I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 61. เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด การระเบิดของพอร์ทัล. (3)

61. เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด การระเบิดของพอร์ทัล. (3)

-ตู๊มมม!

“แม่งนี่มันนรกอะไรกันวะ…”

“…..”

โจ๊กเกอร์ ได้รับข่าวว่าการระเบิดของพอร์ทัลเลเวล 29 ประสบความสำเร็จ

ความโกรธของเขาเหมือนกับคนเก็บกด และจากนั้นโต๊ะของเขาก็แตกออกเป็นชิ้นๆ.

ทำให้ลูกน้องของเขาที่เข้ามารายงานสั่นราวกับใบไม้.

ด้านหลังม่านนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ.

“มันเป็นใคร…โกส? ดาร์กเลดี้? มันเป็นใคร! ไอ้สารเลว!”

“มันเป็นดา…ดาร์กเลดี้.”

“อ่าาา! อีตอแหลนั่นสามารถสร้างความประทับใจได้….”

โจ๊กเกอร์ยังไม่คลายความโกรธ.

ทั้งสามคนเป็นผู้นำที่ทำงานในโปรเจ็คนี้ ตามคำสั่งของหัวหน้าฝ่ายหัวรุนแรง.

ดาร์กเลดี้ได้ประสบความสำเร็จในการระเบิดพอร์ทัลก่อนหน้านี้.

เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มของพวกเขาทั้งสาม ดาร์กเลดี้.

เธอมีคลาสเป็นแท้งเกอร์และคลาสรองของเธอเป็นแอสซาซิน.

การโจมตีและการป้องกัน เธอมีความสมบูรณ์ทั้งหมดโดยปราศจากช่องว่าง.

นอกเหนือจากหัวหน้ากองกำลังแล้ว เธอเป็นที่สองที่แข็งแกร่งที่สุดต่อจากโจ๊กเกอร์.

“อีกคน…ดวงอาทิตย์ตอนนี้อยู่ไหน?”

“หน่ะ.. นั่น… คาดว่าจะอยู่ที่อินชอนในตอนนี้.”

“แกมั่นใจหรือไม่?”

“ครับ เราสามารถหาข้อมูลจากสปายที่อยู่ในกลุ่มของดาร์กเลดี้ได้.”

“ฉันรู้.”

ผู้นำได้ต่อสู้กับอีกฝ่ายเพื่อให้เหลือจำนวนน้อยที่สุดจากความลำเอียง.

กลุ่มนี้ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่บอสได้อ้างว่าเขาจะมาเร็วๆนี้และในที่สุดก็เริ่มขึ้น.

บอสเคยมาเยี่ยมโจ๊กเกอร์เสมอเพราะว่าเขามีความสามารถในการต่อสู้ที่ดีที่สุด แต่เวลานี้มันแตกต่างกัน.

หลังจากที่พอร์ทัลระเบิด เขาก็มุ่งหน้าไปที่อินชอนที่ที่ดาร์กเลดี้กำลังพักอยู่.

“เขาไปหาดาร์กเลดี้….”

“ครับถูกต้อง.”

“มาที่นี่”

“… ครับ?”

“มาตรงนี้และทำความสะอาดมัน”

“อ่า… ครับ หัวหน้า”

โจ๊กเกอร์พูดขณะที่ชี้ไปยังโต๊ะที่หัก

จากคำสั่งของเขา ทำให้คนส่งสาร้องเดินผ่านม่านไปหาโจ๊กเกอร์

ตาของผู้ส่งสารถูกปรับให้ชินกับความมืดแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้ามองหน้าโจ๊กเกอร์.

พยายามที่จะสงบลง บังคับมือทั้งสองข้างของเขาให้เก็บเศษขยะ…

มือยักษ์ของโจ๊กเกอร์ก็คว้าหัวของเขา.

โจ๊กเกอร์ก็กระซิบอย่างเงียบๆ.

“เกรียติเหล่านั้น ควรจะเป็นของฉัน.”

“…. คะ คุณหมายความว่า….?”

“เกรียติที่ดาร์กเลดี้ได้ มันควรจะเป็นของฉัน เห็นด้วยไหม?”

“ครับ แน่นอน! มันควรจะเป็นของคุณ หัวหน้า ส่วนดาร์กเลดี้…”

โจ๊กเกอร์จับหัวของเขาเงยหน้าขึ้นมามองให้อยู่ใรระดับสายตา.

ผู้ส่งสารตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นซีด เมื่อจ้องไปยังโจ๊กเกอร์

เกือบจะเหมือนว่าดวงตาของเขาได้หายไปขณะที่โจ๊กเกอร์จ้องมองเขาลงมา.

จากนั้นรอยยิ้มของเขาก็บิดเบี้ยว

“แกคิดว่า มันมีเหตุผลอะไรที่เกรียติของฉันถูกขโมยไป?”

“นั่น…ทั้งหมดที่ผมคิดได้คือ โชค…..”

“โชค?”

“ใช่! ดาร์กเลดี้อาจจะประสบความสำเร็จในโปรเจ็คนี้เพราะว่าเธอโชคดี.”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปและเปลี่ยนเป็นจิตสังหาร

“ผิด.”

“งะ-งั้นมันคะ… อ้ากกก!”

-กร๊อบ

โจ๊กเกอร์บีบหัวของเขาแหลกเป็นชิ้นๆ.

ผู้ส่งสารเป็นอเวค

แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอเวค หัวของเขาก็ถูกบดราวกับเต้าหู้.

เลือดกระจายออกไปเต็มทั่วพื้นที่ และกลิ่นธาตุเหล็กก็ลอยเต็มอากาศ.

โจ๊กเกอร์โยนศพที่แข็งทื่อไปด้านหน้าและเช็ดเลือดบนหน้าของเขา

จากนั้นเขาก็พึมพำกับตัวเอง.

“เหตุผล? เพราะว่าฉันโชคร้าย? 555! มันไม่ตลกเลยแม้แต่น้อย ฉันจะบอกคำตอบที่ถูกต้องให้.”

ตาของเขาก็เบิกกว้างมองไปยังศพที่ไร้หัวนั้น.

เขาเดินไปด้านหน้า ไปยังศพที่ไร้หัว.

“มันเป็นเพราะคนโง่ที่กลัวตายอย่างพวกแก มันจะสามารถมีไหวพริบอย่างนี้ได้ไง แน่นอนว่าแกเป็นหนึ่งในนั้น หรือว่าไม่ใช่.”

ใต้เท้าของเขาเริ่มมีวงเวทย์สีแดงที่เริ่มก่อตัวออกมา.

มันเกือบจะเหมือนกับว่าความโกรธของเขาลงมาที่เท้า.

อย่างไรก็ตามมันเป็นสกิลของเพรชฆาตที่เรียกว่า Enhance Killing Intent(ใส่จิตสังหาร).

สกิลการต่อสู้ส่วนใหญ่ของเพรชฆาตคือการต่อสู้ด้วยมือเปล่า.

นอกจากสกิลใส่จิตสังหารแล้ว มันยังสามารถเปลี่ยนร่างๆกายส่วนอื่นๆให้เป็นอาวุธได้อีกด้วย.

มันเกือบจะเหมือนเนื้อนุ่มๆที่ถูกค้อนทุบ เขาเริ่มเตะไปที่ศพที่เย็นชืด.

“เมื่อแกไปเจอกับจินในนรก มองไปที่เขาและดูว่าเขาจะเสียใจกับแกที่ขี้ขลาดหรือไม่ ในที่สุดแกก็จะได้เรียนรู้ว่าแกมันน่าสงสารมากแค่ไหน…..”

****

“นี่คือตำแหน่งของพอร์ทัลเลเวล 29 ที่มีการระเบิดที่เกาะเจบุก สถานการณ์โดยรอบกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ สมาชิคของกิลด์ที่เข้าร่วมต่อสู้ตอนนี้ได้ออกจากพื้นที่และส่งต่อให้อเวคจากสมาคมเรียบร้อยแล้ว.”

“นักข่าวหวังแจฮยอง มอนเตอร์ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมแล้ว?”

“ใช่ ถูกต้อง เนื่องจากนโยบายเพื่อความปลอดภัยของเรา เราไม่อาจเก็บภาพเหล่านี้เกี่ยวกับการต่อสู้ใดๆได้ อย่างไรก็ตามความรุนแรงก็สามารถเห็นได้จากเลือดที่เปรอะเปื้อนรอบๆ มีซากศพของมอนเตอร์ขนาดใหญ่มากมาย ศพเหล่านี้หลุดรุ่ยจนยากที่จะบอกได้ว่ามันเป็นตัวอะไรเมื่อตอนที่มันมีชีวิตอยู่.”

“เป็นอย่างนั้นเอง ฉันได้ยินมาว่าทั้งหมดนี้ต้องมอบเครดิตให้กับายพลยูนจองซัน สภาพของเขาเป็นอย่างไรบ้าง? อเวคคนอื่นๆปลอดภัยหรือไม่?”

“ครับ จากการตอบสนองอย่างรวดเร็วของสมาคมรวมทั้งทักษะการบังคับบัญชาของเขา โครงสร้างและผู้อยู่อาศัยตลอดจนอเวคทั้งหมดนี้ปลอดภัยฟังจากเสียงเปล่านั้นได้”

“โอ้ เป็นพวกเขานั้นเอง”

ฉากของสนารบก็เปลี่ยนไปเป็นสตูดิโอและผู้ประกาศข่าวก็พูดเข้ากับหน้ากล้อง.

“ไม่อาจพูดอะไรได้จริงๆ เครดิตทั้งหมดเหล่านี้จะต้องมอบให้กับทักษะอันน่าอัศจรรย์ของอเวคที่มาจากสมาคม ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนักทั้งหมดของพวกคุณ นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ที่พอร์ทัลเลเวล 29 ระเบิดขึ้น มีกำหนดว่าทางสมาคมจะเผยแพร่แถลงการณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นการบอกใบ้ในอนาคตเช่นเดียวกับแผนการรับมือ หากว่ามันมีความเป็นไปได้ มันจะมีขึ้นในเวลา 2 ทุ่มในช่วงข่าวรอบพิเศษ ขอบคุณ.”

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันนี้ผมไม่ได้ออกล่า

ผมและจุงโฮมาทานอาหาร เราทานขณะที่เรากำลังดูTV.

เหตุการณ์ระเบิดของพอร์ทัลได้ระเบิดเมื่อตอน 3 ทุ่มและเสร็จสิ้นเมื่อตอนรุ่งสาง

หลังจากนั้น เนื่องจากอิทธิพลของสมาคมก็ได้รายงานเมื่อตอน 7โมงเช้า.

โดยไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก จุงโฮและผมก็ดูข่าวนี้.

“เดาสิว่าพวกเขาจะหยุดมันได้อย่างไร.”

“แน่นอน แม้ว่าจะเป็นมอนเตอร์จากดันเจี้ยนเลเวล 29 ถ้าสามาคมส่งแรงค์เกอร์ 3 คนเข้ามามันก็สามารถจัดการได้ทั้งหมด.”

“เยี่ยม ผมเดาว่าผมไม่มีอะไรที่ต้องทำที่นั่น.”

“แต่ฉันสงสัยว่าเพราะอะไรพอร์ทัลมันถึงระเบิด มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน.”

“นั่นก็จริง ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเหตุผลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผมเห็นเมื่อไม่นานมานี้หรือเปล่า.”

“สิ่งที่เธอเอาให้ฉันดู?”

“ใช่ ก็ดี สมาคมจะได้รายงานการสรุปเกี่ยวกับสาเหตุของการระเบิดของพอร์ทัลให้เราฟัง เรามาฟังกันเถอะ.”

“จิ๊ คุณยังเชื่อทุกอย่างจากกล่องโง่ๆ(TV)ที่กำลังบอกคุณ? จากที่เขาพูดออกมาคุณไม่อาจเชื่อมันได้แม้แต่10% ของสิ่งที่เขากำลังพูดทั้งหมด.”

“ฉันรู้เรื่องนั้น เพียงแค่สงสัยว่าพวกเขามีข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันหรือเปล่า.”

“เป็นอย่างนั้น แต่คุณจะทำอย่างไรหลังจากนั้น?”

“อย่างนี้เป็นไง?”

จากคำถามของผม จุงโฮก็ก้มหน้ามากระซิบกับผม.

มันเป็นเพราะว่าเขากังวลว่าแม่ของผมจะได้ยินจากในครัว.

“เธอคิดว่าไง พูดเกี่ยวกับกลุ่มหัวรุนแรง.”

จากคำถามของเขา ผมก็ร่ายไซเรน ตอนนี้การพูดคุยของผมกับจุงโฮคนอื่นไม่อาจได้ยินได้.

ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้แม่ของผมเกิดความกังวล.

“อ่า ไม่ต้องทำอะไรเลย.”

“หลังจากการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้าย พวกเขาไม่มีอะไรอื่นอีกเลย?”

“ใช่ พวกมันเงียบมาก ผมสงสัยว่าจริงๆแล้ว ที่ผมได้เอาจินออก พวกมันก็ออกจากสถานที่เหล่านั้นทันที.”

“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันต้องกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ?”

“นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งราวกับชีวิตของผมอยู่บนเส้นด้าย เพราะมันไม่มีอะไร”

“แน่นอน เธอเลเวลเท่าไรแล้วตอนนี้?”

“ใกล้จะ 280 แล้ว.”

“ห๊ะ? บ้าไปแล้ว เธอพึ่งเลเวล 80 เมื่อสองเดือนก่อนไม่ใช่หรือ?”

“ฮยอง นี่ไม่ใช่ความแตกต่างของการตัดสินใจงั้นหรอ?ความแตกต่างที่คุณเป็นคนตัดสินใจเอง!”

“เธอแน่ใจนะ ว่ามันไม่ใช่ความแตกต่างของความสามารถที่มีอยู่?”

“ดี เพียงแค่สิ่งนั้นเพียงสิ่งเดียวก็มีความแตกต่างอย่างมาก.”

“โอ้ เธอ! อ่า! ฉันลืมไปว่าฉันจะให้สิ่งนี้กับเธอ.”

จุงโฮเริ่มค้นกระเป๋าของเขา.

ผมสงสัยว่าเขาอาจจะให้ข้อมูลใหม่ๆ.

“เซอร์ไพร์!”

“หืม?”

เกิดคาด จุงโฮหยิบแก่นอเวคออกมา.

บนฝ่ามือของเขา มันเป็นประกายที่ใหญ่พอๆกับหัวแม่มือ

เขาเชิดคางของเขาอย่างภูมิใจ.

“เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนไม่ชอบติดค้างคนอื่น.”

“แต่คุณได้สิ่งนี้มาได้อย่างไร? คุณล่าเป็นตี้ คุณฆ่าพวกเขาทั้งหมดและขโมยมันมาจากพวกเขา?”

“เฮ้! อย่าพูดอะไรไร้สาระ ต้องขอบคุณเธอ ฉันสามารถล่ามันได้อย่างที่ฉันไม่เคยทำได้มาก่อน มันทำให้ฉันมีเวลาล่าที่เหลือเฟือเป็นอย่างมาก การให้ยืมอาวุธที่น่าอัศจรรย์อย่าง บันชอนจินวอน มันน่าสนใจและคุ่มค่าอย่างมาก.”

“คุณฆ่าพวกเขาทั้งหมดจริงๆ นั่นไม่น่าใช่คุณ?”

“จากการเพิ่มเลเวลฉันต้องการเพิ่มเลเวลสกิล ฉันวิ่งรอกในดันเจี้ยนเลเวล 10! ไอ้อึน้อย!”

“โฮ่? อย่างที่คุณได้อธิบายมาก่อนหน้านี้ คุณได้ทำการฟาร์มแก่นอเวค?”

“ช่าย ฉันทำมันทั้งสัปดาห์ แต่มันก็ดรอปลงมาแค่อันเดียว.”

ตั้งแต่ที่ผมได้ใช้แก่นอเวคครั้งสุดท้ายกับสกิลสเตล ผมก็ไม่เหลือมันอีกต่อไป.

เพื่อที่จะให้ฮีลของผมเพิ่มเลเวล ผมได้ล่าอย่างต่อเนื่องและก็ทำให้ฮีลเพิ่มมาเป็นเลเวล 100.

นอกจาก การ์แลคติคฟีล และ ออร่าอาวุธ ที่ผมได้มาเมื่อไม่นานนี้ มันก็อยู่ในเลเวล 100 แล้ว

สิ่งที่ผมต้องการตอนนี้คือการปรุงความสามารถในการป้องกันของผม ดังนั้นทางเลือกที่ผมจะต้องลงทุนดูเหมือนจะต้องไปลงทุนแก่นอเวคกับชิลด์.

เซ็ตเกราะลิซคิงและถุงมือลิซาร์ดแมน.

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องได้พวกมันเพื่อเพิ่มขีดจำกัดการป้องกันของผมทั้งหมด.

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ป้องกันที่ยอดเยี่ยมของผม ชิลด์ทั้งหมดของผมนอกจากมานาชิลด์อยู่ในแรงค์ C เท่านั้น.

รีเฟร็กชิลด์ที่มีการสะท้อนเป็น%ที่แน่นอนได้อเวคไปแล้วในจุดๆนี้.

มันเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมากกับการใช้แก่นอเวคกับชิลด์แรงค์ C.

“ฮยอง ผมใช้มันได้จริงๆ?”

“ช่าย ฉันคิดว่าอย่างน้อยๆก็ปีหน้า มันคงไม่มีสกิลไหนที่จะเลเวล 100 เร็วๆนี้”

“อ่า ถูกต้อง คุณบอกว่าคุณไม่มีสกิลไหนสูงพอที่จะอเวคมันได้ ถูกไหม?”

“ใช่ ฉันยังมีหนทางอีกยาวไกล.”

“จากนั้น ผมก็จะไม่อายมากนัก ที่ผมจะใช้มัน.”

“เธอกำลังถ่อมตัว แม้ว่าเธอจะให้ฉันยืมบันชอนจินวอนสองเล่มนั่น? อย่าทำให้ฉันรู้สึกแย่.”

ผมรีบเอาแก่นอเวคจากมือของเขา.

อีกครั้ง ที่ผมได้เรียนรู้อย่างมาก จากพี่ชายอย่างที่เขาเป็น.

ผมไม่ได้ต้องการแค่นั้น แต่ยังรวมไปถึงความสามารถของเขาด้วย.

ผมใส่แก่นอเวคไว้ในกระเป๋าและถามเขา

“ฮยอง ผมกำลังพยายามเรียนรู้สกิลชิลด์ใหม่ๆ คุณคิดว่าไง?”

“เธอมีมานาชิลด์อยู่แล้ว ใช่ไหม?”

“นี่มันไม่เกี่ยวกับการล่า.”

“อ่า ได้ ถูดต้อง อืม…มันไม่สำคัญว่าสกิลเหล่านั้นจะเป็นของคลาสไหนใช่ไหม?”

“แน่นอน ไม่สำคัญว่ามันคืออะไร ขอแค่มีชิลด์ที่มีประสิทธิภาพก็พอ.”

“เอาหล่ะ ชิลด์ที่ทรงพลังอย่างมาก แต่เธอไม่ได้มีแก่นอเวคมากที่จะซื้อเขาใช่ไหม? เธอสามารถซื้อแก่นอเวคได้ด้วยเงิน แต่แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งของเธอ เธอก็อาจจะเจอคนที่ยอมขายมันสัก หนึ่งหรือสอง ชิ้น.”

“อ่า…ใช่ มันแย่มาก…..”

ผมสงสัยว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องไปเยือนออฟฟิศของคนแคระอีกครั้งเพื่อขอยืมบ้าง.

ผมสามารถจ่ายมันทีหลังได้.

จากนั้นความคิดก็เข้ามาในหัวอย่างฉับพลัน

“ฮยอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset