The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 15: ปราบมอนสเตอร์ (3)

ตอนที่ 15: ปราบมอนสเตอร์ (3)

 

ในสายตาของรัสเซลเลอร์และลาน่าแล้ว คังชอลอินเป็นดั่งแสงสว่างที่สาดส่องมาในช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดในชีวิต

 

เคราะห์กรรมที่ประชั้นชิดเข้ามาจากการรุกรานของพวกออร์ค

 

และราชันย์ที่มาปรากฏตัวในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย

 

ความแข็งแรงและการกระทำที่อาจหาญตอนเฉือนหัวออร์คได้ด้วยเพียงจังหวะเดียวจากบุรุษผู้นั่งอยู่บนหลังอาชาขาว สำหรับพ่อลูกคู่นี้ คังชอลอินเป็นผู้ช่วยชีวิตที่เป็นเหมือนดั่งเชือกสวรรค์ถูกส่งลงมาให้ขึ้นจากหลุมโลกันตร์

 

“โอ้ ราชันย์มาถึงแล้ว!”

 

รัสเซลเลอร์สามารถเอาชนะความกลัวได้ในที่สุด

 

ลาน่าก็เช่นเดียวกัน นางคิดว่าวันนี้จะต้องเป็นจุดจบชีวิตของนางเสียแล้ว

 

เสียงหายใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของออร์คเมื่อนางและพ่อล้มลงไปกับพื้นเพียงพอแล้วที่จะทำให้ความหวั่นกลัวซึมเข้าถึงกระดูก นางหมดซึ่งความหวังและตั้งใจยอมรับต่อชะตากรรม

 

แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น

 

‘โอ้ องค์ราชันย์!’

 

ขณะที่ชีวิตของนางกำลังถูกแขวนอยู่กับเส้นดายแห่งความตาย หัวใจของนางเต้นระรัวเมื่อได้เห็นคังชอลอินที่มาพร้อมกับอาชาขาว

 

‘องค์ราชันย์แห่งลาพิวต้า!’

 

ท่ามกลางสถานการณ์นองเลือด สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิได้พัดผ่านร่างของเด็กสาวคนหนึ่งในที่สุด มันเป็นสิ่งที่นางไม่เคยคิดฝันมาก่อน แต่ก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วว่าการได้รับความช่วยเหลือจากอัศวินบนอาชาขาวเป็นดั่งความฝันของหญิงสาวทุกนาง!

 

อย่างไรก็ตาม คังชอลอินไม่สนใจความรู้สึกที่ลาน่ากำลังเป็นอยู่เลยแม้แต่นิด

 

เขาไม่ได้คิดสนใจนางมาแต่แรก ทุกความสนใจของเขาอยู่ที่พวกออร์คที่กล้ามารุกรานชาวบ้านและพื้นที่การเกษตรของเขา

 

“พวกเจ้าสี่คน!”

 

เขาเรียกทหารกลุ่มหนึ่งที่ติดอาวุธด้วยโล่และหอก

 

“เคลื่อนย้ายพ่อลูกคู่นี้ไปยังที่ที่ปลอดภัยซะ!”

 

“ขอรับ!”

 

ทหารทั้งสี่นายที่ได้รับคำสั่งกระทันหันรีบพารัสเซลเลอร์และลาน่าออกจากเขตพื้นที่อันตรายอย่างรวดเร็ว

 

“เจมส์!”

 

“ขอรับ!”

 

“ส่งทหารสิบนายไปคุ้มกันชาวบ้านที่กำลังหลบหนี! ข้าจะจัดการที่เหลือตรงนี้เอง!”

 

“ต แต่นายท่านจะ…”

 

“เดี๋ยวนี้!”

 

“ขอรับ!”

 

เช่นนั้น เจมส์และทหารอีกสิบนายจึงพากันออกไปจากความวุ่นวายนองเลือดนี้

 

‘ส่งทหารออกไปดูแลชาวบ้าน 15 นายทำให้ตอนนี้ที่เหลืออยู่มีเพียง 35 นาย … เท่านี้ก็น่าจะพอ ข้าจะจบเรื่องทั้งหมดภายใน 10 นาทีให้พวกเจ้าได้เห็นเอง!’’

 

แม้คังชอลอินจะแบ่งกำลังพลออกไปจนทำให้ตอนนี้มีกำลังพลเหลือน้อยกว่าที่ควรแต่เขาก็ยังคงความสงบ

 

“คนที่ถือโล่ก้าวมาข้างหน้าแล้วจัดกระบวนป้องกันแนบชิด!”

 

คังชอลอินส่งเสียงคำรามและเริ่มนำทัพ

 

“คนที่ใช้ปืนคาบศิลามาอยู่ด้านหลังโล่!”

 

ทหารเคลื่อนตัวตามคำสั่งของคังชอลอินได้อย่างรวดเร็วและเตรียมพร้อมสำหรับรับคำสั่งต่อไป

 

กรือออ

 

กรือออ

 

พวกออร์คที่ตั้งใจออกมาล้างผลาญมนุษย์ส่งเสียงข่มขู่แยกเขี้ยวเมื่อรับรู้ได้ถึงสถานการณ์อันตราย

 

‘กล้าดีอย่างไร?!’

 

นัยน์ตาคังชอลอินเต็มไปด้วยความเดียดฉันท์และโทสะเมื่อเขามองดูสัตว์ประหลาด

 

สิ่งมีชีวิตสกปรกที่ไม่เคยแม้แต่จะอยู่ในสายตาเขามาก่อนแต่ตอนนี้กลับกำลังคุกคามพื้นที่และคนของเขา

 

สิ่งนี้ถือเป็นการดูหมิ่นจอมราชันย์คังชอลอินยิ่งนัก

 

“เฮ้อ”

 

คังชอลอินถอนหายใจขณะก้าวลงจากหลังม้า

 

แน่นอนว่าความเร็วและน้ำหนักในการออกแรงที่ได้จากม้าวิ่งนั้นทรงพลังจนทำให้เขาสามารถฆ่าออร์คได้ภายการลงดาบแค่เพียงครั้งเดียว

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับการสู้รบแบบนี้มันจะเป็นการดีกว่าหากได้ต่อสู้ด้วยการเดินเท้า และคังชอลอินเองก็ชอบการต่อสู้ด้วยการเดินเท้าของตัวเองมากกว่าการไปนั่งอยู่บนหลังม้า

 

“พลปืน ยิง!”

 

คังชอลอินออกคำสั่งทันทีหลังลงมาจากหลังม้าเพื่อเข้าร่วมกับกองทหารคุ้มกัน

 

ตู้ม! ตู้ม!

 

กระสุนดินปืนพุ่งใส่ออร์คจนทำให้เกิดควันหนาทึบ

 

“โล่! ตั้งค้างไว้เพื่อป้องกัน! หากพวกเจ้าพังทลายพวกเราจะตายกันหมด!”

 

คังชอลอินเป็นกังวลมากที่สุดกับทหารด้านหน้าแถวที่ต้องเผชิญหน้ากับออร์ค เพื่อให้ทหารปืนสามารถยิงได้อย่างปลอดภัย บทบาทของทหารแบกโล่จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

 

“หากเห็นโอกาสใช้หอกเมื่อไหร่จงใช้มันในทันที เล็งไปที่คอของพวกมันซะ!”

 

หอกของทหารเจาะทะลุคอออร์ค

 

‘ออร์คพวกนี้จัดการง่ายเสียจริง’

 

คังชอลอินกำลังจ้องมองพวกออร์คด้วยรอยยิ้มสบายใจที่ฉายอยู่บนใบหน้า

 

ออร์คเป็นสัตว์ประหลาดที่อันตราย

 

ด้วยสถานะปัจจุบันของคังชอลอิน มันค่อนข้างยากสำหรับเขาที่จะจัดการกับออร์คสองตัวพร้อมกัน และจะยิ่งเป็นการฝืนเกินกำลังเมื่อต้องสู้กับออร์คถึงสามตัว แต่เมื่อใดที่ต้องเผชิญหน้ากับออร์คสี่ตัวนั่นหมายถึงชีวิตของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย อย่างไรก็ตามนั่นเป็นในกรณีของการสู้แบบ 1: 1

 

แต่ในตอนนี้เขามีกำลังเป็นกองทัพ

 

ออร์คมีความแข็งแกร่ง แต่ชั้นเชิงเพียงอย่างเดียวของพวกมันคือการใช้ร่างกายขนาดใหญ่และการรวมกลุ่มเพื่อทำลายและทุบทุกอย่างที่ขวางหน้า ชั้นเชิงนี้อาจจะมีประสิทธิภาพในการต่อสู้แบบระยะประชิดตัว แต่หากเป็นการต่อสู้ที่มีการจัดตำแหน่งจะต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มนุษย์จะรู้วิธีการจัดแบบกลุ่มและนำสิ่งนั้นมาใช้เพื่อประโยชน์ของพวกเขาได้เป็นอย่างดี

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคังชอลอิน เจ้าแห่งสงครามกลยุทธ์!

 

ตู้ม! ตู้ม!

 

ทหารปืนคาบศิลาทั้งสิบนายออกอาวุธของตนออกไปอีกครั้ง

 

“เติมกระสุน!”

 

พื้นฐานของปืนคาบศิลาจะบรรจุกระสุนได้สองนัด เมื่อยิงออกไปแล้วมันจำเป็นต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อเติมดินปืนเข้าไปใหม่

 

“โล่! ออกแรงผลักให้มากกว่านี้! จงอดทน!”

 

คังชอลอินตะโกนสั่ง

 

หากจะมีอะไรที่ถือเป็นอันตรายสำหรับการต่อสู้นี้ … ก็คงจะเป็นในตอนนี้เสียละมัง

 

ช่วงเวลาที่อาวุธปืนหยุดชั่วขณะเพื่อเติมกระสุนดินปืน มันเป็นโอกาสอันดีที่พวกออร์คจะใช้เวลานี้เข้ามาโจมตี

 

และมันก็เป็นไปตามคำทำนายของคังชอลอินไม่มีผิด

 

กรออ!

 

เมื่อพวกออร์คตระหนักได้ว่าปืนจะหยุดการโจมตีไปชั่วขณะหนึ่ง มันได้ยกระดับความโหดเหี้ยมเพิ่มมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบกลับ พวกมันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความเฉลียวฉลาดไม่น้อย

 

“เตรียมตัวให้พร้อมและรั้งตัวเองไว้ให้มั่น! มันจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ!”

 

คังชอลอินเตือนทหารที่ถือโล่อยู่ด้านหน้า

 

ตู้ม!

 

เมื่อเสียงระเบิดจบลง โล่ของทหารและร่างของพวกออร์คก็ได้ปะทะเข้าหากัน ทหารเกิดการเอนเอียงไปมา น้ำหนักเฉลี่ยของออร์คจะอยู่ที่ประมาณ 120 กิโลกรัมซึ่งหนักกว่ามนุษย์มาก นอกจากนี้ยังมีความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อที่ดีอีก

 

‘อันตราย!’

 

เมื่อคังชอลอินได้เห็นถึงสิ่งนี้เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าต่อไปจะต้องเป็นคราวของเขา เขานั่งลงไปอย่างช่วยไม่ได้

 

หากโล่ด้านหน้าถูกทำลาย ทหารที่อยู่หลังโล่ก็จะถูกโจมตีโดยพวกออร์คในทันใด เพื่อที่จะเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้มันจำเป็นต้องมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง

 

“เฮ้อ”

 

คังชอลอินพ่นลมหายใจเสียงดัง

 

ใจของเขากำลังเต้นแรง

 

ตั้งแต่ส่วนบนของหัวไปจนถึงส่วนล่างของเท้า เขารู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อทั้งหมดของตัวเองกำลังกระชับตัว

 

ความหนาวสั่นลงทะลุไปถึงกระดูกสันหลัง

 

เป็นเพราะเขากำลังกลัวอยู่งั้นหรือ?

 

ไม่ใช่เลย

 

ร่างกายของคังชอลอินที่อยู่ห่างจากการต่อสู้กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

 

มันเป็นอารมณ์ในรูปแบบหนึ่ง

 

เช่นเดียวกับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาผาดโผน คังชอลอินชื่นชอบชีวิตที่ได้ต่อสู้และนำพาตัวเองไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งชีวิต มันเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองของดินแดนไม่ควรทำแต่เป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง เขามีจิตวิญญาณของนักรบโดยกำเนิดพร้อมกับหัวใจที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า เมื่ออยู่ท่ามกลางการต่อสู้เขาไม่สามารถควบคุมความเดือดพล่านในตัวได้เลยสักครา

 

‘มาทำอะไรที่สนุกยิ่งกว่านี้กันเถอะ’

 

คังชอลอินลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากหลังโล่เพื่อตรงเข้าหาพวกออร์คอย่างไม่เกรงกลัว

 

“อ่า!”

 

“องค์ราชันย์!”

 

ทหารสองนายส่งเสียงเรียกเมื่อได้เห็นการกระทำที่ไม่คาดคิดของเขา

 

“ไม่ต้องกังวล!” คังชอลอินตะโกน “อย่าเป็นกังวลและรักษาลำดับตำแหน่งเอาไว้!”

 

เมื่อเขาออกคำสั่งเสร็จ คังชอลอินก็เริ่มเหวี่ยงดาบกลืนโลหิตราวกับว่าเขากำลังถูกครอบงำด้วยพลังบางอย่าง

 

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

 

อาวุธหนาจากออร์คกำลังพุ่งเข้าหาเขาจากทุกทิศทาง เหมือนกับว่าเขาตั้งใจที่จะเดินตรงเข้าไปใจกลางของพวกออร์ค

 

‘แค่ต้องสร้างความวุ่นวายให้มากพอ’

 

คังชอลอินดูเป็นผู้นำที่น่าชื่นชมอย่างมากขณะที่เขาเดินเข้าไปในดงออร์คทั้งที่เป็นราชันย์แค่เพียงระดับหนึ่ง

 

เพราะเขารู้อะไรบางอย่าง

 

ออร์คมีขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่กว่ามนุษย์มากซึ่งหมายความว่ามันจะมีที่ว่างไม่เพียงพอให้ออร์คมากกว่าสามตัวเข้ามาโจมตีเขาในคราวเดียว แม้จะมีออร์คจำนวนมากเพียงใดก็จะไม่มีทางเกิดการโจมตีเกินสามครั้งในคราวเดียวได้ แม้ว่านี่จะเป็นการต่อสู้แบบ “เชิงทฤษฎี” ทั่วไป แต่หากให้พูดแบบง่าย ๆ การกระทำแบบนี้เปรียบเหมือนเกือบจะเป็นการฆ่าตัวตายไม่มีผิด

 

แต่คังชอลอินทำได้

 

การต่อสู้นับไม่ถ้วนและคัมภีร์ดาบที่เขาเคยอ่านยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ แม้ว่าสภาพร่างกายจะยังไม่สนับสนุนเขาโดยสมบูรณ์แต่ก็เพียงพอที่จะซื้อเวลาได้เล็กน้อย

 

ฟึ่บ!

 

ฟึ่บ!

 

ดาบกลืนโลหิตไม่ได้ทำอันตรายถึงตายเมื่อเจาะผ่านร่างของออร์ค คังชอลอินไม่ได้แสดงความกล้าหาญที่ดุร้ายหรือความโง่เขลา

 

เขาเผชิญหน้ากับอาวุธที่เข้ามาแต่ไม่ได้ต่อสู้อยู่บนพื้นฐานของความแข็งแกร่ง หากเขาต่อสู้จนเต็มกำลังเขาจะเสียเปรียบและอาจต้องข้ามหุบเขาแห่งความตาย ดังนั้นวิธีที่เขาเลือกใช้คือการหลอกว่าเขากำลังตอบโต้การโจมตีของออร์คในขณะที่ปล่อยให้พวกมันเคลื่อนตัวผ่าน มันเป็นทักษะที่สามารถทำได้โดยนักดาบที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและมีประสบการณ์เท่านั้น

 

“ห๊า?”

 

เหล่าทหารพากันประหลาดใจขณะมองดูการกระทำของคังชอลอิน

 

การที่ราชันย์ใช้ตัวเองไปสร้างความไขว้เขวในหมู่ออร์คด้วยการเสี่ยงชีวิตของตัวเอง เขาจะต้องเป็นคนกล้าแบบไหนกัน?

 

และมันจะเป็นไปไม่ได้ที่ทหารจะมีความรู้สึกอื่นนอกจาก…

 

“แก … ไอ้พวกออร์คสารเลว!”

 

ทหารที่หลงใหลในการกระทำของคังชอลอินตะโกนด้วยความเดือดดาล

 

และนั่นคือจุดเริ่มต้น

 

“กล้าดีอย่างไร?!”

 

“ข้าจะฆ่าพวกมันให้สิ้น!”

 

“บัดซบ พวกมันจะต้องตาย ตายเท่านั้น!”

 

ขณะที่ทหารปืนคาบศิลากำลังเติมดินปืนอัดกระสุน ทหารโล่ก็เริ่มใช้พลังต่อสู้อันยิ่งใหญ่และออกแรงผลักพวกออร์คกลับ พวกเขามีกำลังใจในการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นมาก อาจเป็นเพราะคังชอลอินที่ใจกล้าเข้าไปสร้างความโกลาหลในหมู่ออร์ค

 

“เสร็จ!”

 

ในที่สุดการเติมดินปืนก็สิ้นสุด

 

“ยิงได้!”

 

คังชอลอินคำราม

 

เขายังคงอยู่ในใจกลางของออร์ค มันมีโอกาสที่เขาจะโดนการโจมตีจากกระสุนไปด้วย

 

“ตะ แต่ว่า…!”

 

“บอกให้ยิง!”

 

คังชอลอินตะโกนสั่งอีกครั้ง ทหารปืนคาบศิลาลังเลชั่วครู่ จากนั้นก็เล็งตำแหน่งการยิงไปที่ออร์คและลั่นไก

 

ตู้ม! ตู้ม!

 

ทหารปืนทั้งสิบระดมยิงปืนคาบศิลาใส่พวกออร์ค

 

‘ก้มตัว!’

 

ก่อนที่ทหารจะทำการยิง เขาได้ทรุดตัวลงกับพื้นไปอย่างรวดเร็ว

 

“เอ๊ย … !!”

 

ออร์คสามถึงสี่ตัวถูกยิงจนล้มลงไปกับพื้น บางร่างของออร์คบางตัวที่ล้มลงมีหอกเสียบคาอยู่

 

หอกแหลมพุ่งทะลุคอของพวกมัน

 

“ออกแรกผลักต่อไป! อย่าให้พวกมันได้มีโอกาสคิดหาวิธีโต้กลับ!”

 

คังชอลอินเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังที่ ๆ ปลอดภัยทันทีพร้อมตะโกนเพื่อสนับสนุนกองทหารของเขา

 

และมันก็เป็นไปเช่นนั่น

 

เหล่าทหารที่เป็นกังวลจนอยากยอมแพ้เริ่มต่อสู้กลับและออกแรงผลักพวกออร์คต่อไปพร้อมกับการจัดลำดับตำแหน่ง พวกเขาปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อพิสูจน์ว่ามันไม่มีอะไรดีไปกว่าการฝึกฝน

 

‘มันจบแล้ว’

 

คังชอลอินฉายรอยยิ้มเมื่อตระหนักได้ว่าทหารของเขาออกแรงสู้รบกันได้เป็นอย่างดี

 

ณ ช่วงเวลานี้ เกิดการล้มตายร่วงหล่นจนทั่วอาณาบริเวณ สิ่งที่ทหารทำคือการเคลื่อนไหวตัวเหมือนเครื่องจักรเพื่อกำจัดออร์คลงทีละตัว ๆ จนมีออร์คล้มตายไปเป็นสิบ แม้จะยังมีออร์คเหลืออยู่แต่ผลของการต่อสู้ในครั้งนี้พวกเขาได้รับชัยชนะมาครอบครองแล้ว

 

“ป เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

 

ผู้บัญชาการเจมส์ที่ตั้งใจกลับเข้ามาร่วมทัพกับคังชอลอินหลังเคลื่อนย้ายชาวเมืองลาพิวต้าเรียบร้อยตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น เขาไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาได้

 

ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

 

ตอนนี้ไม่มีออร์คที่ยังมีชีวิตอยู่เหลือแม้แต่ตัวเดียว พวกมันทั้ง 20 ตัวถูกพบเป็นศพบนที่ราบจนเกลื่อนกลาด

 

เมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันยิ่งน่าตกใจเมื่อหันไปมองกองกำลังทหาร

 

มีทหารบางคนที่ได้รับรอยถลอกเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงขั้นเสียชีวิต

 

“หากพวกเจ้าทำตามคำสั่งของข้า ข้าให้สัญญาว่าจะไม่มีใครต้องมาสละชีพ! จงเชื่อมั่นในตัวข้า! วางใจในตัวข้า! และอย่าได้สงสัยถึงชัยชนะของพวกเรา!”

 

ผู้บัญชาการเจมส์จดจำสิ่งที่ราชันย์ของเขาพูดไว้ก่อนเกิดการสู้รบ

 

และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ไม่มีใครต้องตายแม้แต่คนเดียว!

 

มันค่อนข้างยากสำหรับเจมส์ที่จะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาสงสัยว่าจะเป็นไปได้จริงหรือ การปราบปรามออร์คทั้ง 20 ตัวด้วยทหารเพียง 35 นายโดยไม่มีใครต้องสละชีวิตได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นไปได้จริง ๆ!

 

“เจ้าอพยพชาวบ้านไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้วใช่ไหม?”

 

เจมส์ได้ยินเสียงคำถามดังจากคังชอลอินในขณะที่เขากำลังประหลาดใจและชื่นชมราชันย์ของตัวเอง

 

“ขอรับ องค์ราชันย์!”

 

เจมส์รีบหันไปทางเสียงที่ดังขึ้นมาแล้วตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

 

ตรงนั้น ที่ ๆ คังชอลอินกำลังอยู่

 

เขากำลังนั่งเอนหลังอยู่บนที่นอนฟางพร้อมจิบเบียร์เหมือนทหารเดินเท้าคนอื่น ๆ

.

.

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset