กลุ่มมอนเตอร์ขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าผม.
มันไม่เหมือนกับดันเจี้ยนทั่วไป ดูเหมือนว่าจะมีมอนเตอร์หลากหลายชนิดผสม.
แต่ละประเภทจะมีความสามารถแตกต่างกัน การโจมตีก็เหมีอนกัน.
ในบรรดาพวกมัน มีมอนเตอร์ตัวหนึ่งที่มีสีสันและรูปร่างแปลกตาดึงดูดใจผม.
ผมใช้Eye of Insight เพื่อตรวจสอบชื่อของมอนเตอร์ตัวนั้น มันชื่ออัลโรส[Alrose]
“โอ้ นั่นมันอัลโรส.”
ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดถึง มุกแห่งกฏสูงสุด* ที่โจ๊กเกอร์เคยมี,
(*ตอนก่อนๆผู้แต่งใช้คําว่ามุกโปร่งแสง ตอนหลังก็เปลี่ยนเป็น ลูกแก้วส่องแสง ตอนนี้มาเป็นชื่อนี้อีกแล้ว
ย้อนกลับไปอ่านได้ที่ ตอนที่ 69-70 โดยตอนนี้ลิ้งมันใช้ Marble of the Supreme Ruler)
นั่นคือมอนเตอร์ที่อยู่ในคําอธิบาย
มุกที่จะฟื้นฟู Hp&Mana ของคุณ
ยิ่งไปกว่านั้นคุณจะเป็นอมตะ 1 นาทีในขณะที่การโจมตีเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า
ถ้าผมจัดการอันโรส ผมควรจะได้มุกจากมัน
“ฉันไม่คิดว่ามันจะมีจํานวนมากกว่าที่คิด?”
มีมอนเตอร์จํานวนมากรอบๆอันโรส มันมากพอที่จะไม่อาจทําให้ตัวอื่นไม่สนใจหากว่าผมจัดการแค่มัน.
ผมจะต้องดึงดูดความสนใจจากระยะไกลๆด้วยสกิลระยะไกลเพียงอย่างเดียว?
หรือว่าผมควรจะจัดการไปเรื่อยๆเริ่มจากขอบๆไปก่อน?
อย่างไรก็ตามความคิดเหล่านี้อยู่ได้เพียงไม่นาน
“เดี๋ยว! ทําไมฉันต้องกังวลกับเรื่องนี้ด้วย?”
มันไม่จําเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้เลย
แม้ว่าจํานวนของมันจะเกือบๆแสนตัวหรือมากกว่านั้น การโจมตีต่างๆก็ไม่อาจทําอะไรผมได้
แค่ใช้มานาชิลด์และเมเทโอ พวกมันใช่แบบที่มีความสามารถแบบมิมิคที่จะนับการโจมตีเป็นครั้ง
และหากว่าพวกมันมีความต้านทานเวทย์ ผมก็ยังมี Formless Sword Aura และจ้วงแทง(ดาบเจาะ)
กลยุทธ์เหล่านี้ก็เพียงพอที่ทําให้เกิดความหวาดกลัวกับมอตเตอร์ ที่จะเข้ามาหาผม.
ก่อนอื่นผมใช้ Mass Stealth Jutsu
ด้วยสถานะที่ผมได้รับจากโกสต์และลูกน้องของเข้า ผมสามารถวิ่งได้เร็วมากด้วยสถานะใหม่ของผม.
ผมวางแผนที่จะไปให้ถึงจุดศูนย์กลางของมอนเตอร์
“กลยุทธ์คือการรวบรวมมันมาเป็นกลุ่มและฆ่าพวกมันให้หมด เผามันให้ตายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”
เริ่มด้วยการวิ่งง่ายๆ ในแต่ละก้าวทําก็ทําให้ส่วนหนึ่งของพื้นดินปะทุทุกการก้าวลงพื้น
เกิดเสียงดังและการสั่นสะเทือนของเสียงที่พุ่งเข้ามาหาผม ขณะที่มอนเตอร์เห็นผม.
“Kaaaa!”
“Kururu.”
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่อาจเห็นผมได้
อาจจะเพราะการระแวดระวังเกินไปทําให้พวกมันไม่อาจพบตัวของผมได้.
เช่นเดียวกับที่ผมมาถึงศูนย์กลางของมอนเตอร์ทั้งหมด
ในขณะที่ผมผ่านไป ผมก็สังเกตว่าขนาดของมันค่อนต่างแตกต่างจากที่ผมเห็นจากระยะไกล
บางตัวมีขนาดใหญ่เท่ากับสกิล[เดวิล อวาต้า]ที่ผมใช้
มอนเตอร์ขนาด 4 เมตรมีอยู่ทั่วไปภายในฝูงมอนเตอร์
ไม่ว่าผมจะมองไปที่ไหน มันก็มีแต่มอนเตอร์
บางทีผมอาจจะคิดไปเอง แต่สําหรับผมนี่มันทําให้ผมรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์
ตอนนี้ผมเริ่มโจมตีจากที่นี่
ตัวที่อยู่ใกล้ๆหรือเข้ามาหาผมก็จะตายก่อน
จากนั้นมอนเตอร์ตัวอื่นๆก็เข้ามาหาผมพร้อมกับเหยียบซากศพ ของมอนเตอร์ตัวอื่นๆ
นี่จะทําให้การล่าจากขอบๆของผมไวขึ้น
ผมคิดในใจว่า เมเทโอ.
ในเวลาเดียวกันผมก็ใช้การโจมตี ตัวผมที่อยู่ในโหมดสเตลก็โผล่ออกมาและดึงดูดความสนใจของพวกมันมารวมกันที่ตัวของผม
“Kararack!”
“Kuwooo!”
“ฮัลโหล?”
-CRASH! BOOM!
(ค่าประสบการณ์ 5,800,000]
[ค่าประสบการณ์ 8,200,000]
[ค่าประสบการณ์ 6,600,000]
ผมได้ยินเสียงแจ้งเตือนขณะที่ผมได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พูดอย่างตรงไปตรงมา มันเป็นค่าประสบการณ์ที่มากมายจริงๆ
เมื่อมาคิดว่าที่ดันเจี้ยนเลเวล 34 ให้ค่าประสบการณ์เพียงแค่ 2 ล้านเท่านั้น มันน่าทึ่งอย่างมาก
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่สําคัญเลย.
โดยที่ไม่ละเลยใดๆ ผมมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้
มองไปยังด้านนอกมานาชิลด์ ผมไม่เห็นอะไรเลย.
ราวกับว่าเราโยนระเบิดลงไปในน้ํานิ่งๆ ชิลด์ก็ยังไม่แม้แต่จะสั่นเล็กน้อย
แน่นอนว่าเหตุผลที่ชิลด์ของผมไม่โดนสะกิดจากมอนเตอร์เลยก็คือ การทําลายของเมเทโอนั้นรุนแรงอย่างมา มันถล่มลงมาเรื่อยๆขณะที่ผมร่าย
แม้ว่าจะไม่เห็นตัวไหนด้านหน้าผมได้เลย ผมก็ยังสามารถหาตําแหน่งของมันได้จากEye of Insight ทําให้ผมสามารถยังคงโจมตีต่อไปได้
ไม่นานหลังจากที่ผมเริ่มทําการสังหารหมู่ พวกมันก็หายไปกว่าครึ่ง
ผมปล่อยการโจมตีที่รุนแรงมากพอที่จะทําให้ผมต้อง เป็นกังวลกับสิ่งของที่ดรอปว่ามันจะพังเสียหายจากการโจมตีเหล่านั้นหรือไม่ หรือว่าผมอาจจะทําลายไอเทมที่อยู่ในระดับยูนิคหรืออาติเพ็คไปโดยไม่ตั้งใจ
มอนเตอร์ที่มีขนาด 4 เมตร นั้นไม่มีอะไรไปมากกว่าพื้นยักษ์สําหรับผม.
มันเป็นอย่างนั้น
-WHOOOSH!
ผมเห็นมอนเตอร์ปล่อยลมหายใจบลูเฟรมเข้ามาหาผม.
พวกมันเป็น อันโรส.
ถ้าให้ผมต้องอธิบายลักษณะของมันที่ใกล้เคียงก็คือแอกโซโลเติล[axolotus] ซาลาแมนเดอร์ที่มีหงอนออกมาคล้ายหูมีทั้งหมด 6 อันเมื่อมองดูข้างหน้ามันก็เหมือนกับมังกรตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในน้ํา
ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ที่น่ารักของมัน พวกมันมีลมหายใจที่พ่นออกมาเป็นเปลวเพลิงและยังพุ่งออกไปได้ไกลจากร่างกายของมัน
“ดี…พวกมันเกือบจะน่ารักจนฉันไม่อาจจะฆ่ามันได้”
การโจมตีแรกของผมคือการสแปมเมเทโออย่างบ้าคลั่งเพื่อทําการแยกมอนเตอร์ออกจากกลุ่ม
โดยมุ่งเป้าไปที่พวกที่มีค่าต้านทานกายภาพเท่านั้น
ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผันผวนในเหล่ามอนเตอร์ แต่ก็ยังทําให้ผมมองอย่างตกใจเมื่อเห็นว่ามีดันเจี้ยนเดียวที่มีมอนเตอร์ที่มีค่าต้านทานกายภาพและเวทย์ในดันเจี้ยนเดียวกัน
นั่นหมายควาว่ามอนเตอร์ทุกตัวที่เหลือรวมถึงอันโรสมีค่าต้านทานเวทย์
แม้ว่าจะหายไปครึ่งนึ่งมันก็ยังคงมีมอนเตอร์มากมายรอบๆตัวของผม.
ผมพร้อมที่จะใช้จ้วงแทง.
ดาบบุชเชอร์ปรี่ออกไป.
หลังใบดาบที่แวววาวส่องประกาย มันกําลังรอให้ผมใช้มันอยู่
“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องมอง.”
-SLASH! SLICE!
ผมไม่สามารถมองดูอัลโรสถูกฆ่าตายอย่างน่าสยดสยองได้
แม้ว่ามันจะเป็นมอนเตอร์ แต่มันก็น่ารักสุดๆ
สกิลนั้นไม่ใช่สกิลหยั่งรู้หรือแม้แต่แรงค์สูงๆ แต่พวกมันก็พร้อมที่จะทําให้ศัตรูกลายเป็นเนื้อบนเขียงด้วยสกิล จ้วงแทง แรงค์A แค่นั้น.
มันอาจจะเพราะค่าStrที่ผมมีอย่างบ้าบอนี้
เสียงกู่ร้องครั้งสุดท้ายของมอนเตอร์จํานวนมากก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที
ที่พื้นเต็มไปด้วยเลือดสีแดง ขณะที่มีบรรกาศวังเวง.
แต่ทําไมผมถึงต้องให้ความสําคัญกับมันด้วย
สิ่งเดียวที่ผมสนใจคือของที่ดรอปลงมา
ด้วยการใช้ Eye of Insight ผมเริ่มตรวจของที่ดรอปลงมา
อย่างไรก็ตามความสําคัญของผมคือการหามุกแห่งกฏสูงสุด
มีคราบเลือดเหลืออยู่มากมายคล้ายกับทรายที่ชายหาด.
อย่างไรก็ตามพวกมันก็ส่องแสงออกมาให้ผมภายในดันเจี้ยนเท่านั้น.
ไม่มีเหตุผลที่ผมจําต้องผมศิลาทองคําหรือเพรชส่องเส้นทางภายในถ้ํา
“กระเป๋าไม่ว่างพอที่จะเก็บแกซะแล้ว”
ผมใช้เท้าเตะมันออกไปขณะที่ผมกําลังหาสิ่งของอื่นๆ
ทันใดนั้นผมก็ได้รับไม้เท้าและค่าสถานะของมันก็ปรากฏสู่
สายตาของผม.
นี่เป็นไม้เท้าที่ป้องกันเมเทโอได้ราวกับมันป้องกันแค่ไอซ์ออบ.
ผมมองไปที่ไม้เท้าที่อยู่ในมือซ้ายของผม.
ไม้เท้าโรอา-[Roa’s Staff
*ซึมซับการโจมตีเวทย์ทั้งหมดตามค่าต้านทานของเจ้าของ
*(ปิดผนึก)ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถใช้งานได้นอกจากเจ้าของ
“นี่เป็นมันใช่ไหม?”
ผมคิดกับตัวเองว่าผมน่าจะจัดการโรอาให้ตายถ้าผมเจอเขาหรือเธอ.
ผมหมายความว่า ใครเป็นคนสร้างอาวุธที่คิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้!
ความสามารถของไม้เท้านั้นยอดเยี่ยม แต่มันก็ไม่เพิ่มค่าสถานะใดๆ
แถมมันยังปิดผนึกอีกด้วย
ไม่มีใครใช้ได้นอกจากเจ้าของ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บุชเชอร์ซอร์ดได้ดูดซึมคาบคู่อาชูร่า และมันก็แข็งแกร่งขึ้น
แถมยังได้รับค่าสถานะของดาบคู่อันนั้นด้วย
อย่างไรก็ตาม อาวุธชิ้นนี้มันไม่มีค่าสถานะ
นี้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มันเสริมอาวุธ ของผมให้แข็งแกร่ง?
แม้ว่าผมจะกังวล ผมก็วางแผนที่จะเอามันไปกับผมด้วย
ในขณะที่ผมอยู่ในดันเจี้ยน ผมไม่ได้ติดหรูอะไรนักหลังจากที่ผม ไล่เช็คสิ่งของต่างๆ
มันอาจจะคล้ายกับ บันวอนจินชอย ที่ไม่อาจต้านทานดาบคู่ของโจ๊กเกอร์ได้หลังจากที่เขาตาย
ด้วยความหวังที่โง่งม ผมกําไม้เท้าแน่น
เมื่อผมมองดู มันก็เปลี่ยนไปมองอย่างอื่น
มันคือการตรวจสอบค่าสถานะของผม.
คนที่โกสต์พามาเกือบๆ 400 คนที่เลเวลก็ไม่ใช่น้อยๆ และยังการ์เดี้ยนชั้นเยี่ยมอีก 30 คน
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ฆ่าโกสต์ สถานะที่ผมได้มันต้องบ้าคลั่ง แน่ๆ
[Level: 381]
“ตอนนี้เลเวล 381? ดี ฉันต้องไม่อาจลืมว่าฉันได้ค่าประสบการณ์ที่ฉันได้รับจากดันเจี้ยนนี้อีก”
มีความกังวลและความวิตกที่ผมมีสูงขึ้น
โคลาส: เมจิกเชี่ยน]
[ความสามารถ: มานาไม่มีวันหมด.]
“ใช่ ด้วยความสามารถนี้ ฉันต้องขอบคุณมันวันละหลายสิบครั้ง”
ตอนนี้เป็นเวลาที่ค่าสถานะของผมจะต้องโชว์ออกมาแล้ว.
มันเป็นความจริงที่ว่าผมตื่นเต้นมากเพราะผมคาดหวังเช่นกัน
สุดท้าย ผมก็ตรวจสอบค่าสถานะ
อย่างแรกที่สะดุดตาของผมคือค่า Str.
เมื่อมองดูแล้วผมอดที่จะพูดติดอ่างไม่ได้
Strength: [610+20+300+2200+350+7150+1594] 12,224
“หนะ…นะ…หนึ่งหมื่นสองพัน”
ร่างกายของผมเกร็ง แต่จิตใจของผมยังคงพยายามที่จะหาว่าค่าสถานะของ Str ที่บ้าบอเหล่านี้มาจากไหน
ก่อนอื่น ผมต้องใจเย็นก่อน.
610 นั้นมาจากแต้มที่ผมเพิ่มในขณะที่ผมเลเวลอัพ.
20 มาจากแหวนกระโหลก ในขณะที่อีก 300 มาจากเกราะของโจ๊กเกอร์ นั่นคือค่าสถานะพื้นฐานก่อนที่จะมีบุชเชอร์ซอร์ด,
350 มาจากการดูดซับดาบคู่ของอาชูร่า
แต่….ค่าสถานะที่มากกว่า 7 พันนี่
แม้ว่าผมจะสงสัย แต่มันก็เป็นความจริง
ผมคิดว่าผมได้รับต่าสถานะจํานวนมาก แต่หลังจากที่ดูมันผมก็ยังคงพูดไม่ออก
เหนือสิ่งอื่นใด โบนัสที่บุชเชอร์ซอร์ดเพิ่มคือค่า Str 15% จาก ค่า Strทั้งหมด ทําให้ผมมีค่าStrราวกับ 1,600 แต้ม
“…อ่า….”
มันน่าจะเป็นสถานการณ์ที่ผมควรจะกรีดร้องและเต้นอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม ผมกลับเต็มไปด้วยความสับสนและสงบแทน.
ผมไม่รู้ว่าทําไม แต่บางทีมันอาจจะเป็นเพราะมีความสุข
ความสุขที่ผมจะไม่รู้สึกได้จากการคุกคามใดๆจากคนอื่นๆอีกต่อไป
หลังจากนั้นผมก็ตรวจสอบค่ามานาน
มานา: ∞
อย่างที่คิด สัญลักษณ์อินฟินิตี้ยังคงเหมือนเดิมและไม่มีการเปลี่ยนแปลง
จากนั้นผมก็ตรวจสอบค่า Dex.
Dexterity: [310+150+3211] 3671
“ไร้สาระ…”
ค่า Dex นั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน
310 มาจากการที่ผมเพิ่มแต้มของผมหลังจากที่ผมเลเวลอัพ 150 มาจากที่บุชเชอร์ซอร์ดอัพเกรดขึ้น
3,200 มาจากคนที่ถูกผมฆ่า
เนื่องจากค่า Dex เป็นค่าสถานะที่ผมมักจะเพิ่มเป็นอย่างสุดท้า ย มันไม่ได้มากเท่ากับ Str แต่มันก็ยังรับได้
จากนั้นก็ค่า Sta.
Stamina: [1010+300+24,322] 25,632
“อ่า…บางที่ฉันไม่ควรจะเข้ามาในดันเจี้ยนอันโนวเลย?”
อย่างที่คิดไว้ ค่าที่ผมได้รับมากที่สุดคือ Sta.
ถ้ามันเป็นอาชีพพิเศษอย่างแบล็คสมิธ มันก็ไม่มีอาชีพไหนที่จะ เพิ่มค่า Sta อีกแล้ว
จํานวนค่าสถานะนั้นเกินกว่าที่ควรจะเป็น
มันเกือบจะทําให้ผมสงสัยว่า ยังคงต้องการอะไรอีกนอกจากอาติเพ็ค.
และจากนั้นผมก็หัวเราะออกมาอย่างดัง
“555! มันบ้าบอเกินไปแร้ววว!”
เหตุผลที่ผมหัวเราะคือจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับโกสต์
ผมต่อสู้กับเขาโดยไม่ตรวจสอบค่าสถานะ
นั้นเป็นเหตุผลที่ผมพยายามอย่างมากเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะโจมตีจากเขา
มันเป็นการโจมตีที่ดุเดือนซึ่งไม่มีเวลาให้พักเลย.
จํานวนของชิลด์และระยะเวลาแสดงผลของชิลด์นั้นมีจํากัด นอกจากว่าผมจะมีสกิลแรงค์บียอน.
อย่างไรก็ตามหากผมดูค่าสถานะของผม ผมมีเหตุผลมากพอที่จะแก้ปัญหาจากการเผชิญหน้ากันครั้งสุดท้ายกับเขา
ลืมเรื่องชิลด์ไปได้เลย ผมสามารถแลกดาบกับเขาได้ด้วย Formless Sword Aura ตรงๆ
มันอาจจะเพราะมันเหนือจิตนาการของผมจากความกลัวต่อโกสต์หลังจากที่รู้สึกแย่ที่ผมไม่อาจต่อกรกับค่าสถานของ สกิล Wild Beast ได้
ลองนึกภาพการโจมตีใครก็ตามที่ค่าสถานะแบบนี้
ผมสามารถลืมความคิดเหล่านี้ไปได้เลย ผมเดินเร็วขึ้น
มันก็เพราะมีคนเป็นห่วงผมอยู่ แม้ว่าจะถึงเวลานี้
“เก็บของและจัดการเรียบร้อย ไปได้”
ในขณะที่ผมเคลื่อนไหวร่างกายของผมเข้าไปยังฝูงมอนเตอร์ที่ไกลออกไป เท้าของผมก็เตะไปโดนอะไรบางอย่างหนักๆเข้า
“เดี๋ยว มันคืออะไร?”