Chapter 20 กิลด์โนเบลส
ดังเช่นปกติ ผมเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยการล่าหลังเลิกเรียน.
ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างล่ะก็ ก็คงเป็นมีแม่ต้อนรับอย่างอบอุ่นตอนกลับถึงบ้านล่ะมั้ง?
ด้วยเงินทั้งหมดที่ผมเก็บมาจนถึงตอนนี้ ผมจึงหาบ้านที่จะอยู่ใหม่.
ในที่สุดผมก็ออกจากบ้านที่ดูเหมือนว่าจะพังลงในไม่ช้านี้ได้ซักที.
สำหรับตอนนี้ พวกเราอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ แต่มันไม่ใช่สถานที่ที่จะอยู่อาศัยในระยะยาว.
มันเป็นเพียงก้าวแรกของ ‘ความสุข’ ที่ผมต้องการเป็นอย่างมาก.
ผมนัดจองโฮใกล้ๆเช้ามืดหลังล่าเส็จ.
มันเป็นมื้อที่ง่ายๆและก็เพื่อถามเกี่ยวกับสกิลที่เหมาะๆ.
ผมสามารถได้รับข้อมูลบนแอพสารานุกรมสกิล แต่ผมถามเพื่อที่จะรู้เกี่ยวกับอัตราส่วนราคาต่อผลของสกิล.
“รุ่นพี่ ในสกิลของจอมเวทย์ทั้งหมด อันไหนเจ๋งสุดหรอ?”
“สกิลที่เวลของนายสามารถใช้ได้ในตอนนี้หรอ?”
“ไม่ สกิลทั้งหมดเลย.”
“‘แดนเยือกแข็ง’, ‘อุกกาบาตถล่ม’, และก็ ‘ลาวาทะลัก’ นี้คือเวทย์แรงค์สูงๆเท่าที่ฉันคิดอะนะ?”
ผมรู้มาจากสารานุกรมว่า 3 คาถาที่จองโฮบอกทั้งหมดคือแรงค์ A+ .
“ส่วนใหญ่เขาชอบใช้กันหรอ?”
“แรงค์เกอร์จอมเวทย์ชอบใช้กันเป็นส่วนใหญ่ แต่ราคาของมันมหาศาลมาก. ทำไมหรอ นายมีแผนที่จะซื้อ?”
“ราคาเท่าไหร่ล่ะ?”
“ในสามสกิลนั้น ถูกสุดคือ ‘ลาวาทะลัก’ ราคาก็ตกที่ประมาณ 15 พันล้านวอนละมั้ง?”
’15 พันล้าน? ทำไมรุ่นพี่ชอบเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เขาพูดเรื่องเงิน!’ แต่เขาไม่ใช่คนที่จะโกหก ผมจึงถามต่อ.
“ถ้าเกิดรุ่นพี่เป็นจอมเวทย์ แล้วมีเงินประมาณ 2 พันล้านวอน. รุ่นพี่จะเลือกเรียนสกิลอะไรล่ะ?”
“2 พันล้าน… นายสามารถเรียนสกิลแรงค์ B ได้. อย่างเช่น…..”
สกิลดาบทะลวงแรงค์ B ราคา 120 ล้านวอน แต่การได้เห็นสกิลแรงค์ B เหมือนกันของจอมเวทย์ราคา 2 พันล้านวอน ทำให้ผมรู้ซึ้งเลยว่ามีความแตกต่างมหาศาลระหว่างคลาส.
ขณะผมกำลังคิด จองโฮก็พูดต่อ.
“ถ้านายเป็นเหมือนฉัน ฉันจะทำเป็นว่าเสียสติและเรียน ‘กราวิตี้เลเซอร์’!
ไม่แม้แต่จะรอเขาพูดจบ ผมค้นหาสารานุกรมสำหรับสกิล.
มันเป็นสกิลซึ่งโจมตรีสิ่งต่างๆอย่างต่อเนื่องภายในระยะ 1~100 เมตร จนกว่าศัตรูจะตาย. *มโนกันเองเลยคับ
มันเป็นสกิลที่เพิ่มค่ามานาตามปัจจัยระยะและตามระยะเวลาเนื่องจากเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง. อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นสกิลยื่นร่าย มันจึงไม่มีคูลดาวน์แต่เป็นแบบ เปิด/ปิด แทน. *รอแก้
‘โอ้โห้? โคตรเหมาะเลยไม่ใช่หรอ? แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมผิดหวังคือมันไม่สามารถเลือกเป้าหมายของมันได้เหมือนที่ดาบทะลวงทำ.’
“มันเป็นสกิลแรงค์ A แต่เนื่องจากความจริงที่ว่ามันเป็นสกิลโจมตรีซึ่งสร้างความเสียหายตลอดเวลาและค่ามานาจำนวนมหาศาลที่สกิลใช้ แต่นั้นมันก็นอกจากว่านายเป็นอเวคท็อปแรงค์ ส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยสนใจมัน นายเห็นมั้ย? นั้นคือเหตุที่ว่าทำไมมันถึงมีราคาเท่า B และรุ่นพี่คนนี้ก็เคยเป็นผู้จัดการและก็ได้รับสกิลที่ไม่มีใครใช้นี้มา แม้กระทั้งพยายามอเวคสกิล นั้นมันก็สมัยอดีตอ่ะนะ.”
ก่อนที่เขาจะพูดโม้ ผมตัดประโยคด้วยการถาม.
“มันมีขายที่ตลาด ใช่ป่ะ?”
“นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า? นายเคยเห็นตลาดที่มีอยู่เกลื่อนๆขายของ 2 พันล้านวอนหรอ?”
“ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่พวกเขาก็ขายของราคา 120 ล้านนิ. งั้นผมสามารถหามันได้ที่ไหนล่ะ?”
“นายต้องไปที่สมาคม!”
“อ้า… สมาคมทำให้ผมปวดหัว.”
มีข้อความเด้งขึ้นขณะผมกำลังวุ่นอยู่กับสกิลที่จะเรียน.
-เรียกร่วมพลฉุกเฉิน-
สวัสดีสมาชิกกิลด์ ‘โนเบลส’.
วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม ค.ศ 2015 เนื่องจากสถานการณ์ไม่ยุติระหว่างกิลด์กับกิลด์กับกิลด์ ‘เอ็มไพร์’ และในเวลา 18:00 น. จะมีการประลองระหว่างกิลด์เกิดขึ้น. สมาชิกทุกคนโปรดเข้าร่วม.
หัวหน้ากิลด์ปาร์คฮยอนจะเตรียมสิ่งชดเชยไว้ให้.
“อะไรกัน แม่งเอ้ย!”
“ข้อความอะไรกันที่ทำให้นายพูดอย่างนั้น?”
“มันเป็นแฟชั่นของรุ่นพี่. ผมไม่สามารถทนมองมันได้.”
“การเลือกชุดของรุ่นพี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ว่าอะไรก็ตามที่ฉันใส่มันจะกลายเป็นที่นิยม ฉันไม่สามารถที่จะทำเรื่องยุ่งยากเพื่อทิ้งความตั้งใจนี้ได้.”
“พึฟ! ผมล้อเล่น. ที่จริงมันเป็นข้อความเรียกตัวจากกิลด์.”
“อะไรนะ นายมีกิลด์? แต่นายดูเหมือนเป็นคนประเภทที่ว่าไม่สามารถเข้ากับคนอื่นได้ไม่ใช่หรอ?”
“รุ่นพี่ คุณอยากโดนผ่าครึ่งอย่างซัคคิวบัส?”
“อะแฮ่ม… ฉันล้อเล่นไม่ได้หรอ? ดีล่ะ! พวกเราก็อยู่ในหัวข้อซัคคิวบัสกันแล้ว. ทักษะติดตัวชนิดไหนที่นายใช้จัดการพวกมันอ่ะ?”
“คูลดาวน์สำหรับการฟื้นมานาของผมโคตรไวมาก.”
“…… กระทั้งสามารถรัวดาบทะลวงได้สบายๆ? จอมเวทย์ทำอย่างนั้นได้หรอ? มินชอล ฉันอยู่ท่ามกลางวงการนี้มา 9 ปี. นายคิดว่านายกำลังพยายามหลอกใครอยู่หรอ!?”
“ผมจะบอกคุณทีหลัง. รุนพี่ ผมไม่ได้ไว้ใจคนอื่นมาก. ผมกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาความเชื่อใจสำหรับคุณอยู่. ทีหลัง! เข้าใจนะ? ไหนเราก็มาอยู่หัวข้อนี้แล้ว รุ่นพี่ คุณอยากเป็นผู้จัดการให้ผมมั้ย?”
“เฮ้ นาย! รุ่นพี่เกิดเป็นชาย! และที่สำคัญฉันก็อเวคด้วย! นายก็รู้ฉันก็มีความฝันเป็นของตัวเอง!”
จองโฮเงยหน้ามองและพูดติดตลก.
“เอาล่ะ ในฐานะรุ่นพี่ อย่างน้อยฉันก็ให้คำแนะนำนายได้อ่ะนะ.”
“ถ้านายต้องการอ่ะนะ.”
“พวกเราก็รู้จักกันมามากกว่า 2 สัปดาห์แล้ว แต่ฉันยังไม่รู้เลเวลของนายเลย บอกฉันหน่อยได้มั้ย?”
“79. ผมเพิ่งเวลอัพเมื่อวาน.”
“ฉันก็คิดว่านายอยู่ราวๆนั้นแหละ เมื่อตอนฉันเห็นนายสู้กับซัคคิวบัส. แต่ดูเหมื่อนนายเพิ่งอเวคนิ หือ?
‘ตอนนั้นผมเวล 61. อเวค 2 เดือนที่แล้ว…..’
มันเป็นสิ่งที่เขาไม่จำเป็นต้องรู้ ดังนั้นผมจึงเก็บไว้เป็นความลับ.
“แน่นอน. อ้า ผมไม่อยากไปเลย. เวลาล้ำค่าที่ผมรู้สึกว่ามันสูญเสียแม้ว่าจะเป็นเวลาล่าก็ตาม! พวกเขาไม่ได้เรียกผมมาครั้งนึงล่ะ แต่ขณะนี้ผมพยายามเรียนรู้สกิลอยู่ ดูพวกเขามาเรียกผมสิ.”
“นายอยู่กิลด์ไหนหรอ?”
“โนเบลส.”
“โนเบลส?”
“ใช่. คุณรู้อะไรหรอ?”
เมื่อจองโฮได้ยินชื่อ ‘โนเบลส’, ใบหน้าของเขาดูไม่สบายใจ.
“… นายเข้าร่วมกิลด์นานเท่าไหร่ล่ะ?”
“หนึ่งเดือน? เดือนกว่าๆ.”
“มีสิ่งผิดปกติมั้ยตอนนายเข้าร่วม?”
“ผมเช็คกระดาษสัญญาและบันทึกทุกอย่างไว้ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรผิดปกติ? ทำไมคุณถึงถามอย่างนั้นล่ะ?”
“มันอาจจะเป็นเพราะรุ่นพี่ทำงานในวงการนี้มานาน แต่เมื่อไม่นานมานี้รุ่นพี่ได้ยินข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับกิลด์นั้น.”
‘ข่าวลือก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือ! ผมจะไม่เชื่อข้อมูลคลุมเครือใดๆทั้งสิ้น’ นี้คือในความคิดของผม แต่ผมก็ตัดสินใจฟังจองโฮไว้. ข้อตกลงที่ผมยอมรับไป มันไม่เมคเซ้นเอาซะเลย และมันก็ไม่เลวร้ายที่จะเตรียมตัวเผื่อกรณีนั้น.
“ข่าวลืออะไรอ่ะ?”
“ฉันก็ไม่ได้รู้รายละเอียดมาก แต่ฉันได้ยินมาว่าสมาชิกกิลด์โนเบลสค่อนข้างมากเป็นพวกหัวรุนแรง. มันก็ไม่ได้ แต่ก็รู้ๆไว้ละกัน.”
“เอาล่ะ… สำหรับตอนนี้ ผมจะเตือนตัวเองไว้.”
* * *
“กิลด์โนเบลส 542 คนสำรอง 1. เนื่องจากสภาพแวดล้อมภายนอก 1 คนจึงไม่สามารถมาได้.”
“กิลด์เอ็มไพร์ 740 คน ไม่มีคนขาดt. ครบ.”
ตอน 6 โมงเย็น ‘สมาคมอเวคเขตซอโช’ มีคำสั่งให้สมาชิกกิลมารวมกัน.
สาเหตุเกิดจากความโกรธในขณะการล่า และเนื่องจากหัวหน้ากิลด์ของทั้งสองกิลด์ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเจรจา พวกเขาจึงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการต่อสู้ระหว่างกิลด์.
สมาชิกจากกิลด์ ‘โนเบลส’ และ ‘เอ็มไพร์’ ในรูปแบบปาร์ตี้ได้เข้าไปในดันเจี้ยนระดับ 21 แต่หนึ่งในพวกเขาได้ขโมยของดรอปไป.
กิลด์โนเบลสมีปากเสียงเล็กๆและข้อขัดแย้งกับกิลด์เอ็มไพร์ตลอดเวลา แต่เนื่องจากว่าพวกเขากำลังล่าในตอนช่วงก่อนเช้ามืด จึงมีคนไม่พอที่จะรวมกลุ่ม. ดังนั้นพวกเข้าจึงรวมกันเป็นปาร์ตี้ทั้งๆที่เกลียดกัน และเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้น.
‘ถ้าคุณไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยคำพูด งั้นก็ต้องใช้กำลัง…’ นี้คือวิธีแก้ปัญหาที่รัฐบาลคิดขึ้นมา.
ใช้การแข่งขันยกระดับความแข็งแกร่งของอเวค.
มันไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างกิลด์ แต่กลับกันก็ใช้มันเพื่อการแข่งขัน และชัยชนะ มันก็จะเป็นการผลักดันการเติบโต.
มันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนจึงต้องการเข้าร่วมกับกิลด์ใหญ่และมีอำนาจมาก.
ในสุดท้าย พลังก็เป็นสิ่งตัดสินถูกผิด และกิลด์ที่แพ้ก็ต้องยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขของผู้ชนะ.
ในกรณีนี้ มันจะต้องเป็นเงินรางวัลที่มีค่าหลายเท่าของของดรอปของดันเจี้ยนระดับ 21.
มันไม่ใช่เรื่องสำหรับรัฐบาลหรือการเมือง. ผมมองไปที่หัวหน้ากิลด์ของพวกเรา ปาร์คฮยอน.
มันไม่ได้เนื่องจากว่าผมระวังตัวกับสิ่งที่จองโฮพูดเมื่อเช้านี้ตรึงอยู่ในใจของผม.
ด้านหลังปาร์คฮยอน ผมเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย.
รุ่นพี่ซางมิน, รุ่นพี่อินอา, รุ่นพี่จองฮยอน, ลุงชางฮยอค…..
“โอ้โห้. มีข้าวกล่องของฉันด้วย? เฮ้!” * bento ผมรู้ว่าสืออย่างไง
แจฮยอคกะพริบตามาที่ผม.
“…..”
ปราศจากอาการใดๆ ผมจ้องไปที่พื้น.
“ลูกแมวน้อย. พวกเราไปต่อกันหลังจากนี้กันมั้ย? หือ?”
“ตอนนี้พวกเรากำลังจะเริ่มการแข่งขัน. การแข่งระหว่างจำนวนสมาชิกซึ่งน้อยกว่า 5% ของสมาชิกในกิลด์ทั้งหมด ผู้ที่เข้าร่วมจะประกอบด้วย 27 คน. สถานที่จะเป็นข้างใต้ของจุดที่อยู่นี้. ถ้าอเวคไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้ ผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่จะตัดสินว่าไม่สามารถสู้ต่อได้และส่งคุณออกจากการต่อสู้. หัวหน้ากิลด์ โปรดบอกให้พวกเรารู้ด้วยเมื่อพวกคุณพร้อม.”
การประลองกิลด์เป็นการสนับสนุนการเติบโตของอเวคสำหรับพอร์ทัลระเบิดหรือการทำสงคราม ดังนั้นจึงมีการหลีกเลี่ยงการสูญเสียไม่ว่ายังไงก็ตาม.
นั้นเป็นเหตุที่ว่าทำไมเมื่อการประลองกิลด์เกิดขึ้น ฮีลเลอร์แรงค์สูงๆของสมาคมจึงถูกส่งมาเพื่อนำนักสู้ที่สาหัสออกมาและรักษาพวกเขาในทันที.
‘มันก็ไม่ได้แย่นักที่จะมาดูสกิลและก็วิธีที่พวกเขาใช้สกิล.’
ดังนี้นนี่จึงเป็นการเห็นสงครามกิลด์ครั้งแรกของผม.