ตอนที่ 8 ถังแตกแน่ๆ
รูปภาพหญิงสาวเริงระบำในราชสำนักบนสะพานนั้นไร้ที่ติ ทั้งการเคลื่อนไหวไปจนถึงส่วนโค้งที่อ่อนช้อย ไร้ที่ติทั้งหมด แต่ความไร้ที่ตินี้เปิดหน้าต่างแห่งโอกาสให้เย่ชิง
รูปปั้นบนสะพานไฉ่อีมีต้นกำเนิดมาจากภาพวาดของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยราชวงศ์หมิง
บุคคลนี้ชื่อว่าฉิ่วหยิง เป็นผู้คลั่งไคล้ในศิลปะที่มีความเชี่ยวชาญในการวาดภาพผู้หญิงทุกประเภท
อาคารแบบโบราณใต้สะพานเป็นย่านโคมแดงอันฉาวโฉ่ในสมัยก่อน
โดยปกติแล้วย่านโคมแดงต้องการสิ่งดึงดูดใจ ดังนั้นฉิ่วหยิงในฐานะผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์การ ‘แค่ก แค่ก’ นี้จึงวาดส่วนที่อยู่ในที่จิตใต้สำนึกของเขาขึ้นมาไว้ที่ด้านบนของย่านนี้
ในปี 07 สะพานไฉ่อีถูกจัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมระดับจังหวัด ดังนั้นเมื่อจงหยุนลงทุนจำนวนมากในการฟื้นฟูบูรณะ ก็มีใครคนหนึ่งบริจาคผลงานของฉิ่วหยิงหลายชิ้นโดยไม่ประสงค์ออกนาม
เรื่องนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในเวลานั้น ด้วยความปีติยินดีของเจ้าหน้าที่ในจงหยุน พวกเขาเลือกเอารูปที่สวมเสื้อผ้าหลายรูปและขอแบบจำลองของรูปพวกนั้น ต่อมาทั้งหมดก็ถูกวางไว้เหนือสะพานเพื่อให้ทุกคนได้เห็น
ตอนนี้ที่สะพานมีทั้งหมด 24 รูป เมืองจงหยุนสร้างขึ้นเพียง 4 รูปเท่านั้นส่วนที่เหลือเป็นส่วนหนึ่งของภาพที่เผยแพร่แก่สาธารณะโดยฉิ่วหยิง
สะพานไฉ่อี เป็นหนึ่งในอัญมณีทางวัฒนธรรมของจงหยุนแล้วยังมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ ทีมงานตรวจสอบจะต้องทำการตรวจสอบที่นี่แน่นอน
แล้วถ้า ……
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าถนนทั้งเส้น ขอบคันหินทั้งสายถูกแทนที่ด้วยภาพแกะสลักของหญิงสาวที่สวยงามหรือภาพที่คล้ายกันนี้?
ความคิดนี้คงจะถูกทุกคนปฏิเสธ
ปกติแล้วประติมากรรมหินเหล่านี้ต้องมาจากเครื่องจักรแกะสลัก สำหรับงานที่ซับซ้อนเช่นงานแกะสลักของหญิงสาวในราชสำนักต้องใช้ใบมีดแกะสลักขนาดเล็กและใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงในการแกะ
เพียงแค่การแกะคำบนแผ่นหินก็ราคาหลายร้อยหยวนแล้ว แต่ตอนนี้คุณบอกว่าคุณต้องการการแกะสลักภาพที่ซับซ้อนของหญิงสาวบนแผ่นหินอ่อน คุณคิดว่ามันราคาเท่าไหร่?
30 นาทีต่อมาเย่ชิงก็มาถึงสวนอุตสาหกรรม
ที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก เป็นหนึ่งใน 500 บริษัทชั้นนำของจีน ในขณะเดียวกันก็เป็นที่ตั้งของบริษัทการผลิตชั้นนำของจงหยุน หัวซิ่ง เฮฟวี่ เวิร์ก
เย่ชิงจำได้อย่างชัดเจนว่าหัวซิ่ง เฮฟวี่ เวิร์กตั้งอยู่ในส่วนที่สามของสวนอุตสาหกรรม ที่นั่นมีกองหินอ่อนอยู่แน่นอน
การก่อสร้างในส่วนที่สามกำลังดำเนินการอยู่ เท่าที่เห็นก็มีรถเครนขนาดใหญ่จำนวนมากอยู่รอบๆ
เย่ชิงจอดรถตู้หน้าอาคารที่กำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุง เมื่อเจอคนที่ดูเหมือนโฟร์แมน(วิศวกรหน้างานหรือช่างหน้างาน)ประจำไซต์ เขาก็ยื่นบุหรี่ให้แล้วถามว่าแถวนี้มีหินอ่อนเหลืออยู่บ้างไหม
โฟร์แมนจุดบุหรี่ สูดหายใจลึกและชี้ตรงไปที่กองหินอ่อนที่อยู่ใกล้เคียง บอกเย่ชิงว่าจะเอาไปมากเท่าไรก็ได้
เยิงชิงเลือกมา 7 ชิ้นที่มีขนาดเท่าขอบคันหิน หลังจากกลับมาที่โรงงาน เขาก็ปิดประตูและเรียกฮัลค์หนึ่ง ฮัลค์สองและเครื่องแกะสลักโลหะความเร็วสูงออกมา
มีรูปมนุษย์ที่ออกแบบใน CAD ออนไลน์มากมายแต่มันยากที่จะเจอแบบที่เย่ชิงต้องการ
ขอบคันหินจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลังจากถูกติดตั้งในแนวนอนลงไปในพื้นดิน แต่ภาพทั้งหมดของหญิงสาวในราชสำนักเป็นแนวตั้ง
เนื่องจากสัดส่วนที่ไม่ถูกต้องของรูป การแกะสลักที่ออกมาจึงขาดความสวยงาม
โชคดีที่ประเทศของเราขาดแคลนทุกสิ่งทุกอย่าง เว้นแต่ผู้คนและประวัติศาสตร์ มีม้วนภาพวาดโบราณจำนวนมากที่เหลือรอดมาจากเงื่อนไขของเวลา และรูปหลายรูปถูกวาดในแนวนอน
เย่ชิงพบรูปวาดแนวนอนของหญิงสาวเริงระบำในราชสำนักอันน่าหลงใหลด้วยการใช้อินเทอร์เน็ตอันน่ามหัศจรรย์
ภาพในโปรแกรม CAD นี้มีรายละเอียดที่โดดเด่นและขนาดที่ใหญ่ ปกติแล้วการแกะสลักรูปนี้ลงบนหินต้องปรับเปลี่ยนเล็กน้อย แต่งานนี้หมูๆสำหรับเย่ชิง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหินอ่อนหนัก 25 กิโลกรัมบนโต๊ะทำงานช่างของเครื่องแกะสลักโลหะก็ถูกยกโดยฮัลค์หนึ่งเหมือนจับคอไก่ เมื่อนำหินอ่อนวางในตำแหน่ง ใบมีดแกะสลักก็เริ่มแกะสลักด้วยความเร็วที่ไม่สามารถจินตนาการได้
หลังจากซากปรักหักพังสงบลงแล้ว ก็ปรากฏความงดงามแบบโบราณอันน่าทึ่งขึ้น
ความสมบูรณ์แบบ!
เย่ชิงตบแก้มทั้งสองของเขาอย่างตื่นเต้น ระบบอัตโนมัติทั้งหมด ความเร็วนี้ การตัดเหล่านี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเครื่องแกะสลักโลหะทั่วไป
เมื่อแกะสลักหินเป็นเวลานานก็จำเป็นต้องใช้หัวฉีดน้ำเพื่อทำให้ใบมีดเย็นลง เย่ชิงเชื่อมต่อสายยางเข้ากับหัวฉีดและดึงโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาจับเวลาเพื่อตรวจสอบความเร็วในการทำงานของเครื่อง
เย่ชิงสั่งให้ฮัลค์สองดำเนินการกับส่วนที่เหลือของหินอ่อน แล้วพบว่าด้วยความสามารถของฮัลค์หนึ่งและฮัลค์สองนั้นใช้เวลาเพียง 2 นาทีเศษ ในการแกะสลักชิ้นส่วน
เย่ชิงดึงเครื่องคิดเลขออกมาและคำนวณดูง่ายๆ หากทำงานไม่หยุด 24 ชั่วโมง พวกเขาจะสามารถสลักหินแกรนิตได้มากกว่า 120,000 ชิ้น
………………
ในวันถัดมาเย่ชิงนำขนมปังนึ่งและโจ๊กมาที่โรงพยาบาล
เย่เจียงหนิงนอนอยู่บนเตียงโดยต่อสายออกซิเจนในขณะที่สวีหลันนั่งหาวไม่หยุดบนเก้าอี้ข้างเตียง
เย่ชิงวางอาหารเช้าและดึงธนบัตรที่เตรียมไว้จำนวน 12 ใบออกมา
“เครื่องกัด CNC ขายได้ 180,000 ผมเก็บไว้ 60,000 เป็นเงินที่เอาไว้ใช้ของโรงงาน” เย่ชิงเปิดฝาถ้วยโจ๊กแล้วส่งให้แม่หลังเป่าให้มันเย็นลงเล็กน้อย “120,000 น่าจะพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลของลู่เสี่ยวเจินและเฉียนตงตง ในช่วงเวลานี้ผมจะพยายามหาออเดอร์เพิ่มเติม”
“คนงานที่เหลือไม่ได้ลาออกเหรอ?” สวีหลันตาที่ใกล้จะปิดถาม “ถ้าทำไม่ได้แล้วออเดอร์ที่เหลือก็จ้างโรงงานอื่นทำ ไม่จำเป็นต้องได้อะไรมามากหรอก แค่เราไม่สูญเสียมากเกินไปก็พอ”
“ออเดอร์ถูกยกเลิกครับ หลังจากหัวหน้าของเจียงชานการก่อสร้างรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุกับคนงานแล้วคนงานคนอื่นๆลาออกก็ยกเลิกออเดอร์ทั้งหมด”
“งั้นก็ …… ขายเครื่องจักรและวัสดุที่เหลืออยู่” เย่เจียงหนิงตอบเบาๆ แม้ว่าเขาจะพยายามไม่เคลื่อนไหวแต่ก็ยังเจ็บแผลอยู่ “ลู่เสี่ยวเจินและเฉียนตงตงต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อพวกเขาออกจากโรงพยาบาลไม่ว่าในสถานการณ์ไหนเราจะสามารถลดค่าชดเชยลงได้ไหม”
“เราค่อยๆทำช้าๆก็ได้ ยิ่งเรากังวลมากขึ้นเท่าไร ราคาของทุกอย่างก็จะถูกลง สวนอุตสาหกรรมมีโรงงานมากมาย ผมจะพยายามหางานที่นั่น”
เมื่อใช้เวลาพูดคุยกันสักพัก เย่ชิงก็ถามว่าพ่อแม่ต้องการทานอะไรเป็นกลางวัน
“ไปซื้อซี่โครงจากตลาดนะลูก พยายามอย่าสั่งอาหารมากิน ถ้าทำเองมันจะดีต่อสุขภาพมากกว่า” สวีหลันกล่าว
เย่ชิงพยักหน้ารับและตอบว่าเขาจะลองหางานจ้างจากโรงงานเครื่องจักรใกล้ๆ หากหาได้จริงๆแล้วจะทำงานที่นั่นเลย
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลแล้วเย่ชิงก็ไปที่ร้านขายผลไม้ใกล้ๆ เขาซื้อตะกร้าผลไม้ 2 ใบและไปที่ห้องของลู่เสี่ยวเจินและเฉียนตงตง
ลู่เสี่ยวเจินอยู่ในวอร์ดธรรมดาและตื่นแล้ว เมื่อได้พบเย่ชิงเขาบอกเขาว่าเขาไม่ติดใจอะไร จริงๆแล้วสาเหตุของเหตุการณ์นี้คือคนอื่น ไม่จำเป็นต้องโยนความผิดทั้งหมดให้เขา
ภรรยาของลู่เสี่ยวเจินทำตัวเย็นชากับเย่ชิงตลอดเวลา สามีของเธอได้รับบาดเจ็บตอนทำงานซึ่งแน่นอนว่าเป็นความผิดของเจ้านาย
“พักผ่อนเถอะครับ แม้ว่าโรงงานจะไม่มีเงินแต่ก็มีเครื่องจักรมากมาย คุณไม่จำเป็นต้องช่วยผมประหยัดเงินหรอก ใช้เงินในสิ่งที่ต้องใช้เถอะ ไม่ต้องถามอะไรแล้ว”
ลู่เสี่ยวเจินกำลังจะปฏิเสธค่าชดเชยแต่ก็ต้องเงียบเมื่อสายตาของภรรยาที่คมกริบเหมือนมีดจ้องมองมา
เฉียนตงตงยังคงอยู่ในไอซียูดังนั้นเย่ชิงจึงไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมได้ เขาทำได้เพียงแค่ส่งผลไม้และเงินให้กับสมาชิกในครอบครัว
ตอนนี้เขาเหลือเพียง 50,000 หยวนเท่านั้น เงินนี้ยังเอาไปใช้ไม่ได้เนื่องจากเย่ชิงยังต้องจัดการเรื่องอื่นก่อน
เวลา 9 นาฬิกาเย่ชิงจอดรถตู้หน้าแผนกก่อสร้างเมืองจงหยุน
เขาหยิบเอกสารของหานโหย่วเผิงมาแล้วเดินเข้าไปในอาคารอันโอ่อ่ากว้างขวางนี้ เมื่อพบคนที่น่าจะเป็นพนักงานต้อนรับเขาจึงถามว่าหานโหย่วเผิงทำงานที่ไหน
“ชั้นสาม สำนักงานวิศวกรรมเทศบาลค่ะ”
เมื่อกล่าวขอบคุณแล้วเย่ชิงก็ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว สำนักงานวิศวกรรมเทศบาลเปิดประตูกว้าง ในขณะนั้นชายวัยกลางคนสวมแว่นกำลังหงุดหงิดใส่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนั้นก็คือหานโหย่วเผิง
เพื่อนของพ่อเขาก็ทำงานที่นี่และเป็นผู้อำนวยการ แต่เย่ชิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบเขา
“เสี่ยวหาน ฉันล่ะเป็นห่วงอนาคตการทำงานของเธอที่นี่จริงๆ ถ้าเธอทำให้การลงนามข้อตกลงนี้เป็นไปด้วยดี หัวหน้าก็จะเอ็นดูเธอแน่นอน”
“กลับไปเจียงชานการก่อสร้างอีกครั้งแล้วบอกซางฉิงว่าสำนักงานการก่อสร้างเมืองยังไม่ได้ตัดสินใจ ตอนนี้กำลังถกรายละเอียดเรื่องที่อาจจะทำงานร่วมกับบริษัทก่อสร้างอื่นอยู่ พูดให้เขากังวลให้มากที่สุด”
หานโหย่วเผิงที่เชื่อฟังก็พยักหน้าตามทุกสิ่งประโยค
เย่ชิงแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้ นายคนนี้แอคติ้งเก่งจริงๆ ท่าทางที่เขาตอนที่บ่นบนรถตู้หายไปหมดแล้ว
หลังจากเวลาผ่านไปสักครู่หานโหย่วเผิงก็เดินออกมาพร้อมบ่นและสาปแช่ง เมื่อเห็นเย่ชิงยืนอยู่ในห้องโถงเขาก็ตะลึง “เฮ้ย ~ คุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อเอาเอกสารมาส่งหรอกใช่ไหม?”
“มีอย่างอื่นด้วย” เย่ชิงยื่นเอกสารที่ถูกลืมแล้วดึงภาพสีที่พิมพ์ออกมาสองสามภาพ “ลองดูนี่สิ”
หานโหย่วเผิงรับภาพมาดูด้วยความสงสัยจากนั้นก็ส่งเสียงตกใจ
5 ภาพ แผ่นหินอ่อนที่รูปไม่ซ้ำกัน 5 แผ่น
สองสามวันมานี้เขาค้นหาข้อเสนอดีๆจากบริษัทก่อสร้างหลายแห่งแล้วทำไมถึงไม่พบวัสดุจากหินในภาพที่มีสีสันเหล่านี้กันนะ
นี่มัน ……
บนชิ้นหินอ่อนที่มีรูปทรงต่างกันทั้งห้าก้อนนี้มีภาพที่เหมือนกันสลักอยู่
หานโหย่วเผิงเบิกตา ความสวยงามของงานแกะสลักนั้นสุดยอดไปเลย เสื้อผ้าที่พลิ้วไหว การเต้นรำที่ไม่มีวันลืมได้ หญิงสาวในราชสำนักที่อยู่เหนือกาลเวลา
งานศิลปะชิ้นนี้ยังทำให้หานโหย่วเผิงรู้สึกเหมือนว่า หญิงสาวในราชสำนักมีจริงและร่ายรำอยู่ตรงหน้าเขา
“สวย สวยจริงๆ“ หานโหย่วเผิงตะโกนอย่างตื่นเต้น “นี่คืองานศิลปะ ผมว่าสวยกว่ารูปปั้นบนสะพานไฉ่อีเสียอีก”
“ดูสิ ดูสิ สายตาที่ผู้หญิงคนนี้มองมาเกือบจะเหมือนว่าเธอต้องการผม”
หานโหย่วเผิงจ้องมองภาพที่มีมนต์ขลังในมือของเขาแล้วก็ต้องการแว่นขยายเพื่อมองใกล้ๆ
เมื่อหายช็อค หานโหย่วเผิงก็นึกขึ้นได้ว่าทำไมเขาถึงดูรูปพวกนี้อยู่
“เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมคุณถึงให้ผมดูรูปพวกนี้”
หานโหย่วเผิงงงงวยเหมือนติดอยู่ในเขาวงกตที่ซับซ้อน “ถึงผมจะชอบที่ได้สะสมงานศิลปะสวยๆแต่เห็นได้ชัดว่านี่มันไม่ถูกต้อง ผมไม่ได้มีเงินมากพอที่จะซื้อรูปพวกนี้หรอก”
เย่ชิงนำภาพกลับมาและชี้ไปที่รูปร่างของหินอ่อน “ลองดูใกล้ๆสิ บล็อกหินอ่อนพวกนี้มีรูปร่างเป็นยังไง?”
“มันเหมือนอะไร?” ตอนนี้หานโหย่วเผิงให้ความสนใจกับหินอ่อน เมื่อมองดูนานๆอีกครั้งเขาก็เข้าใจคำใบ้ มันดูเหมือนขอบคันหิน
“ขอบคันหิน?”
“ใช่” เย่ชิงกล่าวว่า “คุณคิดว่ายังไงถ้าจะเปลี่ยนขอบคันหินบนถนนสายหลักของเมืองให้เป็นแบบนี้”
“ มันจะ …… มันจะ …… ” ปากของหานโหย่วเผิงเหมือนถูกอุดด้วยแท่นพิมพ์หลังจากพูดติดอ่างมานานเขาก็พูดออกมาได้เต็มประโยค
“ฉันรู้แล้ว! เทศบาลเมืองจงหยุนจะถังแตกไงล่ะ!”