้าใจ คำว่า ‘เขา’ ในที่นี้ หมายถึงพี่ใหญ่หรือเปล่า?
ถังโจวโจวส่ายหน้า เธอไม่ควรจะคิดถึงเรื่องนี้เลยจริงๆ เธอต้องว่าตามเจ้านายใหญ่ของเธอสิ!
เมื่อฟังหยวนเห็นว่ารถของลั่วเซ่าเชินเลี้ยวออกไปจากสุสานแล้ว เขาก็ขึ้นไปบนเนินเขานั่นเพียงลำพัง
ฟังหยวนเดินตรงไปที่หลุมฝังศพของลั่วเซ่าอวี๋และวางดอกไม้ไว้ที่หน้าป้ายหลุมฝังศพของเขา เขามองอยู่เพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปอีกทาง และหยุดอยู่ที่หน้าหลุมฝังศพของซูเสี่ยว จากนั้นเขาก็ค่อยๆ วางช่อดอกลิลลี่สีขาวบนหน้าป้ายหลุมฝังศพของเธอ
ฟังหยวนย่อตัวลงและค่อยๆ เคลื่อนมือเข้าไปใกล้กับแผ่นหินที่เย็นเฉียบ เขาลูบสัมผัสใบหน้าของซูเสี่ยวผู้ซึ่งแย้มยิ้มราวกับดอกไม้บานในรูปนั้น “อาเสี่ยว ผมมาเยี่ยมแล้ว คุณเหงาไหม?”
ฟังหยวนนั่งลงตรงหน้าหลุมฝังศพและเอนศีรษะซบลงบนป้ายหลุมฝังศพของซูเสี่ยว ดวงตาของเขาเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพูดกับตัวเองว่า “อาเสี่ยว ผมเกือบจะจำคุณไม่ได้แล้ว ถ้าครั้งนี้ผมไม่ได้กลับมาเยี่ยมคุณ ผมก็อาจจะลืมคุณไปแล้วจริงๆ คุณคงไม่ว่าอะไรผมหรอกใช่ไหม?
อาเสี่ยว ผมกำลังตกหลุมรักคนคนหนึ่ง เธอเป็นคนดี นิสัยคล้ายๆ คุณเลย เธอร่าเริงสดใส จิตใจดี ผมเคยบอกว่าชาตินี้ผมจะรักคุณแค่คนเดียว แต่ตอนนี้ผมคงจะต้องกลับคำแล้ว ถ้าคุณอยากจะด่าผม ก็มาเข้าฝันผมก็แล้วกันนะ”
ฟังหยวนนั่งพูดอยู่หน้าหลุมฝังศพของซูเสี่ยวเป็นเวลานาน เขาคิดอะไรได้ เขาก็พูดออกมา ราวกับว่ากำลังระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจที่เขามีทั้งหมดให้เธอฟังในเวลาอันสั้น
ภายในสุสานนั้นเงียบสงัด กว่าฟังหยวนจะลุกขึ้นปัดเศษดินที่ติดอยู่บนกางเกง พระอาทิตย์ก็เริ่มสูงขึ้นอยู่เหนือศีรษะของเขาแล้ว “ซูเสี่ยว ผมคุยกับคุณต่อไม่ได้แล้ว ขอตัวกลับก่อนนะ”
ฟังหยวนทอดสายตามองรูปภาพของซูเสี่ยวเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเขาก็พบว่าเธอยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับเป็นคนเดิม แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่เธอก็ยังเหมือนเดิม ดังนั้นเธอจึงได้รับความสนใจจากลั่วเซ่าอวี๋
เมื่อลั่วเซ่าเชินพาถังโจวโจวและลั่วอิงกลับมาถึงบ้าน ป้าหลิวก็ได้เตรียมอาหารเอาไว้ให้แล้ว และหลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จ ถังโจวโจวกับลั่วเซ่าเชินก็อยู่ด้วยกันในห้องหนังสือ
“ซูเสี่ยวเป็นแฟนของพี่ใหญ่หรือคะ ทำไมเธอถึงเสียชีวิตล่ะ” ความอยากรู้อยากเห็นของถังโจวโจวพรั่งพรูออกมา เธอได้แต่หวังให้ลั่วเซ่าเชินตอบคำถามเธอ
“คุณจะถามทำไมเยอะแยะ” ลั่วเซ่าเชินนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังพลางหัวเราะไปกับท่าทางกระตือรือร้นของถังโจวโจว เธอเคยนวดไหล่ ทุบหลังให้เขาที่ไหนกัน อยากจะให้เธอใกล้ชิดกับเขายังยากเลย แต่ว่าวันนี้เธอกลับลงทุนเสียขนาดนี้ ไม่ใช่ว่ารอคำตอบจากเขาอยู่หรอกหรือ!
มือของถังโจวโจวที่กำลังนวดไหล่ให้ลั่วเซ่าเชินอย่างแข็งขัน แต่เมื่อเธอได้ยินลั่วเซ่าเชินพูดอย่างนั้น เธอก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีบีบนวดเขาอย่างหนักหน่วง เพียงครู่เดียวลั่วเซ่าเชินก็สะดุ้งโหยงจนแทบจะตกจากเก้าอี้ “โจวโจว นี่คุณจะฆ่าสามีของตัวเองเหรอ”
“คุณพูดไม่ดีกับฉันก่อน ไม่อย่างนั้นฉันจะทำแบบนี้กับคุณทำไม!” ถังโจวโจวยืนพูดอย่างอวดดีอยู่ด้านหลังของลั่วเซ่าเชิน
ลั่วเซ่าเชินได้แต่เสียใจกับคำพูดของตัวเอง เขาค้นพบแล้วว่าเขาจะแหย่ใครก็ได้บนโลกใบนี้ แต่ไม่ใช่กับถังโจวโจว
แต่ลั่วเซ่าเชินทนดูถังโจวโจวมีความสุขในขณะที่เขาไม่สบายใจไม่ได้ เขาเพียงออกแรงดึงถังโจวโจวเบาๆ เธอที่จุดศูนย์ถ่วงไม่ค่อยมั่นคงอยู่แล้ว จึงล้มลงมาบนตัวของลั่วเซ่าเชิน
ถังโจวโจวเสียหลักถลาไปบนหน้าอกของลั่วเซ่าเชิน กว่าเธอจะตั้งสติได้ เธอก็ถูกลั่วเซ่าเชินกอดไว้แน่นแล้ว “เซ่าเชิน ฉันผิดไปแล้ว คุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
“เพิ่งจะมาสำนึกผิดเอาป่านนี้ มันไม่สายไปหน่อยเหรอ” น้ำเสียงของลั่วเซ่าเชินแหบพร่า นัยน์ตาของเขาวาบวับ
ถังโจวโจวกลัวว่ากลางวันแสกๆ แบบนี้เขาจะกลายร่างเป็นสัตว์ร้าย แต่ไม่ว่าเธอจะใช้แรงมากเท่าไร เธอก็ผละจากตัวเขาไม่ได้ เธอจึงทำได้แค่ร้องขอความเมตตา “เซ่าเชิน แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง”
ลั่วเซ่าเชินโน้มตัวเข้าไปที่ข้างหูของถังโจวโจว ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา “ผมอยากจะให้คุณทำยังไงน่ะเหรอ? มันก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของคุณเองนั่นแหละ”
ม้านับหมื่นตัววิ่งผ่านหัวใจของถังโจวโจวไป ทำไมฉากนี้ถึงดูเหมือนนักเลงหนุ่มกำลังรังแกคุณหนูผู้บอบบางอยู่เลย ถังโจวโจวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความหงุดหงิด ทำไมเรี่ยวแรงระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงถึงต้องแตกต่างกันมากขนาดนี้นะ มันทำให้เธอแพ้ลั่วเซ่าเชินตลอดเลย
ถังโจวโจวขบคิดเล็กน้อย ก่อนจะปิดเปลือกตาลงและประทับริมฝีปากลงไปบนแก้มของลั่วเซ่าเชินอย่างเบาบาง จากนั้นเมื่อเธอลืมตาขึ้นและมองไปที่ลั่วเซ่าเชิน เธอก็พบว่าเขายังไม่พอใจ “ตกลงคุณจะเอายังไง พูดมาเลยดีกว่าค่ะ!”
ถังโจวโจวแค่จูบเขาเบาๆ แค่นี้ ลั่วเซ่าเชินจะยอมได้อย่างไร แล้วเธอยังจูบเขาแค่ที่แก้มอีก ไม่ใช่ที่ปาก เขายิ่งไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆ แน่ “โจวโจว ความจริงใจของคุณมีแค่นี้เองเหรอ” ลั่วเซ่าเชินพูดพลางเปรียบเทียบขนาดความจริงใจของถังโจวโจวด้วยนิ้วมือของเขาให้เธอเห็น
ถังโจวโจวรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ช่างเอาใจยากเสียเหลือเกิน จนเธออยากจะยอมแพ้ให้จบเรื่องไป “คุณปล่อยฉันได้แล้วค่ะ ฉันไม่อยากจะถามแล้ว ถ้าคุณอยากบอก คุณก็บอกแล้วกัน”
เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเธอยอมถอย และแสดงท่าทางยอมแพ้ เขาก็เติมเชื้อไฟลงไปให้ถังโจวโจวอีก เขาจะปล่อยเธอไปง่ายๆ ได้อย่างไร “ก็ถ้าคุณไม่ถาม ผมจะบอกคุณไปทำไม”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็พูดออกมาสิคะ!” ถังโจวโจวตะคอกใส่เขา
ลั่วเซ่าเชินยังคงวางกลอุบายหลอกล่อถังโจวโจวต่อไป “ผมจะบอกคุณให้ก็ได้ แต่คุณจะเอาอะไรมาตอบแทนผมล่ะ”
ถังโจวโจวคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปสัมผัสหลังคอของลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินเริ่มติดกับ มือของถังโจวโจวอีกข้างวาดโอบไปรอบลำคอของลั่วเซ่าเชิน แล้วจู่ๆ เธอก็เพิ่มแรงบีบที่ฝ่ามืออย่างกะทันหันจนอีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ ลั่วเซ่าเชินตั้งรับไม่ทัน สองมือที่กอดรัดถังโจวโจวไว้ก็คลายออก
แต่โชคดีที่เขายังรักษาสมดุลเอาไว้ได้ และไม่ล้มลงไปกับพื้นเสียก่อน กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็เห็นถังโจวโจวยิ้มให้อย่างซุกซน เขาเกือบจะเอ็ดเธอออกมา แต่เขาก็ไม่กล้าทำ ได้แต่มองเธออยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีไปชั่วขณะ
เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร เธอก็กลัวว่าเขาจะเอาคืน เธอจึงรีบวิ่งออกไปนอกห้องหนังสือ แม้แต่คำถามที่เขาอยากให้เธอถามออกมา เธอก็ไม่สนใจแล้ว เธอกลัวว่าถ้าหากเธอหนีช้ากว่านี้แค่ก้าวเดียว เธออาจจะถูกลั่วเซ่าเชิน ‘กลืน’ ลงท้องไปได้จริงๆ
เมื่อถังโจวโจวกลับไปถึงห้องนอน เธอก็รู้สึกโล่งใจ สายตาของลั่วเซ่าเชินน่ากลัวมาก เธอกลัวว่าเขาจะจัดการเธอในห้องหนังสือขึ้นมาจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงจะหนีเขาไม่พ้นแน่ๆ แล้ว
ลั่วเซ่าเชินรู้สึกเสียดายหลังจากเห็นถังโจวโจววิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็รู้ดีว่าถังโจวโจวที่วิ่งหนีเขาไปในตอนนี้ เธอจะต้องกลับมาหาเขาอีกครั้งในตอนกลางคืน
หลังจากมื้อค่ำผ่านไป ถังโจวโจวก็ไม่เห็นว่าลั่วเซ่าเชินจะทำอะไรเป็นพิเศษ ซ้ำยังไม่แม้แต่มองเธอสักนิดเลยด้วย เธอจึงเข้าใจว่าเขาลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันไปแล้ว เธอก็ค่อยๆ วางใจ
เมื่อเธอเข้าไปในห้องนอน เธอก็หยิบชุดนอนของเธอออกมาจากตู้เสื้อผ้า และเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ และในขณะที่เธอกำลังอาบน้ำอย่างมีความสุขอยู่นั้น… “อ๊ะ! คุณเข้ามาได้ยังไงคะ?!”
ถังโจวโจวตกใจที่จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูห้องน้ำเข้ามา และเมื่อเธอเห็นร่างของลั่วเซ่าเชินที่หลังบานประตู เธอก็รู้ได้ในทันทีว่า เขาปล่อยเธอไปเสียที่ไหน เขากำลังรอกินอาหารมื้อใหญ่อยู่ตรงนี้!
ลั่วเซ่าเชินมองดูหยดน้ำที่ไหลลงมาตามร่างของถังโจวโจว ถังโจวโจวเห็นสายตาของเขาก็ปิดได้แค่ช่วงบนเท่านั้น ส่วนด้านล่างเธอปิดได้ไม่มิด เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรแล้ว
“โจวโจว ผมจะปิดประตูให้นะ คุณจะได้ไม่เป็นหวัด” ชั่วขณะหนึ่ง ถังโจวโจวกำลังคิดว่าลั่วเซ่าเชินเป็นคนดี เขาคงแค่เข้ามาดูแล้วก็จะออกไป แต่ที่ไหนได้ เขาปิดประตูก็จริง แต่ตัวเขายังอยู่ข้างใน นี่ปิดประตูเพื่อใครกันแน่?
แม้ว่าถังโจวโจวจะรู้ดีว่าทำแบบนี้มันไร้ประโยชน์ แต่เธอก็ยังคงพยายามใช้มือปกปิดร่างกายของตัวเอง แม้จะปิดได้เพียงเล็กน้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ปิดเลย และในขณะที่เธอเหม่อลอยเพียงครู่เดียว เสื้อผ้าบนร่างกายของลั่วเซ่าเชินก็อันตรธานหายไปจนหมด
ถังโจวโจวรีบหลับตาในทันที เธอกลัวว่าจะได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น เกิดเป็นตากุ้งยิงขึ้นมาจะทำอย่างไร
ร่างกายของถังโจวโจวสั่นสะท้านจากการเคลื่อนไหวรวดเร็วฉับพลันของลั่วเซ่าเชิน แม้ว่าเธอจะกำลังอาบน้ำด้วยน้ำร้อนอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถขับไล่ความหนาวเย็นออกไปจากหัวใจของเธอได้เลย
มือข้างหนึ่งของลั่วเซ่าเชินวางอยู่ที่ช่วงเอวของถังโจวโจว อีกข้างที่เหลือก็โอบไปรอบช่วงไหล่ของเธอ เขากระซิบปลอบเธอว่า “โจวโจว ผมมาแล้ว มีอะไรให้กลัวอีก?”
‘ก็เพราะเป็นคุณไงถึงได้กลัว’ ถังโจวโจวพร่ำบ่นอยู่ในใจ