I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 53. เข้ามาหาฉันด้วยตัวของนายเอง

-สองชั่วโมงก่อนที่จินจะไปเยี่ยมมินชอย-

ในห้องมืดที่เงาร่างซ่อนตัวอยู่หลังม่านสีดำ.

หนึ่งในสามกลุ่มผู้นำหัวรุนแรงที่มีรหัสว่า‘Joker’.

เมื่อขณะที่เขาโทรอยู่ จินก็ปรากฏตัวขึ้น.

“จิน มีการเคลื่อนไหวแปลกๆ จากเขาไหม?”

แหล่งกำเนิดแสงเพียงที่เดียวในห้องนั้นก็คือตาที่เรืองแสงของจิน

เขาตอบด้วยการพยักหน้า

“มันเป็นเหมือนปกติ นอกเหนือจากการเติบโตที่บ้าคลั่งของเขาเท่านั้นแหละ.”

“เราควรจะจัดการกับเขาอย่างไร ในระดับนี้เขาจะกลายเป็นอุปสรรคขวางทางของเรา คุณคิดว่าไง?”

“ผมคิดว่าเราต้องตัดสินใจ ถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้นเขาจะเป็นสัตว์ประหลาด.”

“หืม…ผมเห็นด้วย แต่ถ้าเขาไม่หลีกทางให้เราแล้วหล่ะก็มันก็เป็นเรื่องของเวลาที่เขาจะเป็นมือขวาของชายคนนั้น…”

“….”

“นอกเหนือจากผมแล้วผู้นำทั้งสองก็ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้.”

“ฉันคิดว่ามันไม่อาจช่วยได้.”

“พยายามชักชวนเขาอีกครั้ง ถ้าทำไม่เวิร์คเราก็จะกำจัดเขาก่อนที่จะเป็นของคนอื่น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทำโดยไม่มีใครสักเกตเห็น.”

“ผมจะทำตามคำสั่ง.”

“ด้วยพลังของคุณ คุณสามารถดูแลเขาได้อย่างไม่มีปัญหา ใช่ไหม?”

“แน่นอน เขาจะไม่โจมตีผมได้อีกครั้ง ผมจะดูแลแม้กระทั่งหนูก็ไม่รู้เรื่องนี้.”

จินเป็นคนที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น

เขาทำตามคำสั่งราวกับเป็นมอนเตอร์โจ๊กเกอร์ที่ถูกอัญเชิญ

ความคิดของพวกเขาทั้งสองต้องการมัน

เขากำลังจะแสดงให้เห็นว่าพลังและอำนาจกำหนดสถานะในสังคม

จินซ่อนร่างของเขาไว้ในเงามืด.

* * * *

“มันอยู่ที่ไหน?ผู้นำของคุณ?”

ทันใดนั้นนิ้วก้อยของเขาก็พูดตัด.

มีเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดออกมาดังลั่นไปบนอากาศ

กังวลว่าอาจมีคนได้ยิน ผมปิดปากเขา

และผมก็กระซิบข้างหูของเขา

“เหมือนกับที่ฉันฆ่าปาร์คฮยอน คุณต้องการให้มีคนอื่นปรากฏตัวออกมาเพื่อฆ่าคุณ.”

ฮึบ.

“หืม? คุณคิดได้แล้วตอนนี้?”

ผมเอามือออกจากปากของเขา

ดูเหมือนว่าเขาจะได้สติจากการกระแทกกับพื้น.

หน้ากาก เขายิ้มอย่างจอมปลอมแลพูด.

“ไม่ว่าคุณจะต่อสู้แค่ไหนคุณก็ไม่อาจต้านทานได้.”

“แน่นอน ถ้าคุณยอมแพ้แล้วก็คงไม่สนุก.”

“คุหึหึหึ.”

“ดูเหมือนว่าคุณจะชอบที่ได้ถืออาวุธ จากนี้ไปจะเป็นมือซ้ายของคุณ.”

โดยไม่ลังเล ผมได้ตวัดบันชอนจินวอนไปที่มือข้างขวา.

เหมือนกับผ่านอากาศ มันตัดมือออกมาได้อย่างหมดจด

เสียงกรีดร้องมาจากปากที่ถูกปิดอีกครั้ง

“คุณยังใช้ตะเกียบที่มือซ้ายได้ พูด ตำแหน่งหัวหน้าของคุณ.”

ตาของเขาเรืองแสงสีแดงเต็มไปด้วยความโกรธ.

“ฮึ! แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในมือแกฉันก็ตายไปแล้ว นี่เป็นทางเลือกเดียวที่ผู้ที่ได้รับคำสั่งและไม่อาจทำตามได้.”

“คุณรู้แล้ว ฉันต่อสู่กับคุณเพื่อที่จะฆ่าคุณในตอนแรก”

“….”

“แต่คุณรู้ไหมว่าเมื่อไหร่ที่ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจที่สุด?”

“อัด! เมื่อไหร่.”

“เมื่อคุณไม่สามารถแม้แต่จะตั้งใจตายด้วยตัวของคุณเอง เมื่อคุณไม่มีกำลังมากพอสำหรับเรื่องนั้น คนอ่อนแอไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกความตาย อย่างน้อยอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของคุณ มันไม่ใช่ใช่มั๊ย?”

รอยยิ้มของเขาหายไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่เขาได้ยินคำพูดของผม.

ต้องรู้สึกหวาดกลัวและไม่รู้ว่าการทรมาณครั้งนี้จะดำเนินไปอีกนานแค่ไหน

ไม่ว่าเขาจะมีความภักดีและความมุ่งมั่นเท่าไร…

ผู้นำกิลด์โนเบลซ ปาร์คฮยอน ก็กลายเป็นอ่อนแอ เมื่อมันเข้าในชีวิตของเธอ

อเวคหรือไม่ คุณไม่อาจรู้ได้ แต่ความกลัวเป็นของมนุษย์

เพราะพวกเขาเป็นตัวตนที่รู้สึกเจ็บปวด

* * * *

“ห.. หยุด! อัค.”

ด้วยการทรมาณที่ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน เขาจึงค่อยๆสูญเสียแรงกายและสติ.

ตั้งแต่ที่ผมไม่อาจอยู่แค่กลางทางได้ ผมก็จะย้ายไปที่ภูเขาที่อยู่ถัดจากพื้นที่ล่า.

ใครจะรู้ว่าผมขอบคุณมากแค่ไหนที่ดันเจี้ยนระดับสูงอยู่ในพื้นที่ห่างไกล

มันเป็นดันเจี้ยนเลเวล 23.

นั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ถูกพบและถูกทิ้งไว้เป็นเวลา 23 ปี

ผมถามชายที่หายใจรวยรินอย่างหยาบคาย

“แกต้องการตาย?”

“ดะ… ได้โปรดฆ่าฉันซะ!”

เขายังคงกรีดร้องขณะที่จับแขนของเขาที่ถูกตัด

การโจมตีอย่างต่อเนื่องของผมทำให้เขากลัว.

ต้องขอบคุณความแม่ยำขั้นสูงของเขาทำให้ ชีวิตของเขาไม่ได้อยู่ในอันตรายเลย.

มีเพียงการเจ็บปวดจำนวนมาก

“ฉันคิดว่าผมน่าจะบ้าหลังจากที่จับแก หลังจากที่จะฆ่าแก ฉันพยายามอย่างมากเพื่อที่จะกักขังแกไว้? งั้นมาคุยกัน ถ้าฉันได้ยินคำตอบที่ฉันกำลังหาอยู่ ฉันจะฆ่าแก.”

“ตะ ใต้ดวงอาทิตย์ ที่มีดวงดาวสามดวงอยู่…”

เช่นเดียวกับคำที่มองหาน้ำท่ามกลางทะเลทราย เขาสิ่งหวังและต้องการตาย

“พระอาทิตย์? ดาว? แกกำลังพล่ามเรื่องอะไร?”

“ใต้หนึ่ง มีผู้นำสามคน.”

“แกกำลังแสดงเพื่อจะเล่นหนัง? ความสมเหตุสมผลของแกอยู่ที่ไหน…เขาเป็นผู้บัญชาการ?และผู้นำก็คือรอง?”

ด้วยคำถามของผม เขาก็พยักหน้าและพูดต่อ

“ทั้งสองผู้นำได้แผ่ออกมา โซล,กังวอน,อินชอน แต่ตำแหน่งดวงอาทิตย์รู้จักกันแค่เฉพาะผู้นำ แม้กระทั่งฉันก็ไม่ได้เจอแม้แต่ครั้งเดียว.”

“ถ้าฉันรู้เกี่ยวกับผู้นำ สามารถคาดเดาความแข็งแกร่งของลูกน้องของเขาได้ บอกฉันว่าความสามารถของพวกเขาคืออะไร?”

“แต่ละคนมีพลังมากพอที่จะทำให้ทุกคนทำงานเข้ากันได้กับพวกเขารวมทั้งฉันด้วย ไม่ พวกเขาแข็งแกร่งกว่านั้น อัค…”

“แล้ว?”

“คนที่ฉันติดตามเรียกว่าโจ๊กเกอร์ นอกจากสามผู้นำนั้นเขามีความสามารถสูงสุด.”

“โจ๊กเกอร์เลเวล เท่าไร?”

“มากกว่า 600 แต่บางอย่างมันก็เกินกว่าเลเวล คลาส

….”

“ผู้นำทุกคนมีคลาสรอง.”

“ห๊ะ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเรื่องแบบนี้.

ถ้าคุณเป็นอเวคปกติ คุณจะมีคลาส

สำหรับผม ผมมีคลาสเป็นนักเวทย์ จุงโฮได้นักรบ.

แต่คลาสรอง?

“ถูกต้อง โจ๊กเกอร์เป็นอเวคที่มีสองคลาสที่แตกต่างกัน.”

‘หา, ใช่…. มีหลายกรณีแบบนี้?’หรือไม่ก็ผมคิดว่ามีบางอย่างน่าประหลาดใจ

“คลาสอะไร?”

คำพูดต่อไปทำให้ผมประหลาดใจน้อยมาก.

“โจ๊ก ครอบครองคลาสรอง เพรชฆาต”

“เพรชฆาต? มันเป็นคลาสที่เอาไว้ฆ่าคน?”

เพรชฆาต คือผู้ที่มีชีวิตตามคำสั่ง.

ผมจำเป็นต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับโจ๊กเกอร์เพิ่มเติม.

เขาพยักหน้าให้กับคำถามของผม ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น

ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือเขาต้องการตายเร็วขึ้น.

“บอกฉันอีก.”

“ความสามารถในการต่อสู้ของโจ๊กเกอร์ไม่ได้มีเพียงแค่การล่า แต่เป็นการสู้รบด้วย.”

ถ้าคุณรู้จักตัวเองดีและศัตรู สู้ 100 ชนะ 100 ข้อมูลที่จินให้ผมเป็นเรื่องสำคัญมาก.

ไม่ใช่แค่ไหน เขายังเผยกลยุทธ์อย่างไม่มีเงื่องำ

เนื่องจากโจ๊กเกอร์มีกำลังการสู้รบสูงที่สุดในหมู่พวกเขา ดังนั้นผมจึงมุ่งหน้าทำความสนใจเกี่ยวกับหัวข้อนี้ทั้งหมด.

“โจ๊กเกอร์มีคลาสรองเป็นเพรชฆาต มันอาจจะเรียกว่า พาสซิฟ(ติดตัว).”

“….”

“คนเกี่ยวที่ถูกโจ๊กเกอร์เลือกจะทำความเสียหายได้อย่างมาก ความชำนาญของเขาพิเศษสำหรับ 1-1 เพื่อจัดการศัตรู”

“เอาหล่ะ อีกสองคนก็มีคลาสรองเหมือนกัน.”

“ชะ… ใช่แล้ว”

“คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือโจ๊กเกอร์ แต่สิ่งที่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์! ความสามารถในการต่อสู้ของดวงอาทิตย์มีมากกว่าหรือไม่กับผู้นำ?”

“อย่างที่บอกก่อน ฉันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับดวงอาทิตย์

*.”

ผมไม่อาจพูดหรือถามเขาได้อีกต่อไป

เขายังคงพูดสิ่งเดียวซ้ำๆ

“ได้โปรดอย่ามากกว่านี้เลย ฆ่าฉัน…ได้โปรด ฆ่าฉันที.”

“….”

“ได้โปรด… ฆ่าฉัน.”

“เป็นข้อมูลที่ดีที่คุณได้ให้มา นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำได้เพื่อให้คุณจากไปด้วยความเครารพ.”

ผมเหวี่ยงบันชอนจินวอนไปที่คอของจิน.

หัวและลำตัวของเขาถูกแยกออกจากกันและเขาก็ตายทันที

หัวของเขากลิ้งไปมาและมีเลือดออกจากร่างกายของเขา.

บนนั้นผมก็ร่ายเวทย์ระเบิด

“ขยะเหล่านี้ไม่อาจนำกลับมาใช้ได้อีก.”

ด้วยสายตาที่เย็นชา ผมมองไปที่ซากศพของเขาที่หายไป

เวทย์ระเบิดเพลิงของผมถึงเลเวล 100 แล้ว

ผมต้องการลบตัวตนของเขาอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น

มันไม่ได้ใช่เวลานานมากแม้กระทั้งร่องรอยของศพ

แม้แต่ซากเถ้าก็ยังไม่เหลือ.

* * * *

ผมกลับมาบ้านเพื่อรวบรวมความคิด.

ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกหัวรุนแรงมากนัก

เพียงอย่างเดียวที่ผมต้องเตรียมสำหรับคนอย่างจินที่โจ๊กเกอร์สั่งให้มา

ตามที่จินบอกแค่เขาคนเดียวที่รู้ถึงความสามารถของผมคือโจ๊กเกอร์

ผู้นำอีกสองแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผมเลย.

เหตุผลก็คือตามมันต่อไป.

แม้ว่าผู้นำได้ต่อสู้และรักษากองกำลังของพวกเขาระหว่างกัน.

มันอาจจะเป็นอำนาจและศักดิ์ศรีเขาใหญ่ๆของพวกเขา

เมื่อทำอย่างนั้น พวกเขาต้องมีอำนาจที่อยู่ในมืออย่างเด็ดขาด.

เพราะสิ่งเดียวที่พวกเขาแสวงหาคืออำนาจ.

อย่างไรก็ตามทั้งสามผู้นำมีอำนาจเกือบเท่ากัน.

ผมได้รับแจ้งว่าโจ๊กเกอร์เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ความแตกต่างกันก็มีไม่มากนัก.

มีเพียงความแตกต่างเดียวระหว่างพวกเขา?

ลูกน้องและความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาวางไว้ที่โต๊ะ.

ด้วยเหตุนี้โจ๊กเกอร์จึงพยายามเข้าหาผม.

จินบอกว่าคลาสรองของโจ๊กเกรอ์คือเพรชฆาต ความสามารถเหล่านี้.

เป้าหมายของโจ๊กเกอร์ที่โดนเลือกจะมีเครื่องหมายปรากฏบนหน้าพวกเขา.

ถ้ามีคนโจมตีไปยังคงที่มีเครื่องหมายเหล่านั้นจะถูกโจมตีแรงเป็นสามเท่า.

อย่างไรก็ตาม มีแค่สกิลเฉพาะเท่านั้นที่จะโจมตีได้ผลและอาจมีเพียงเป้าหมายที่ถูกทำเครื่องหมายไว้.

ดังนั้นที่บอกมาก่อนหน้านี้ พาสซิฟ นี้มีไว้สำหรับ 1-1.

และคลาสหลักของเขาคือนักรบ ซึ่งมีการป้องกันที่เพิ่มขึ้นและโจมตี.

“เลเวลมากกว่า 600 สองคลาส และมีพาสซิฟทั้งสองคลาส.”

แน่นอน ผมสามารถใช้สกิลทั้งหมดได้ทุกคลาส และพาสซิฟของผมคือมานาไร้จำกัด.

ยังคงไม่ต้องสงสัย ฝ่ายตรงข้ามเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก.

เผชิญหน้ากับโจ๊กเกอร์ ดูเหมือนว่าผมต้องป้องกันมากกว่านี้.

เกราะลิซคิงและออร่าดาบไร้รูปลดความเสียหายได้ถึง 50% แต่มันก็ยังไม่ดีพอที่จะถูกโจมตีแรงเป็น 3 เท่า.

คำตอบเดียวที่ผมได้รับคือเติบโตขึ้น.

ด้วยกลยุทธ์การป้องกันและป้องกันโจมตีทั้งหมดของเขาด้วย.

เนื่องจากการดำรงอยู่ของผมไม่ได้ถูกรายงานไปยังบอสใหญ่ โจ๊กเกอร์ก็ไม่อาขเคลื่อนไหวได้.

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้โจ๊กเกอร์ส่งจินมาเฝ้าระวัง.

ผมคิดว่าความเย่อหยิ่งของโจ๊กเกอร์ในญานะผู้นำทำให้เขาไม่อาจเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง แต่ผมยืนยันว่านี่เป็นเหตุผลสำหรับจิน.

“สำหรับการฝึกซ้อม ฉันต้องทำเหมือนกับสปาตาร์.”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset