I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 86. ดันเจี้ยนอันโนว์

 

 

กลุ่มมอนเตอร์ขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าผม.

 

มันไม่เหมือนกับดันเจี้ยนทั่วไป ดูเหมือนว่าจะมีมอนเตอร์หลากหลายชนิดผสม.

 

แต่ละประเภทจะมีความสามารถแตกต่างกัน การโจมตีก็เหมีอนกัน.

 

ในบรรดาพวกมัน มีมอนเตอร์ตัวหนึ่งที่มีสีสันและรูปร่างแปลกตาดึงดูดใจผม.

 

ผมใช้Eye of Insight เพื่อตรวจสอบชื่อของมอนเตอร์ตัวนั้น มันชื่ออัลโรส[Alrose]

 

“โอ้ นั่นมันอัลโรส.”

 

ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดถึง มุกแห่งกฏสูงสุด* ที่โจ๊กเกอร์เคยมี,

 

(*ตอนก่อนๆผู้แต่งใช้คําว่ามุกโปร่งแสง ตอนหลังก็เปลี่ยนเป็น ลูกแก้วส่องแสง ตอนนี้มาเป็นชื่อนี้อีกแล้ว

 

ย้อนกลับไปอ่านได้ที่ ตอนที่ 69-70 โดยตอนนี้ลิ้งมันใช้ Marble of the Supreme Ruler)

 

นั่นคือมอนเตอร์ที่อยู่ในคําอธิบาย

 

มุกที่จะฟื้นฟู Hp&Mana ของคุณ

 

ยิ่งไปกว่านั้นคุณจะเป็นอมตะ 1 นาทีในขณะที่การโจมตีเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า

 

ถ้าผมจัดการอันโรส ผมควรจะได้มุกจากมัน

 

“ฉันไม่คิดว่ามันจะมีจํานวนมากกว่าที่คิด?”

 

มีมอนเตอร์จํานวนมากรอบๆอันโรส มันมากพอที่จะไม่อาจทําให้ตัวอื่นไม่สนใจหากว่าผมจัดการแค่มัน.

 

ผมจะต้องดึงดูดความสนใจจากระยะไกลๆด้วยสกิลระยะไกลเพียงอย่างเดียว?

 

หรือว่าผมควรจะจัดการไปเรื่อยๆเริ่มจากขอบๆไปก่อน?

 

อย่างไรก็ตามความคิดเหล่านี้อยู่ได้เพียงไม่นาน

 

“เดี๋ยว! ทําไมฉันต้องกังวลกับเรื่องนี้ด้วย?”

 

มันไม่จําเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้เลย

 

แม้ว่าจํานวนของมันจะเกือบๆแสนตัวหรือมากกว่านั้น การโจมตีต่างๆก็ไม่อาจทําอะไรผมได้

 

แค่ใช้มานาชิลด์และเมเทโอ พวกมันใช่แบบที่มีความสามารถแบบมิมิคที่จะนับการโจมตีเป็นครั้ง

 

และหากว่าพวกมันมีความต้านทานเวทย์ ผมก็ยังมี Formless Sword Aura และจ้วงแทง(ดาบเจาะ)

กลยุทธ์เหล่านี้ก็เพียงพอที่ทําให้เกิดความหวาดกลัวกับมอตเตอร์ ที่จะเข้ามาหาผม.

 

ก่อนอื่นผมใช้ Mass Stealth Jutsu

 

ด้วยสถานะที่ผมได้รับจากโกสต์และลูกน้องของเข้า ผมสามารถวิ่งได้เร็วมากด้วยสถานะใหม่ของผม.

 

ผมวางแผนที่จะไปให้ถึงจุดศูนย์กลางของมอนเตอร์

 

“กลยุทธ์คือการรวบรวมมันมาเป็นกลุ่มและฆ่าพวกมันให้หมด เผามันให้ตายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”

 

เริ่มด้วยการวิ่งง่ายๆ ในแต่ละก้าวทําก็ทําให้ส่วนหนึ่งของพื้นดินปะทุทุกการก้าวลงพื้น

 

เกิดเสียงดังและการสั่นสะเทือนของเสียงที่พุ่งเข้ามาหาผม ขณะที่มอนเตอร์เห็นผม.

 

“Kaaaa!”

 

“Kururu.”

 

อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่อาจเห็นผมได้

 

อาจจะเพราะการระแวดระวังเกินไปทําให้พวกมันไม่อาจพบตัวของผมได้.

 

เช่นเดียวกับที่ผมมาถึงศูนย์กลางของมอนเตอร์ทั้งหมด

 

ในขณะที่ผมผ่านไป ผมก็สังเกตว่าขนาดของมันค่อนต่างแตกต่างจากที่ผมเห็นจากระยะไกล

 

บางตัวมีขนาดใหญ่เท่ากับสกิล[เดวิล อวาต้า]ที่ผมใช้

 

มอนเตอร์ขนาด 4 เมตรมีอยู่ทั่วไปภายในฝูงมอนเตอร์

 

ไม่ว่าผมจะมองไปที่ไหน มันก็มีแต่มอนเตอร์

 

บางทีผมอาจจะคิดไปเอง แต่สําหรับผมนี่มันทําให้ผมรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์

 

ตอนนี้ผมเริ่มโจมตีจากที่นี่

 

ตัวที่อยู่ใกล้ๆหรือเข้ามาหาผมก็จะตายก่อน

 

จากนั้นมอนเตอร์ตัวอื่นๆก็เข้ามาหาผมพร้อมกับเหยียบซากศพ ของมอนเตอร์ตัวอื่นๆ

นี่จะทําให้การล่าจากขอบๆของผมไวขึ้น

 

ผมคิดในใจว่า เมเทโอ.

 

ในเวลาเดียวกันผมก็ใช้การโจมตี ตัวผมที่อยู่ในโหมดสเตลก็โผล่ออกมาและดึงดูดความสนใจของพวกมันมารวมกันที่ตัวของผม

 

“Kararack!”

 

“Kuwooo!”

 

“ฮัลโหล?”

 

-CRASH! BOOM!

 

(ค่าประสบการณ์ 5,800,000]

 

[ค่าประสบการณ์ 8,200,000]

 

[ค่าประสบการณ์ 6,600,000]

 

ผมได้ยินเสียงแจ้งเตือนขณะที่ผมได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

พูดอย่างตรงไปตรงมา มันเป็นค่าประสบการณ์ที่มากมายจริงๆ

 

เมื่อมาคิดว่าที่ดันเจี้ยนเลเวล 34 ให้ค่าประสบการณ์เพียงแค่ 2 ล้านเท่านั้น มันน่าทึ่งอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่สําคัญเลย.

 

โดยที่ไม่ละเลยใดๆ ผมมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้

 

มองไปยังด้านนอกมานาชิลด์ ผมไม่เห็นอะไรเลย.

 

ราวกับว่าเราโยนระเบิดลงไปในน้ํานิ่งๆ ชิลด์ก็ยังไม่แม้แต่จะสั่นเล็กน้อย

 

แน่นอนว่าเหตุผลที่ชิลด์ของผมไม่โดนสะกิดจากมอนเตอร์เลยก็คือ การทําลายของเมเทโอนั้นรุนแรงอย่างมา มันถล่มลงมาเรื่อยๆขณะที่ผมร่าย

 

แม้ว่าจะไม่เห็นตัวไหนด้านหน้าผมได้เลย ผมก็ยังสามารถหาตําแหน่งของมันได้จากEye of Insight ทําให้ผมสามารถยังคงโจมตีต่อไปได้

 

ไม่นานหลังจากที่ผมเริ่มทําการสังหารหมู่ พวกมันก็หายไปกว่าครึ่ง

 

ผมปล่อยการโจมตีที่รุนแรงมากพอที่จะทําให้ผมต้อง เป็นกังวลกับสิ่งของที่ดรอปว่ามันจะพังเสียหายจากการโจมตีเหล่านั้นหรือไม่ หรือว่าผมอาจจะทําลายไอเทมที่อยู่ในระดับยูนิคหรืออาติเพ็คไปโดยไม่ตั้งใจ

 

มอนเตอร์ที่มีขนาด 4 เมตร นั้นไม่มีอะไรไปมากกว่าพื้นยักษ์สําหรับผม.

 

มันเป็นอย่างนั้น

 

-WHOOOSH!

 

ผมเห็นมอนเตอร์ปล่อยลมหายใจบลูเฟรมเข้ามาหาผม.

 

พวกมันเป็น อันโรส.

 

ถ้าให้ผมต้องอธิบายลักษณะของมันที่ใกล้เคียงก็คือแอกโซโลเติล[axolotus] ซาลาแมนเดอร์ที่มีหงอนออกมาคล้ายหูมีทั้งหมด 6 อันเมื่อมองดูข้างหน้ามันก็เหมือนกับมังกรตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในน้ํา

 

ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ที่น่ารักของมัน พวกมันมีลมหายใจที่พ่นออกมาเป็นเปลวเพลิงและยังพุ่งออกไปได้ไกลจากร่างกายของมัน

 

“ดี…พวกมันเกือบจะน่ารักจนฉันไม่อาจจะฆ่ามันได้”

 

การโจมตีแรกของผมคือการสแปมเมเทโออย่างบ้าคลั่งเพื่อทําการแยกมอนเตอร์ออกจากกลุ่ม

 

โดยมุ่งเป้าไปที่พวกที่มีค่าต้านทานกายภาพเท่านั้น

 

ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผันผวนในเหล่ามอนเตอร์ แต่ก็ยังทําให้ผมมองอย่างตกใจเมื่อเห็นว่ามีดันเจี้ยนเดียวที่มีมอนเตอร์ที่มีค่าต้านทานกายภาพและเวทย์ในดันเจี้ยนเดียวกัน

 

นั่นหมายควาว่ามอนเตอร์ทุกตัวที่เหลือรวมถึงอันโรสมีค่าต้านทานเวทย์

 

แม้ว่าจะหายไปครึ่งนึ่งมันก็ยังคงมีมอนเตอร์มากมายรอบๆตัวของผม.

 

ผมพร้อมที่จะใช้จ้วงแทง.

 

ดาบบุชเชอร์ปรี่ออกไป.

 

หลังใบดาบที่แวววาวส่องประกาย มันกําลังรอให้ผมใช้มันอยู่

 

“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องมอง.”

 

-SLASH! SLICE!

 

ผมไม่สามารถมองดูอัลโรสถูกฆ่าตายอย่างน่าสยดสยองได้

 

แม้ว่ามันจะเป็นมอนเตอร์ แต่มันก็น่ารักสุดๆ

 

สกิลนั้นไม่ใช่สกิลหยั่งรู้หรือแม้แต่แรงค์สูงๆ แต่พวกมันก็พร้อมที่จะทําให้ศัตรูกลายเป็นเนื้อบนเขียงด้วยสกิล จ้วงแทง แรงค์A แค่นั้น.

 

มันอาจจะเพราะค่าStrที่ผมมีอย่างบ้าบอนี้

 

เสียงกู่ร้องครั้งสุดท้ายของมอนเตอร์จํานวนมากก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที

 

ที่พื้นเต็มไปด้วยเลือดสีแดง ขณะที่มีบรรกาศวังเวง.

 

แต่ทําไมผมถึงต้องให้ความสําคัญกับมันด้วย

 

สิ่งเดียวที่ผมสนใจคือของที่ดรอปลงมา

 

ด้วยการใช้ Eye of Insight ผมเริ่มตรวจของที่ดรอปลงมา

 

อย่างไรก็ตามความสําคัญของผมคือการหามุกแห่งกฏสูงสุด

 

มีคราบเลือดเหลืออยู่มากมายคล้ายกับทรายที่ชายหาด.

 

อย่างไรก็ตามพวกมันก็ส่องแสงออกมาให้ผมภายในดันเจี้ยนเท่านั้น.

 

ไม่มีเหตุผลที่ผมจําต้องผมศิลาทองคําหรือเพรชส่องเส้นทางภายในถ้ํา

 

“กระเป๋าไม่ว่างพอที่จะเก็บแกซะแล้ว”

 

ผมใช้เท้าเตะมันออกไปขณะที่ผมกําลังหาสิ่งของอื่นๆ

 

ทันใดนั้นผมก็ได้รับไม้เท้าและค่าสถานะของมันก็ปรากฏสู่

 

สายตาของผม.

 

นี่เป็นไม้เท้าที่ป้องกันเมเทโอได้ราวกับมันป้องกันแค่ไอซ์ออบ.

 

ผมมองไปที่ไม้เท้าที่อยู่ในมือซ้ายของผม.

 

ไม้เท้าโรอา-[Roa’s Staff

 

*ซึมซับการโจมตีเวทย์ทั้งหมดตามค่าต้านทานของเจ้าของ

 

*(ปิดผนึก)ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถใช้งานได้นอกจากเจ้าของ

 

“นี่เป็นมันใช่ไหม?”

 

ผมคิดกับตัวเองว่าผมน่าจะจัดการโรอาให้ตายถ้าผมเจอเขาหรือเธอ.

 

ผมหมายความว่า ใครเป็นคนสร้างอาวุธที่คิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้!

 

ความสามารถของไม้เท้านั้นยอดเยี่ยม แต่มันก็ไม่เพิ่มค่าสถานะใดๆ

 

แถมมันยังปิดผนึกอีกด้วย

 

ไม่มีใครใช้ได้นอกจากเจ้าของ

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บุชเชอร์ซอร์ดได้ดูดซึมคาบคู่อาชูร่า และมันก็แข็งแกร่งขึ้น

 

แถมยังได้รับค่าสถานะของดาบคู่อันนั้นด้วย

 

อย่างไรก็ตาม อาวุธชิ้นนี้มันไม่มีค่าสถานะ

 

นี้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มันเสริมอาวุธ ของผมให้แข็งแกร่ง?

 

แม้ว่าผมจะกังวล ผมก็วางแผนที่จะเอามันไปกับผมด้วย

 

ในขณะที่ผมอยู่ในดันเจี้ยน ผมไม่ได้ติดหรูอะไรนักหลังจากที่ผม ไล่เช็คสิ่งของต่างๆ

 

มันอาจจะคล้ายกับ บันวอนจินชอย ที่ไม่อาจต้านทานดาบคู่ของโจ๊กเกอร์ได้หลังจากที่เขาตาย

 

ด้วยความหวังที่โง่งม ผมกําไม้เท้าแน่น

 

เมื่อผมมองดู มันก็เปลี่ยนไปมองอย่างอื่น

 

มันคือการตรวจสอบค่าสถานะของผม.

 

คนที่โกสต์พามาเกือบๆ 400 คนที่เลเวลก็ไม่ใช่น้อยๆ และยังการ์เดี้ยนชั้นเยี่ยมอีก 30 คน

 

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ฆ่าโกสต์ สถานะที่ผมได้มันต้องบ้าคลั่ง แน่ๆ

 

[Level: 381]

 

“ตอนนี้เลเวล 381? ดี ฉันต้องไม่อาจลืมว่าฉันได้ค่าประสบการณ์ที่ฉันได้รับจากดันเจี้ยนนี้อีก”

 

มีความกังวลและความวิตกที่ผมมีสูงขึ้น

 

โคลาส: เมจิกเชี่ยน]

[ความสามารถ: มานาไม่มีวันหมด.]

 

“ใช่ ด้วยความสามารถนี้ ฉันต้องขอบคุณมันวันละหลายสิบครั้ง”

 

ตอนนี้เป็นเวลาที่ค่าสถานะของผมจะต้องโชว์ออกมาแล้ว.

 

มันเป็นความจริงที่ว่าผมตื่นเต้นมากเพราะผมคาดหวังเช่นกัน

 

สุดท้าย ผมก็ตรวจสอบค่าสถานะ

 

อย่างแรกที่สะดุดตาของผมคือค่า Str.

 

เมื่อมองดูแล้วผมอดที่จะพูดติดอ่างไม่ได้

 

Strength: [610+20+300+2200+350+7150+1594] 12,224

 

“หนะ…นะ…หนึ่งหมื่นสองพัน”

 

ร่างกายของผมเกร็ง แต่จิตใจของผมยังคงพยายามที่จะหาว่าค่าสถานะของ Str ที่บ้าบอเหล่านี้มาจากไหน

 

ก่อนอื่น ผมต้องใจเย็นก่อน.

 

610 นั้นมาจากแต้มที่ผมเพิ่มในขณะที่ผมเลเวลอัพ.

 

20 มาจากแหวนกระโหลก ในขณะที่อีก 300 มาจากเกราะของโจ๊กเกอร์ นั่นคือค่าสถานะพื้นฐานก่อนที่จะมีบุชเชอร์ซอร์ด,

 

350 มาจากการดูดซับดาบคู่ของอาชูร่า

 

แต่….ค่าสถานะที่มากกว่า 7 พันนี่

 

แม้ว่าผมจะสงสัย แต่มันก็เป็นความจริง

 

ผมคิดว่าผมได้รับต่าสถานะจํานวนมาก แต่หลังจากที่ดูมันผมก็ยังคงพูดไม่ออก

 

เหนือสิ่งอื่นใด โบนัสที่บุชเชอร์ซอร์ดเพิ่มคือค่า Str 15% จาก ค่า Strทั้งหมด ทําให้ผมมีค่าStrราวกับ 1,600 แต้ม

 

“…อ่า….”

 

มันน่าจะเป็นสถานการณ์ที่ผมควรจะกรีดร้องและเต้นอย่างมีความสุข

 

อย่างไรก็ตาม ผมกลับเต็มไปด้วยความสับสนและสงบแทน.

 

ผมไม่รู้ว่าทําไม แต่บางทีมันอาจจะเป็นเพราะมีความสุข

 

ความสุขที่ผมจะไม่รู้สึกได้จากการคุกคามใดๆจากคนอื่นๆอีกต่อไป

 

หลังจากนั้นผมก็ตรวจสอบค่ามานาน

 

มานา: ∞

 

อย่างที่คิด สัญลักษณ์อินฟินิตี้ยังคงเหมือนเดิมและไม่มีการเปลี่ยนแปลง

 

จากนั้นผมก็ตรวจสอบค่า Dex.

 

Dexterity: [310+150+3211] 3671

 

“ไร้สาระ…”

 

ค่า Dex นั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน

 

310 มาจากการที่ผมเพิ่มแต้มของผมหลังจากที่ผมเลเวลอัพ 150 มาจากที่บุชเชอร์ซอร์ดอัพเกรดขึ้น

 

3,200 มาจากคนที่ถูกผมฆ่า

 

เนื่องจากค่า Dex เป็นค่าสถานะที่ผมมักจะเพิ่มเป็นอย่างสุดท้า ย มันไม่ได้มากเท่ากับ Str แต่มันก็ยังรับได้

 

จากนั้นก็ค่า Sta.

 

Stamina: [1010+300+24,322] 25,632

 

“อ่า…บางที่ฉันไม่ควรจะเข้ามาในดันเจี้ยนอันโนวเลย?”

 

อย่างที่คิดไว้ ค่าที่ผมได้รับมากที่สุดคือ Sta.

 

ถ้ามันเป็นอาชีพพิเศษอย่างแบล็คสมิธ มันก็ไม่มีอาชีพไหนที่จะ เพิ่มค่า Sta อีกแล้ว

จํานวนค่าสถานะนั้นเกินกว่าที่ควรจะเป็น

 

มันเกือบจะทําให้ผมสงสัยว่า ยังคงต้องการอะไรอีกนอกจากอาติเพ็ค.

 

และจากนั้นผมก็หัวเราะออกมาอย่างดัง

 

“555! มันบ้าบอเกินไปแร้ววว!”

 

เหตุผลที่ผมหัวเราะคือจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับโกสต์

 

ผมต่อสู้กับเขาโดยไม่ตรวจสอบค่าสถานะ

 

นั้นเป็นเหตุผลที่ผมพยายามอย่างมากเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะโจมตีจากเขา

 

มันเป็นการโจมตีที่ดุเดือนซึ่งไม่มีเวลาให้พักเลย.

 

จํานวนของชิลด์และระยะเวลาแสดงผลของชิลด์นั้นมีจํากัด นอกจากว่าผมจะมีสกิลแรงค์บียอน.

 

อย่างไรก็ตามหากผมดูค่าสถานะของผม ผมมีเหตุผลมากพอที่จะแก้ปัญหาจากการเผชิญหน้ากันครั้งสุดท้ายกับเขา

 

ลืมเรื่องชิลด์ไปได้เลย ผมสามารถแลกดาบกับเขาได้ด้วย Formless Sword Aura ตรงๆ

 

มันอาจจะเพราะมันเหนือจิตนาการของผมจากความกลัวต่อโกสต์หลังจากที่รู้สึกแย่ที่ผมไม่อาจต่อกรกับค่าสถานของ สกิล Wild Beast ได้

 

ลองนึกภาพการโจมตีใครก็ตามที่ค่าสถานะแบบนี้

 

ผมสามารถลืมความคิดเหล่านี้ไปได้เลย ผมเดินเร็วขึ้น

 

มันก็เพราะมีคนเป็นห่วงผมอยู่ แม้ว่าจะถึงเวลานี้

 

“เก็บของและจัดการเรียบร้อย ไปได้”

 

ในขณะที่ผมเคลื่อนไหวร่างกายของผมเข้าไปยังฝูงมอนเตอร์ที่ไกลออกไป เท้าของผมก็เตะไปโดนอะไรบางอย่างหนักๆเข้า

 

“เดี๋ยว มันคืออะไร?”

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset