The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 41: คังชอลอินเองก็มีขีดจำกัดเช่นกัน

ตอนที่ 41: คังชอลอินเองก็มีขีดจำกัดเช่นกัน

 

“… เกิดอะไรขึ้น?”

 

คังชอลอินตอบกลับด้วยน้ำเสียงน่ากลัวในขณะที่เขากำลังเหนื่อยล้า

 

“อาการบาดเจ็บของเขาเริ่มฟื้นตัวแล้วเจ้าค่ะ แต่เนื่องจากความเหนื่อยล้าในการใช้มานาในปริมาณมากดูเหมือนว่าการไหลมานาของเขาจะเกิดการปะปนกัน หากปล่อยไว้เช่นนี้ข้าคิดว่าเขาคงไม่รอดภายในคืนนี้แน่เจ้าค่ะ….!”

 

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจริงจังมากทีเดียวเพราะมันเกี่ยวคาบกับความเป็นความตายของคน ๆ หนึ่ง

 

“แค่นี้ใช่ไหม?”

 

แต่ทันทีที่ได้ยินเรื่องทั้งหมด ท่าทีของคังชอลอินกลับต่างไปจากที่คิด เพราะเขามีวิธีคืนสภาพให้กับโดเรียนด้วยวิธีที่ง่ายและสะดวกมาก

 

“ตัดหัวใจมังกรให้เขากินไปครึ่งหนึ่งแล้วช่วยเขาดูดซันมานาซะ เท่านี้เดี๋ยวเขาก็ดีขึ้นเอง”

 

หัวใจมังกรจากมังกรพีคอคตัวเมียเพียงพอแล้วที่จะช่วยแก้ไขวิกฤติที่โดเรียนกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้

 

“แต่นั่น…นั่นมัน!”

 

ลูเซียประหลาดใจ

 

“หัวใจมังกรเป็นดั่งยาที่แก้โรคได้ทุกชนิด ข้าไม่ได้คิดว่าชีวิตของท่านโดเรียนไม่สำคัญ เพียงแต่มันเป็นสมบัติ…!”

 

“ข้ากำลังลงทุน”

 

“…!”

 

“ลูเซีย อย่ามองข้าแบบคาดโทษเช่นนั้น”

 

“ข้าหรือเจ้าคะ? ข้าจะกล้ามององค์ราชันย์ด้วยสิ่งที่อัปยศเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ?!”

 

ลูเซียกำลังหน้าคว่ำขึงขังพลางจ้องมองราวกับว่านางกำลังรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรม

 

“เจ้าจะวาดภาพขนาดใหญ่ได้เช่นไรหากเจ้าคิดตระหนี่ถี่เหนียว? ดูเหมือนว่าคุณค่าของหัวใจมังกรกำลังทำให้เจ้ามือสั่น ใจเย็น ๆ ข้าเพียงแต่ต้องการทำให้ดีที่สุดเพื่อผลในอนาคตแทนการทำตามความคิดหลักของทวีปก็เท่านั้น”

 

“คำพูดท่านถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”

 

“ข้าไม่ได้มอบให้เขาทั้งหมด เพียงแค่ครึ่งเดียว มันคือการลงทุนราคาแพงแต่ข้าไม่สามารถปล่อยให้เขาตายได้ เขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อ มันจะลำบากถ้าหากเขาต้องมาตาย”

 

“เจ้าค่ะนายท่าน ข้าจะนำหัวใจมังกรมาให้ท่านโดเรียนและช่วยเขาดูดซับพลังมานา…”

 

“ไม่ต่อง ข้าจะทำเอง”

 

คังชอลอินลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์ด้วยท่าที่ไม่ค่อยมั่นคงเล็กน้อย

 

“มันจะดีกว่าหากข้าเป็นคนทำเอง”

 

แทนที่จะนำหัวใจมังกรเข้าสู่ร่างกายแค่เพียงอย่างเดียวเพื่อฟื้นฟูมานา การมีคนมาช่วยดูดซับมานาที่ปะปนก็นับว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมอีกเช่นกัน และแน่นอนว่าคังชอลอินย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าลูเซีย

 

“นายท่าน! ด้วยร่างกายเช่นนี้น่ะหรือเจ้าคะ?! ท่านควรรีบเข้าพักผ่อนในทันทีจะเป็นการดีกว่านะเจ้าคะ”

 

“ข้ารู้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยไปพัก ข้าเองก็มีข้อจำกัด…”

 

ทว่าคังชอลอินกลับไม่ได้พูดประโยคไร้สาระนั่นออกมาจนจบ

 

“นี่มัน”

 

ทันใดนั้นคังชอลอินก็รู้สึกหน้ามืดและเริ่มวิงเวียน

 

“ขีดจำกัด”

 

คังชอลอินโอนเอนตัวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ถึงอย่างเขาก็ยังมั่นคงแต่แล้วในที่สุดเขาก็ทรุดตัว

 

“ลูเซีย…รอสักเดี๋ยว ข้าต้องการ…คนช่วย….”

 

และนั่นก็ได้กลายไปเป็นความคิดสุดท้ายสำหรับเขา

 

“นายท่าน!”

 

ลูเซียที่สะดุ้งด้วยความตกใจรีบเข้ามารับร่างของคังชอลอินในทันที

 

“นายท่าน! เป็นอะไรไปเจ้าคะ? ลืมตาก่อนสิเจ้าคะ! นายท่าน! นายท่าน?!”

 

ลูเซียที่กำลังเป็นห่วงความปลอดภัยไม่ได้สติของคังชอลอินพบสิ่งที่น่าแปลกประหลาดในตอนท้ายของคำพูดที่ไม่ชัดเจนจากเขา

 

“นี่ท่าน…กำลังหลับอยู่หรือเจ้าคะ….?”

 

คังชอลอินไม่ได้หมดสติไปเพียงเพราะปัญหาสุขภาพ เขาเพียงแต่พล็อยหลับไปเพราะความอ่อนเพลียเท่านั้น ลูเซียไม่สามารถมองเห็นอาการข้างเคียงอื่นใดนอกจากความเหนื่อยล้าได้อีก

 

“เฮ้อ…ท่านสามารถจัดการและดูแลปัญหาได้ดีทุกอย่างหากแต่กลับดูแลร่างกายที่แสนสำคัญดั่งหยกนี้ราวกับเป็นเด็ก ๆ”

 

ลูเซียแอบหัวเราะเบา ๆ ขณะกระชับร่างของคังชอลอินเข้าสู่อ้อมกอด นางจัดสรรใบหน้าที่กำลังหลับสนิทของเขาให้นอนหงายอยู่ใกล้กับนางอกพลางจ้องมองและพึมพำขึ้นว่า

 

“นายท่านเจ้าคะ โปรดอย่าได้แบกรับทุกสิ่งไว้บนบ่าท่านเพียงลำพังเลยนะเจ้าคะ ท่านยังมีลูเซียและคนอื่น ๆ ที่ภักดีและพร้อมต่อการมอบความช่วยเหลือเพียงทางสั่งการ เช่นนั้นแล้ว…โปรดพักผ่อนเมื่อถึงเวลาพักเถอะเจ้าค่ะ ลูเซียผู้นี้จะเฝ้าดูแลเป็นอย่างดีเพื่อที่นายท่านจะได้สบายใจ”

 

ลูเซียให้คำมั่นว่านางจะเป็นผู้ช่วยที่ซื่อสัตย์และมีความสามารถมากยิ่งขึ้นในขณะที่คังชอลอินไม่สามารถได้ยินคำใด ๆ ได้

 

“แต่… การนอนหลับของท่าน… ทำไมถึงได้…?”

 

ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

 

ใบหน้าของคังชอลอินในยามปกติมักจะมีแต่ความเข้มขรึมราวกับเสือร้ายก็ไม่ปาน ทว่าใบหน้าในยามที่เขากำลังหลับกลับเป็นเหมือนเด็กทารกตัวน้อยที่ร้องขอความรักจากผู้เป็นแม่อย่างมาก

 

“นายท่าน โปรดอภัยแก่ข้า….”

 

ด้วยความน่าอาย ลูเซียหาญกล้าเลื่อนมือไปสัมผัสร่างกายที่แสนล้ำค่าดั่งหยกของคังชอลอิน

 

นิ้วเรียวสวยของลูเซียกำลังลูบศีรษะของคังชอลอินเบา ๆ ในขณะที่คังชอลอินกำลังหลับลึกไม่อาจรู้สึกได้

 

วันต่อมา

 

ท้ายที่สุด คังชอลอินก็ต้องมานอนอยู่ข้าง ๆ เตียงโดเรียนเพื่อทำการรักษาเช่นเดียวกันกับเขา

 

‘มันใช่เรื่องไหมที่ทั้งผู้ชนะและผู้แพ้กลับต้องมาพบจุดลงเอยที่มีสภาพเหมือนกันเช่นนี้?’

 

คังชอลอินรู้สึกฝังใจต่อโดเรียนซึ่งยังคงหลับสนิทไม่ยอมตื่น

 

มีบางอย่างผิดแปลกเพราะใครบางคนที่ได้กระทำในสิ่งที่ขาดความยั้งคิดและใครอีกคนที่สามารถทำเป้าหมายได้สำเร็จในที่สุดและได้รับชัยกลับมาต่างกำลังได้รับการดูแลในฐานะผู้ป่วยด้วยกันทั้งคู่

 

“เอื้อ…!”

 

และนับตั้งแต่วันนั้นโดเรียนก็ฟื้นตื่นอีกสองวันต่อมา

 

“ที่นี่… ที่นี่คือ…”

 

“ดินแดนข้า”

 

“……?”

 

โดเรียนหันมองไปตามเสียงที่ได้ยิน

 

เขาพยายามยกร่างการเพื่อลุกขึ้นนั่งแต่แล้วก็ไม่เป็นผลสำเร็จจนต้องกลับลงไปนอนอีกครั้งเพราะความเจ็บปวดที่ยังสาหัส

 

“อั่ก!”

 

“อย่าแม้แต่จะคิด”

 

ในสายตาของโดเรียนซึ่งกำลังหันหน้าไปอีกทางเห็นคังชอลอินกำลังนอนอยู่บนเตียงอีกเตียงหนึ่งขณะอ่านหนึ่งสือเกี่ยวกับทวีปแพนเจีย

 

“อย่างไร…ข้ามาที่นี่ได้อย่างไร…?”

 

“เจ้าตายแล้วแต่กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ก็แค่นั้น”

 

“อ่า…”

 

“เจ้าคงไม่ต้องการให้ข้าถากถางหรอกใช่ไหม? เพราะเจ้าก็น่าจะรู้ตัวดียิ่งกว่าข้าว่าทำอะไรผิดไป”

 

“…….”

 

ใบหน้าของโดเรียนแข็งทื่อไปในทันทีเมื่อได้ยินคำเตือนของคังชอลอิน

 

“ข้า…ข้าทำแบบนั้น….ความผิดพลาด….”

 

ความเดียดฉันท์พัดผ่านสายตาโดเรียนเพียงชั่วขณะ

 

‘อ่า…นี่เราทั้งโง่และไร้ความคิดมากขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?’

 

เขาเป็นหนึ่งในทหารที่ดีที่สุดของโลกที่กำลังรับใช้กองกำลังพิเศษ SAS และเข้าประจำการในเขตพื้นที่ที่มีแต่ความขัดแย้ง เขารู้ดีกว่าใครว่าความหายนะที่เกิดขึ้นกับความประมาทของแต่ละบุคคลในการต่อสู้แบบทีมนั้นเป็นเช่นไร ดังนั้นความรังเกียจในตัวตนที่เขากำลังรู้สึกอยู่มันมีมากเกินกว่าใครจะจินตนาการได้

 

“ก็เป็นไปได้”

 

เสียงพูดของคังชอลอินดังเข้ามาในหูของโดเรียนอีกครั้ง

 

“ทั้งสถานที่ ศัตรู และทักษะที่ไม่คุ้นเคย ความแตกต่างระหว่างตัวเจ้าในอดีตกับปัจจุบันได้กลายเป็นตัวทำลายดุลพินิจของเจ้าไปโดยสิ้นเชิง”

 

“……!”

 

ใบหน้าของโดเรียนถูกปกคลุมไปด้วยสีหน้าที่ไม่อาจเดาความรู้สึกได้

 

“เราต่างก็เป็นนักเดินทางข้ามมิติ”

 

คังชอลอินพูดต่อ

 

“ข้าเองก็เคยตกอยู่ในความขัดแย้งและความทรมานมาอย่างต่อเนื่องระหว่างข้ามจากโลกอีกฝั่งและโลกแพนเจีย แต่ทางที่จริงมันกลับไม่ต่างกันเลยสักนิด ข้าแค่สับสนกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและอำนาจที่ได้รับมาอย่างฉับพลัน ข้าเองก็เคยเป็นเช่นนั้น”

 

“…….”

 

“หากเจ้ากำลังเข้าตกอยู่ในสภาวะนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ทุก ๆ คนล้วนชอบทำในสิ่งที่บ้าบอและไร้สติอย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในชีวิต”

 

“ใช่ไหมล่ะ….?”

 

“มันเป็นสิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องผ่านไปให้ได้ ความผิดหวังของเจ้าจะช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่ดียิ่งขึ้น จริง ๆ แล้ว…แม้ข้าจะไม่รู้สึกอยากปล่อยไปก็ตาม”

 

“……!”

 

“ถ้าเจ้ามีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้นมันคงเป็นการดีกว่า หากเจ้าอยู่ที่นั่นเพียงลำพังแน่นอนว่าตอนนี้เจ้าคงได้ตายไปแล้ว”

 

การกระทำของคังชอลอินที่เอาแต่กวนโทโสโดเรียนนั้นหมายถึงการให้มองไปยังเป้าหมายข้างหน้าและทำหน้าที่เป็นบททดสอบแก่โดเรียน

 

“ไม่ต้องรีบร้อน มันเพิ่งผ่านมาได้แค่เพียงสองเดือนเท่านั้นหลังเกิดการอัญเชิญเกิดขึ้น คิดดูให้ดีว่าเจ้าโลภเกินควรหรือไม่กับเวลาแค่สองเดือน ข้าได้เห็นความผิดพลาดมาเพียงครั้งเดียวและข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก แต่จงจำไว้…ถึงสิ่งสำคัญที่ยึดมั่นแก่นแท้ตัวตนเจ้าและอย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไป”

 

หลังจากพูดจบ คังชอลอินก็จิบเครื่องดื่มที่ผู้ดูแลทิ้งไว้ให้

 

“โอ้ ข้าจะส่งใบเรียกเก็บเงินไปยังดินแดนของเจ้าด้วย”

 

“อะไรนะ? ใบเรียกเก็บ? ค่ารักษางั้นรึ?”

 

โดเรียนตื่นตระหนกทันทีเมื่อจู่ ๆ บทสนทนาก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นเรื่องเงินอย่างฉับพลัน

 

“หากเจ้าได้กินหัวใจมังกรเข้าไปแล้วไม่คิดหรือว่าเจ้าก็ควรจะจ่ายเงินให้กับสิ่งนั้นแก่ข้าบ้าง?”

 

“หัวใจ…มังกร?!”

 

“มานาเจ้าปะปนกันไปหมดข้าจึงใช้มันเพื่อรักษาเจ้า เจ้าก็รู้สึกได้ใช่ไหม? จำนวนมานาทั้งหมดของเจ้าเพิ่งสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน”

 

“……!”

 

โดเรียนพลันเบิกตากว้าง

 

‘พลังมานา…ดูเหมือนว่าเราจะได้รับพลังเพิ่มขึ้นกว่าครั้งก่อน 20%’

 

คังชอลอินไม่ได้พูดเล่น เขาได้กินหัวใจมังกรเข้าไปจริง ๆ

 

“ข้าควรเรียกเก็บเจ้าเท่าไหร่ดี?”

 

“เอ่อ…คือ…ข้าซาบซึ้งใจอย่างมาก เพียงแต่…มันจะประมาณ…แพงมากหรือไม่…”

 

โดเรียนหลั่งเหงื่อจนท่วมพร้อมตัวที่เริ่มจะเย็นชืด มันเป็นการยากที่จะวัดได้ว่าราคาหัวใจมังกรนั้นมีค่ามากเพียงใด

 

“ตกลง”

 

คังชอลอินยกยิ้มแล้วพูดว่า

 

“……?”

 

“เจ้าจำสัญญาที่ให้ข้ามาได้หรือไม่?”

 

“สัญญาที่ว่าข้าจะต้องมาทุกครั้งที่เจ้าเรียกหาน่ะหรือ?”

 

“จำไว้ให้ขึ้นใจ จงขอบคุณและชดใช้ในเรื่องนั้นแก่ข้า”

 

“ได้! ข้าจะชำระหนี้ในครั้งนี้ให้อย่างแน่นอน!”

 

โดเรียนกำลังถูกควบคุมจากคังชอลอินไว้แน่นทั้งสองมือแต่น่าเสียดายที่เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้

 

“อย่างไรก็ตาม….”

 

“……?”

 

“ตอนนี้เราคือเพื่อนกันแล้วใช่ไหม?”

 

“…….”

 

คังชอลอินหันหน้าไปมองโดเรียนทันที

 

เพื่อน?

 

เขาเคยมีเพื่อนมาก่อนหรือเปล่า?

 

ดูเหมือนว่าจะไม่…

 

ความสัมพันธ์ที่เรียกว่า“เพื่อน”สำหรับราชันย์นั้นเปรียบเสมือนสุภาษิตของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่กล่าวว่าไม่มีศัตรูใดที่ถาวรและไม่มีสหายใดที่ถาวรมีเพียงผลประโยชน์เท่านั้นที่ถาวร

 

มันจะยิ่งยากเป็นพิเศษหากอีกฝ่ายก็เป็นราชันย์ด้วยกันเพราะเมื่อความสัมพันธ์เกิดการแตกหักมันจะแตกต่างจากการเลิกเป็นแค่เพื่อนกันแบบปกติ

 

“คงจะไม่เป็นไร”

 

อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าถ้าหากเป็นโดเรียนมันก็คงไม่ใช่เรื่องแย่

 

โดเรียนอาจถูกมองว่าเป็นราชันย์ที่เน้นแต่เรื่องกิจกรรมแทนการทำตัวมีอำนาจ และเป็นนักผจญภัยที่แข็งแกร่งและไม่ใช่นักฆ่าแห่งพันธมิตรบัลเดอร์

 

“อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่บิดเบี้ยวนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว”

 

แล้วถ้าระยะทางในชีวิตนี้ของเขากว้างขึ้นเมื่อไหร่…เมื่อถึงเวลานั้นเขาควรจะกำจัดโดเรียนไปดีหรือไม่…

 

“เพื่อนหรือจะอะไรก็ได้…”

 

คังชอลอินกล่าว

 

“คิดตามใจที่เจ้าต้องการไปเถอะ”

 

“ฮืม?”

 

“ข้าเหนื่อยแล้ว”

 

คังชอลอินที่ไม่ต้องการเจาะจงพูดคำว่า “เพื่อน” ใช้สายตาไล่ตามไปยังหน้าหนังสือราวกับว่าเขากำลังอ่านมันอยู่ เขาหยุดบทสนทนาลงในทันทีเมื่อไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ

 

“ได้ ตราบใดที่เจ้าคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วก็หยุดเถอะ”

 

โดเรียนตีความจากสิ่งที่คังชอลอินพูดตามความคิดของเขาอย่างมีความสุข

 

ตอนนั้นเอง

 

“องค์ราชันย์ ถึงเวลาทานอาหารแล้วเจ้าค่ะ”

 

สาวใช้นางหนึ่งเข้ามาในห้องเพื่อบอกพวกเขาว่าถึงช่วงเวลาอาหารกลางวันแล้ว

 

ครึก ครื้น…

 

และขณะนั้นเองกระเพาะอาหารของโดเรียนก็ส่งสัญญาณ

 

“ท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ?”

 

“อ่า ใช่”

 

“ท่านโดเรียน มื้ออาหารของท่านยังไม่ทันได้เตรียมเลยเจ้าค่ะ ท่านต้อรออีกประมาณ 30 นาที”

 

น่าเสียดาย อาหารที่สาวใช้นำมานั้นเพียงพอแค่สำหรับคนเดียว

 

“ข้าไม่เป็นไร” ทันใดนั้นคังชอลอินก็พูดขึ้นโดยไม่คาดคิด “เอาให้เขาไป”

 

“นายท่าน อาหารมื้อนี้ท่านลูเซียเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเองเลยนะเจ้าคะ”

 

“เอาให้เขา”

 

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะรีบไปเตรียมอาหารของท่านในทันที”

 

นางวางอาหารที่น่าประทับใจต่อหน้าโดเรียนและรีบออกจากห้องไปในทันที

 

“เดี๋ยวนะ เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าให้ข้าได้?”

 

“ข้ายังไม่หิว”

 

“แต่สาวใช้บอกว่าผู้ช่วยเจ้าลงมือทำเอง ข้ากินได้จริงน่ะหรือ?”

 

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก”

 

“งะ งั้นหรือ?”

 

“แน่นอน”

 

“หืมม…เช่นนั้นข้าก็จะขอรับไว้ด้วยความเต็มใจก็แล้วกัน ข้าหิวมากจนแทบจะคลั่งตายได้”

 

โดเรียนรีบหยิบส้อมขึ้นมาในทันที

 

“ว้าว ทักษะของลูเซียช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก หน้าตามันดูน่าทานเป็นอย่างมากแถมยังมีกลิ่นหอมที่ดีอีกด้วย ดูเหมือนว่านางจะทำได้ดีทั้งต่อสู้และอาหาร”

 

“เจ้าบ่นว่าหิวอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

 

“โอ้ ใช่ ข้ากำลังหิวเป็นอย่างมาก”

 

ตัวส้อมถูกจิ้มลงเนื้อสตูว์ชิ้นหนึ่งในจาน หากมองดูคุณภาพเนื้อในการนึ่งของมันแล้วช่างเป็นภาพที่น่าทานนัก…

 

“ถ้างั้นก็ลองชิมดู…”

 

โดเรียนกัดเนื้อเข้าไปเต็ม ๆ คำ

 

“……!”

 

และจากนั้น…

 

“แหวะ!”

 

เขารีบถมมันออกมาในทันใด

 

“อะไร อะไรกัน? ทำไมรสชาติมันถึงได้แย่ขนาดนี้?”

 

ใบหน้าของโดเรียนซีดเซียวเหมือนกับคนป่วย

 

“มันทำมาจากอะไร?”

 

“เนื้อจากมังกรพีคอค”

 

“อะ อะไรนะ?!”

 

“มันดีต่อร่างกายเจ้า กินไปให้หมดจะได้ฟื้นตัวได้ไว ๆ”

 

“รสชาติของมังกรพีคอคแย่ขนาดนี้เชียว?”

 

“ไม่ใช่”

 

“ถ้างั้น….?!”

 

“ลูเซีย…ไม่ค่อยปรุงอาหารได้ดีสักเท่าไหร่”

 

“…….”

 

“หากมือของเจ้าได้สัมผัสอาหารสิ่งใดก็ควรกินมันไปซะ เจ้าคงไม่อยากให้ลูเซียต้องโกรธหรอกใช่ไหม?”

 

“บ้าเอ๊ย…. รสชาติของเนื้อเหนียวอย่างกับยาง….”

 

โดเรียนทำหน้าราวกับน้ำตาจะไหล

 

“อย่าเป็นคนเลือกกินนัก”

 

“มันไม่ใช่ปัญหาของการเป็นคนเลือกกินหรือไม่เลย”

 

“เจ้าเป็นคนจากอังกฤษ?”

 

“สก็อต… อาหารจืดถือเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเรา แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น…แต่นี่มันแย่มาก แม้แต่ปีศาจในนรกก็ยังไม่ยอมกินแน่”

 

“จะอย่างไรก็ช่าง เมื่อเจ้าแตะต้องมันไปแล้วเจ้าก็ต้องกินไปให้หมด”

 

“…….”

 

หลังจากนั้น ในที่สุดโดเรียนสามารถจัดการกับอาหารตรงหน้าที่ลูเซียเป็นคนทำขึ้นมาจนหมดได้สำเร็จแต่กลับต้องอาเจียนเอาออกซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้ง

 

“เจ้า…คังชอลอิน…ไอ้เพื่อนสารเลว….!”

 

คนโง่ก็ยังเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ

 

ในขณะเดียวกัน

 

– เรียกหมายที่ท่านเรียนไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้ โปรดส่งข้อความหลังเสียงสัญญาณและจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการเชื่อมต่อ

 

อีกครั้ง

 

– เรียกหมายที่ท่านเรียนไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้ โปรดส่งข้อความหลังเสียงสัญญาณและจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการเชื่อมต่อ

 

อีกครั้ง

 

“คุณชอลอิน…ได้โปรด…โปรดรับสายด้วยเถอะค่ะ…ได้โปรดเถอะ…”

 

ลีแชรินกำลังส่งเสียงร่ำไห้พร้อมภาวนาให้ปลายสายที่เธอโทรหารับสายการโทรของเธอ

.

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset