I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 82. ขอบคุณสำหรับอาหาร

“คุวะฮ่าฮ่าฮ่า!”

เจ้าของเสียงหัวเราะคือโกสต์.

ผมรู้ว่าเขามีความสามารถในการค้นหาที่อยู่ของผมได้อย่างแม่นยำ.

เขารอผมอยู่ไม่ไหลจากทางเข้าดันเจี้ยน.

ภายในเสี้ยววินาที กลุ่มคนขนาดใหญ่ที่สวมใส่หน้ากากสีดำและผ้าคลุมก็โผล่ออกมาจากข้างหลังของเขา.

ดูเหมือจะมีการรวบรวมจำนวนมาก.

มีอย่างน้อง 400 คน.

ผมเดาว่าเขารวบรวมกำลังคนโดยที่ไม่รู้อะไรจากเขาเลย.

การป้องกันของผมลดลงเพราะว่าผมพึ่งจะออกมาจากดันเจี้ยนและพูดคุยกับจุงโฮและโฮจิน.

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาคิดว่าผมไม่ได้รับรู้อะไรเลยเมื่อมีหลายคนเคลื่อนไหวแถวๆนี้…

แม้ว่าผมจะไม่ได้ใช้ Eye of Insight แต่ผมก็ยังได้รับรู้เสียงเบาๆได้หลังจากที่เป็นอเวค.

ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขารวบรวมกำลังกันมาจะมีคุณภาพค่อนข้างเยี่ยม.

จุงโฮและโฮจินเครียดจนแสดงออกทางสีหน้า.

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โฮจินก็ถาม.

“…..”

“นั่นเขาหรอ? คนที่เคยเจอกันที่ด้านหน้าทางเข้าดันเจี้ยนเลเวล 25 ก่อนหน้านี้?”

“ใช่เลย.”

“ฮยองงั้นเขาเป็นใคร? มันอาจจะเป็นคนที่ชื่อโกสต์หรือเปล่า? หรืออะไรทำนองนี้?”

“ฉันรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้…”

สถานการณ์นี้ดูไม่ดีนัก.

ผมตัดสินใจว่ามันจะฉลาดกว่าที่จะหลีกเลี่ยงแทนการต่อสู้กับเขา.

ถ้าผมใช้ Mass Stealth Jutsu มันก็ไม่มีใครหาผมพบได้…

ต่อสู้หรือไม่ต้องต่อสู้ด้วยการใช้สเตล.

ผมยังคงปลอดภัยหากว่าผมใช้มานาชิลด์ แต่มันคงใช้เวลาไม่นานที่จุงโฮและโฮจินจะถูกพบ.

พวกเขามองไม่เห็น แต่มันจะเป็นการยกเลิกสกิลทันทีที่ถูกโจมตี.

ผมใช้ Silent เพื่อปิดกั้นเสียงรอบๆและหันไปหาพวกเขาทั้งสองเพื่อพูดคุย.

“ฮยองกับคุณ พวกคุณใช้วาปได้ไหม?”

“ได้.”

“ใช่ ผมก็ใช้มันได้เหมือนกัน.”

“งั้นก็ออกไปก่อน.”

“ห๊ะ? แล้วนายหล่ะ? นายกำลังทำอะไร?”

“…..”

“ผมเหลือเวลาอีกมาก่อนที่จะวาปหมดคูลดาวน์.”

“งั้นนายกำลังจะบอกว่านานจะตายที่นี่?”

“ผมออกไปได้ด้วยการใช้สเตล พวกคุณทั้งสองออกไปก่อน.”

“มันเป็นเรื่องจริงที่ความสามารถในการต่อสู้ของเราสองคนไม่อาจใช้กับการต่อสู้ครั้งนี้ได้ อย่างไรก็ตาม…”

“ใช่! ถ้าเราจะรอด เราต้องรอดไปด้วยกัน.”

“ทำไมคุณทั้งสองคนเป็นอย่างนี้? ใครบอกว่าผมกำลังจะตาย ผมสามารถยื้อเวลาให้พวกคุณหนีไปได้ ดังนั้นหนีไปโดยใช้วาปก่อน.”

จากนั้น.

“คุวะฮ่าฮ่า!”

โกสต์หัวเราะอีกครั้ง.

นั้นหมายความว่าเขาได้ยินพวกเราพูดคุย.

ผมไม่ได้มองไปที่เขาแม้ว่าจะไม่อยากจะเชื่อ.

โกสต์พูด.

“มิตรภาพมันงดงามมากจริงๆ? วาป…สเตล มันก็ไม่ได้แย่นัก แต่ฉันคิดว่าพวกนายพูดเบาๆสักหน่อย.”

เขารู้ด้วยการอ่านริมฝีปากของเราหรือเปล่านะ?

ไม่ ผมหันหลังให้เขาขณะพูด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้.

ผมมั่นใจว่าเขาได้ยินที่พวกเราพูด.

Dispelling Silent ผมพูดกับเขา.

“ไม่รู้ว่านายมีงานอดิเรกที่ชอบฟังคนอื่นเขาพูดคุย.”

“อุฟฟ มันเป็นการรวมตัวของความตลก.”

“ห๊ะ?”

“เมื่อมาคิดว่าได้พบเพื่อเก่าในสถานที่แห่งนี้.”

“นายกำลังพูดอะไร?”

“คิมโฮจิน.”

ห๊ะ? ชื่อของโฮจินไม่เคยถูกเอ่ยเลยในการพูดคุยของเรา.

แต่เขาไม่ได้พูดแค่ชื่อโฮจิน เขาพูดว่าเพือนของเขา.

หมอกทองคำทำให้ไม่อาจเห็นใบหน้าของโกสต์ได้.

อย่างที่เขาพูด โฮจินถาม.

“แกเป็นใคร!”

โกสต์ยกมือขึ้นและถอนหมวกนั้น.

“หืม?กะ….แก!”

โฮจินรู้สึกหวาดกลัวจนก้าวถอยหลัง.

มันเกือบจะเหมือนกับที่เขาเห็นตนตายแล้วฟื้นคืนชีพ.

เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้น จุงโฮก็ถามอย่างรีบร้อน.

“ฮยอง เขาเป็นใคร? มันต้องน่าตกใจขนาดนั้นเลยหรอ?”

“ปาร์ค… ปาร์คจุนชิค…”

“หืม? มครกันหล่ะนั่น?”

มันเป็นชื่อที่ผมได้ยินมาก่อนแน่นอน.

คำพูดออกมาจากปากของผมอย่างเป็นธรรมชาติ.

“ปาร์คจุนชิค? ผู้บัญชาการที่เขาไปในดันเจี้ยนเฉินอันโนว์เลเวล 25?”

“ใช่…ถูกต้อง.”

“ว้าว ดูสิ เราไม่อาจบอกได้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่นายมาที่นี่เพื่อเล่นเป็น ผู้บัญชาการ?”

ปาร์คจุนชิค.

15 ปีก่อน เมื่อพอร์ทัลเลเวล 25 แตก เขาเป็นผู้บัญชาการของสมาคมฮันเตอร์และเข้าป้องกันการระเบิด.

อย่างที่โฮจินพูดก่อนหน้านี้ เขาเป็นคนหนึ่งที่เข้าสู่พอร์ทัลใหม่ๆแทนที่จะออกหลังจากที่จัดการมอนเตอร์ทุกตัวเสร็จแล้ว.

สิบห้าปีต่อมา คนที่ได้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าตายไปแล้วหรือว่ามีชีวิตอยู่ได้ปรากฏต่อหน้าเราพร้อมกับเป็นหัวหน้าของฝ่ายหัวรุนแรง.

“มันเป็นเรื่องตลกของโชคชะตาที่เป็นอย่างนี้ การที่ต้องคิดว่าคุณจะช่วยเจ้าเด็กนั่น.”

“ท…ทำ…ไมนายมาอยู่ที่นี่?”

“อ่า วันนั้นผมตายไปแล้ว ไม่สิ ผมคิดว่าตายไปแล้ว.”

“….”

“ทันทีที่ผมไม่ต้องการออกจากทางออกและเข้าไปในสถานที่นั้น ผมก็เป็นเหมือนกับคนตายที่ยังเดินได้อยู่.”

โกสต์เริ่มพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น.

ทางออกถูกเปิดขึ้นหลังจากที่มอนเตอร์ทั้งหมดตาย.

ประตูไปสู่อีกมิติหนึ่งปรากฏขึ้น แต่ไม่มีใครสนใจเข้าไป.

การต่อสู้ใช้เวลาหลายชั่วโมงและเพือนหลายร้อยคนตายไป.

ไม่มีใครที่แข็งแกร่งหรือมีความปรารถนาพอที่จะเดินไปด้านหน้า.

หลังจากที่ตัวเขาเป็นผู้บัญชาการ เขาได้ให้ทุกคนออกไป นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น.

เขาเคลื่อนไหวเข้าไปยังพอร์ทัลที่คนอื่นไม่ต้องการเข้าไป.

นอกจากนั้นเขายังได้ยินเสียงของเขาใครบางคน.

ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนและตะโกนมากแค่ไหน เขาก็ไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดที่น่าประหลาดใจอันนี้ได้.

ราวกับว่าเขาเป็นตุ๊กตาที่ชักจูงไปมา.

โกสต์เผชิญหน้ากับมอนเตอร์ที่เขาไม่มีหวังว่าจะเอาชนะได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขา.

แม้ว่าร่างกายของเขาจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แต่เปลวไฟแห่งชีวิตของเขาก็ยังไม่มอดดับ.

เมื่อเขาฟื้นสติ บาดแผลของเขาก็หายไปและมานาของเขาก็ถูกฟื้นฟูจนเต็ม.

อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บเหล่านั้น เขายังคงรับรู้ถึงมันได้.

ทุกวัน ความเจ็บปวดจะเกิดขึ้นทุกวันตราบที่เขายังไม่ออกจากดันเจี้ยนนั้นได้.

มันเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจทำได้แม้แต่จะฆ่าตัวตาย.

จิตใจของเขาผิดเพี้ยนจากความเจ็บปวดที่เขาไม่อาจอธิบายได้.

เขาไม่รู้สึกหิวหรือกระหาย.

เขายังมีชีวิตอยู่ในนั้นเป็นเวลาถึง 5 ปี แต่มันก็ไม่แตกต่างกับตายไปแล้ว.

โกสต์พูดจบแล้วก็ยิ้นอย่างเจ็บปวด.

“เดาว่าฉันพูดมากเกินไปแล้ว โฮจิน โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว?”

“นายไม่รู้สึกอายเลยงั้นหรอ!  นายที่เป็นผู้บัญชาการ! ตอนนี้ได้กลายเป็นหัวหน้าฝ่ายหัวรุนแรงแล้ว.”

“อะฮ่าฮ่า! นั้นมันผ่านไปแล้ว ฉันจะใช้ความแข็งแกร่งของฉันเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก การที่เราจะทำอย่างนั้นได้ต้องใช้ความสามารถของเด็กคนนั้น.”

“….”

ผมฟังการพูดคุยระหว่างโฮจินกับผี.

เขามองมาที่ผม โกสต์พูด.

“Warp, Mass Stealth Jutsu. ตอนนี้ลองหนีให้ได้สิ.”

“…..”

“แต่ก่อนที่นายจะทำอย่างนั้น ฉันจะให้ดูรูปตลกๆ?”

“แกต้องการ….”

โกสต์โยนโทรศัพท์ให้ผม.

หลังจากที่รับมัน ผมจ้องไปที่เขา.

โกสต์มีท่าทางชั่วร้าย ขณะที่เขายังพยักคางบอกนัยๆว่าให้ผมมองไปที่โทรศัพท์.

ผมมองไปที่โทรศัพท์ตามที่โกสต์บอก.

พอมองไปที่มัน จิตสังหารของผมก็ลอยอบอวน ขณะที่ผมลอบสาบาน.

“แก…มันเฮงซวย!”

“เคี๊ยกๆๆ! ฉันไม่คิดว่าจะเห็นท่าทางอย่างนี้ เคี๊ยกฮ่าฮ่า!”

รูปที่ผมเห็นนั้นมันเป็นบ้านของผม.

บ้านที่แม่ผมอยู่.

เขาส่งคนไปที่นั่น.

ผมไม่แน่ใจว่าเขามีความสามารถในการต่อสู้เท่าไหร่.

อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานผมได้สาบานว่าจะปกป้องเธอ ดังนั้นการโจมตีใหญ่ๆจึงไม่สามารถใช้ได้.

ราวกับว่าความสามารถในการป้องกันของผมถูกใช้เพื่อเธอ.

เหนือสิ่งอื่นใด เธอสวนแหวนชุบชีวิต.

ผมสงบลง ขณะที่จ้องมองไปที่เขาและพูด.

“อย่าแม้แต่จะแตะต้องเธอ.”

“โอ้โห น่ากลัวจัง.”

“มันสายเกินไปที่จะเสียใจ แกกล้ามากเกินไปแล้ว….”

“Mass Stealth Jutsu? ไม่ใช่มัน?”

“เมื่อมาคิดว่าแกต้องการพลังของฉัน ใช่ไหม? แกกำลังบอกให้ฉันเข้าร่วม?”

“แต๊งง แกผิดไปอย่าง.”

“….”

“เราต้องการพลังของนาย แต่นายรู้ไหมว่า…เราไม่ต้องการให้นายมาอยู่ข้างเดียวกับเรา?”

“ห๊ะ?”

มันเป็นอย่างนี้เอง.

คนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของเขารีบเดินมาข้างหน้า.

จากนั้นเขาก็ถือโทรศัพท์ไว้ข้างหูโกสต์.

พร้อมกับรอยยิ้ม โกสต์รับสาย.

“โฮกุน ฟังให้ดี นี่คือคำสั่งของฉันที่จะให้ในฐานะหัวหน้า”

“ครับ!”

“หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ ถ้าฉันไม่โทรหา คุณฆ่าตัวตายซะ.”

“…. ครับ รับทราบ.”

คนที่ถือโทรศัพท์ไว้ที่หูของเขาก็ถอยกลับไป และโกสต์ก็พูดต่อ.

“ฉันไม่ชอบการต่อกับคนที่ยังมีห่วง นายได้ยินสิ่งที่ฉันพูดใช่ไหม ถ้านายสังหารทุกคนและรอด…แม่ของนายก็จะปลอดภัย.”

“แกมันบ้า.”

“ฮ่าห์! ดีใจที่นายต้องการที่จะต้องการต่อสู้ตอนนี้.”

ผมหันหน้าไปยังดันเจี้ยนเลเวล 34 อย่างเงียบๆ.

ตั้งแต่ที่ผมเคลียร์มันครั้งแรก ดันเจี้ยนพวกนี้ก็ไม่ต่างจากสนามล่าสัตว์ของผม.

ไม่จำเป็นต้องใช้ ID เพราะสิ่งที่ผมต้องทำคือการเดินเข้าไป.

“แกไม่คิดจะต่อสู้ที่นี่ ใช่ไหม??”

ราวว่าโกสต์และลูกน้องของเขาเข้าใจ พวกเขาก็รีบไปที่ดันเจี้ยน.

ตาของผมมองไปที่จุงโฮและโฮจิน.

ผมพยายามที่จะยิ้มอย่างฝืนๆ ผมพูด.

“อย่าแตะต้องพวกเรา ถ้าฉันแพ้ ชีวิตของเขาก็จบเหมือนกัน.”

“แน่นอน มันไม่สำคัญสำหรับฉัน เรารีบไปที่ดันเจี้ยนเถอะ.”

****

หลังจากที่เข้ามาในดันเจี้ยน ลูกน้องของโกสต์หลายร้อยคนก็ทำตามคำสั่งของโกสต์เพื่อกำจัดมอนเตอร์.

มอนเตอร์พวกนี้เป็นมอนเตอร์ของดันเจี้ยนเลเวล 34.

อย่างไรก็ตาม ลูกน้องเหล่านี้ก็สามารถโจมตีและป้องกันได้อย่างสมบูรณ์.

การเข้าใจที่รวดเร็วของพวกเขาและปฏิกิริยาตอบสนองทำให้มอนเตอร์ถูกกำจัดหมดไปในพริบตา.

“4.55 นาที มันยังไม่ถึง 5 นาทีตั้งแต่ที่ฉันวางสาย ยังมีเวลาอีกมาก.”

“ดูเหมือนว่าลูกน้องของนายจะมีความสามารถจริงๆ ฉันรู้สึกเสียใจที่เขามีผู้นำอย่างนาย.”

“คิ๊ย่าห์! แสดงให้ฉันดู! ให้ฉันได้เป็นพยานถึงความแข็งแกร่งของนาย!”

โกสต์เดินถอยหลังไป.

จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและชี้ตรงมาที่ผม.

ทันทีที่เกิดการเคลื่อนไหวนั้น ทั้งแปดทีมของฝ่ายหัวรุนแรงก็เคลื่อนไหวตามแบบแผนทันที.

จุงโฮและโฮจินอาจจะคอยดูแลดันเจี้ยนอยู่ภายนอก.

ผมบอกให้พวกเขากลับไปที่บ้านโดยใช้วาป แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังคำพูดของผม.

เนื่องจากผมไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโสต์ มันจึงมีความเสี่ยงอย่างมากสำหรับผม.

อย่างไรก็ตามนี่อาจจะเป็นสถานการณ์ที่ดีสำหรับผม.

ถ้าทุกคนเข้ามาหาผมทันที มันคงเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก.

แต่ถ้าผมจัดการลูกน้องของเขาก่อน?

สถานะที่พวกเขามี…

สถานะของอเวคที่ทรงพลังมีนับร้อยๆแต้ม มันเพียงพอที่จะเติมเต็มความหิวโหยของสัตว์ร้ายที่เกิดจากดาบบุชเชอร์ของผม.

ผมอยู่ตรงกลาง พวกเขาล้อมผมอย่างสมบูรณ์.

ด้านหน้าของผมมีพวกแท้ง ด้านหลังก็มีนักเวทย์.

ยิ่งไปกว่านั้น แอสซาซินและวอริเออร์ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบก็พยายามมองหาจุดบอดของผม.

ในพริบตาพวกเขาก็เข้ามาใกล้ผม.

“ORAAAA!”

พวกเขาทุกคนแทงอาวุธเข้ามาที่อย่างวุ่ยวาย.

การโจมตีที่น่าสมเพชและอ่อนแอ.

ผมหัวเราะอย่างสงบและพูด.

“555+ ขอบคุณสำหรับอาหาร.”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset