ตอนที่ 3: การกลับมา (1)
คิมมินชอล ประธานบริษัทธุรกิจบันเทิงแห่งหนึ่งยังคงทำตัวเฉกเช่นทุก ๆ วันซึ่งคือการนำความเครียดของตัวเองไปลงกับเหล่าลูกน้องในบริษัท เขาเป็นเจ้านายที่เป็นเหมือน “กึ่ง ๆ อันธพาล” ที่ไม่ใช่อันธพาลแบบเต็มตัวแต่ก็ไม่ใช่พลเมืองธรรมดาแบบทั่ว ๆ ไป เขามักจะเรียกหาเพื่อนร่วมงานคนอื่นอยู่บ่อย ๆ เพื่อกลั่นแกล้งและกวนประสาท บางครั้งก็แกล้งเด็กฝึกงานที่เพิ่งจะอายุเพียง 20 ปีโดยการดูถูกและคุกคามและบางครั้งก็ถึงขั้นแอบคุกคามทางเพศกับพนักงานผู้หญิง
หลาย ๆ คนคงตั้งคำถามว่าทำไมถึงยังมีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นอยู่อีกในเมื่อการล่วงละเมิดทางเพศได้ถูกจัดเป็นอาชญากรรมร้ายแรงอย่างหนึ่ง สืบเนื่องจากในปี 2020 ทางเกาหลีใต้ประสบปัญหาการว่างงานสูงเป็นประวัติการณ์อันเนื่องมาจากภาวะถดถอยระยะยาว จากมุมมองของคนทำงาน พวกเขาต้องจำยอมและอดทนต่อการโดนคุกคามเพราะไม่ต้องการเสียงานประจำไป
คิมมินชอลเป็นคนที่ฉลาดแกมโกงและเล่ห์เหลี่ยมจัดในการจะก่อเหตุคุกคามใด ๆ สิ่งที่เขาทำมันจะคลุมเครืออย่างมากจนไม่อาจกล่าวหาอย่างเป็นทางการได้ จนทุกวันนี้เขาได้เลื่อนขั้นไปเป็นมืออาชีพทางการคุมคามแบบเต็มตัว
และเป้าหมายของคิมมินชอลในวันนี้ก็คือพนักงานฝึกงานที่ทำงานที่นี่มาแล้ว 10 เดือน
พนักงานฝึกงานที่น่าสงสารที่ทางบริษัทยังไม่รับประกันตำแหน่งทำงานให้ต้องอดทนต่อการกระทำของคิมมินชอลที่พยายามหาข้อผิดพลาดจากงานที่เขาทำ ทุก ๆ ครั้งเขาต้องยกความอดทนทั้งหมดที่มีเพื่อข่มอารมณ์ตัวเองและรอให้อารมณ์ของคิมมินชอลดีขึ้น
ตัวเลือกในการยอมทนของเขาเป็นที่เข้าใจได้ในทั่วไป เขาใช้เวลาเกือบหนึ่งปีไปกับการฝึกงานที่บริษัทแห่งนี้จึงยอมทนทุกอย่างเพราะไม่สามารถปล่อยให้เวลาที่ผ่านมาจบสิ้นไปอย่างเสียเปล่าได้
“คนแบบนายจะไปเป็นพนักงานประจำได้ยังไงถ้ายังทำงานแบบนี้น่ะห๊ะ? นายมีเวลาฝึกงานเหลืออีกเท่าไหร่? 1 หรือ 2 เดือนเท่านั้นใช่ไหม? ไม่อยากเข้ามาเป็นพนักงานประจำใช่ไหมหรือยังไง?”
ความพิเศษของคิมมินชอลคือการจัดการกับลูกน้องด้วยจุดอ่อนที่พวกเขามีได้อย่างตรงจุด
หากเป็นคนที่ต้องรอพินิจเพื่อให้ผ่านช่วงทดลองงานก็จะถูกคุกคามโดยอ้างถึงเรื่องสูญเสียช่วงทดลองงานตลอดที่ผ่านมา ผู้ที่โดนถอดจากการทำงานไปแล้วจะถูกคุกคามโดยอ้างว่าจะไม่ได้รับเงินค่าสนับสนุนดูแล ส่วนผู้ที่ทำงานเป็นพนักงานประจำอยู่จะถูกอ้างโดยการสูญเสียหน้าที่การงานไป
“นายกำลังทำให้มันยุ่งยากถ้ายังทำแบบนี้อยู่รู้ตัวไหม! มีคนอีกตั้งเยอะแยะที่สามารถทำงานแบบนี้ได้ดีกว่านาย! … ถ้าฉันสมัครเข้ามาเป็นพนักงานตอนนี้คงมีบริษัทตอบรับอย่างน้อย ๆ ก็ 50 ที่ได้ นายก็รู้ใช่ไหม?”
คิมมินชอลส่งยิ้มน่ารังเกียจขณะข่มขู่พนักงานที่น่าสงสารในขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ แสร้งทำเป็นยุ่งอยู่กับงานของตัวเองด้วยเพราะความกลัวว่าคิมมินชอลจะหันมาเล่นงานพวกเขาเป็นรายต่อไป
หากพวกเขาทำพลาดอะไรไปแม้แต่นิดเดียววันนั้นมันอาจกลายเป็นวันนรกสำหรับพวกเขาก็เป็นได้
“ฉันเลือกนายเข้ามาแม้นายจะมีเกรดเฉลี่ยที่ต่ำเพราะฉันรู้สึกแย่แทนนายกับเรื่องพวกนั้น”
แต่ก่อนที่คิมมินชอลจะเริ่มการคุมคามต่อก็เป็นอันต้องหยุดไปเพราะคำพูดไม่คาดคิดที่ออกมาจากปากของพนักงานทดลองงาน
“โง่เง่า, โง่เขลา, โง่บรม…”
คัมชอลอิน พนักงานทดลองงาน 10 เดือนยิ้มเยาะขณะพึมพำ
ทันใดนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งชั้น
“เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?”
“ฉันได้ยินผิดไปใช่ไหมเนี๊ย?”
พนักงานหญิงสองคนที่ได้ยินคำพูดนั้นหันหน้าเข้าหากันเพื่อซุบซิบนินทา
“วะ…ว่าไงนะ? เห้ย คังชอลอิน! เมื่อกี้แกพูดว่าอะไร? โง่เง่า โง่เขลางั้นหรอ? อยากตกงานนักหรือไง?!”
คิมมินชอลคำราม เลือดไหลเวียนขึ้นใบหน้าและลำคอเพื่อแสดงว่าตอนนี้เขากำลังโกรธจัดมากเพียงใด
“โอ้?”
คังชอลอินดูประหลาดใจที่เห็นคิมมินชอลกำลังโกรธจัดแบบนี้ราวกับว่าเขาเพิ่งสังเกตเห็นได้
“โอ้? ไอ้เวรนี่ เมื่อกี้พูดว่า…?”
“หุบปากสักที! … อ๊าก หัวฉัน”
คังชอลอินกุมมือไว้ที่ศีรษะด้วยความเจ็บปวดก่อนจะออกจากออฟฟิศไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองคิมมินชอลที่กำลังโวยวายอยู่เลยแม้แต่น้อย
“อะ อะไรกัน? ไอ้เวรนั่นมันเป็นอะไร!!!?”
เสียงของคิมมินชอลดังก้องภายในออฟฟิศที่คังชอลอินเดินออกไป พนักงานคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันและกันด้วยความกังวล
คังชอลอินที่ออกจากออฟฟิศกำลังมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำ
“โอ๊ย!”
เขาเกิดอาการปวดหัวขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงราวกับมีใครบางคนกำลังใช้ขวานเจาะศรีษะเขาซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด เขาเหมือนจะมีอาการอาเจียนร่วมด้วยจึงรีบไปที่อ่างล้างหน้าและเปิดก๊อกน้ำ
คังชอลอินพยายามใช้น้ำเย็นสาดหน้าตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวด เมื่อน้ำที่เย็นพอ ๆ กับก้อนน้ำแข็งเริ่มไหลออกจากก๊อกคังชอลอินก็เลื่อนใบหน้าของเขาลงไปใกล้อ่าง
“โอ๊ย!”
เขาส่งเสียงครวญครางอีกครั้ง สัมผัสความเย็นเมื่อสักครู่ชวนให้เขารู้สึกเหมือนใบหน้าจะแตกแยกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่เขาไม่สนใจความรู้สึกนั้นและยังคงทำต่อไปเพื่อให้อาการปวดบรรเทา
ความเจ็บปวดของเขาเริ่มลดลงหลังผ่านไปสิบนาที แต่นั่นยังไม่ใช่จุดจบ
อาการคลื่นไส้ที่กำลังปั่นป่วนอยู่ภายในกำลังจะระเบิดออกมา คังชอลอินรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ หยั่งมือไว้บนผนังทั้งสองด้านจากนั้นทุกอย่างก็ระเบิดออก
เขาอาเจียนแบบนั้นอีกครั้งและอีกครัง
และเมื่อไม่มีอาหารอะไรให้ต้องเอาออกอีกต่อไปสิ่งที่ออกมาก็คือน้ำกรดในกระเพาะอาหารที่แสนขม
เขาทุรนทุรายอยู่ในห้องน้ำนานร่วมชั่วโมงจนในที่สุดก็กลับมายืนได้อีกครั้ง
“เห้อ”
เมื่อคังชอลอินถอนหายใจและมองเข้าไปในกระจก ใบหน้าของชายหนุ่มวัย 28 ปีที่กำลังซีดจาง
เป็นใบหน้าเดียวกันกับเมื่อ 10 ปีก่อนที่เคยเกิดขึ้น
คังชอลอินฉายรอยยิ้มบิดเบี้ยวขึ้นบนใบหน้า จะไม่มีพนักงานทดลองงานน่าสงสารที่ต้องทุกข์ทนต่อการโดนคุกคามอีกต่อไป
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือ “จอมราชันย์นักล่า” ผู้เป็นใหญ่เท่านั้น
คังชอลอิน ผู้หมายจะครอบครองแพนเจียทั้งทวีปที่ทำให้ศัตรูต้องหวาดกลัวและยำเกรง
“เวลานี้เองสินะ”
ใบหน้าของคังชอลอินเต็มไปด้วยความพอใจขณะที่เขาตรวจสอบวันที่บนสมาร์ทโฟน
วันนี้คือวันที่ 6 เดือนพศจิกายน ปี 2020 สองเดือนก่อนการอัญเชิญครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น เขาได้ย้อนเวลากลับมายังในอดีต
ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ว่าเขาย้อนกลับมายังอดีตซะทีเดียว
เรียกว่าเป็นการสำรองวิญญาณจะถูกเสียกว่า
การสำรองวิญญาณเป็นทักษะหนึ่งที่เมื่อเขาตายเขาจะสามารถโอนความทรงจำที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกลับสู่อดีตได้ เป็นเอกสิทธิ์พิเศษสำหรับเขาในฐานะจอมราชันย์
การ “ฟื้นคืนชีพ” ผ่านการสำรองวิญญาณทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงช่วงเวลา “ขัดแย้ง” และได้รับโอกาสในการเปลี่ยนแปลงอนาคต
‘จากนี้ไปเราต้องระวังตัวทุกฝีก้าว จะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองอีกต่อไป ถ้าเราตาย ทุกอย่างคือจบ’
คังชอลอินย้ำเตือนตัวเองซ้ำ ๆ
การสำรองวิญญาณเป็นทักษะที่สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากเป็นความสามารถที่ใช้ได้มากกว่าหนึ่งครั้งนั่นจะไม่ใช่การสำรองวิญญาณแต่เป็นการวนซ้ำแทน อย่างไรก็ตามตราบใดที่เขาเลือกจะใช้การสำรองวิญญาณเพียงหนึ่งครั้งนี้นั้นเท่ากับทุกอย่างจะจบลงทันทีถ้าเขาตายขึ้นมาอีกครั้ง พลังนี้จะไม่สามารถใช้ได้อีกและจะหายไปตลอดกาล
ถึงอย่างไรในตอนนี้ใบหน้าของคังชอลอินก็เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก
แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นประโยชน์
เขาเคยมีประสบการณ์จากอนาคตมาแล้วดังนั้นคังชอลอินจะกลับมาเกิดใหม่ในฐานะจอมราชันย์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมจากประสบการณ์และความผิดพลาดที่เขาได้เผชิญมา การทดลองและข้อผิดพลาดต่าง ๆ เช่นเดียวกับการโดนคุกคามจนถึงแก่ความตายจะไม่มีอีกต่อไป และความผิดพลาดร้ายแรงบางอย่างของเขาเช่นความสะเพร่าที่ไม่สนใจบุคคลสำคัญรวมถึงความประมาทเลินเล่อของเขาเกี่ยวกับข้อมูลและสติปัญญาก็จะไม่ถูกกระทำขึ้นซ้ำอีก
‘เราจะต้องเป็นจอมราชันย์ที่ไม่มีใครมาหยุดยั้งเราได้ จะมีแต่ความสมบูรณ์แบบและไร้ข้อผิดพลาด’
ขณะที่คังชอลอินกำหมัดและตั้งมั่นกับตัวเอง กองไฟแห่งความแค้นและความเจ็บปวดได้ลุกลามอยู่กลางใจเขา เขากุมมือไปที่หน้าอกของตัวเองแล้วขบกรามด้วยความแค้นเคือง
“รอสต์ไชลด์ ไอ้แมลงสาบ…”
ต้นกำเนิดของความเจ็บปวดทั้งหมดมาจากมัน
ร่างกายของเขาคือชายหนุ่มวัย 28 ที่จิตใจของเขายังคงระลึกถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้ ความอัปยศอดสูจากการพ่ายแพ้โดยศัตรูที่เขาคอยกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
คอของเขาร้อนไหม้ ความรู้สึกเหน็บหนาวซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก
“ฉันจะบดขยี้แกให้มากกว่าที่เคยทำจนแกต้องร้องขอแต่ความตาย”
ดวงตาของคังชอลอินถูกเผาไหม้ไปด้วยไฟแห่งการล้างแค้น
ว่ากันว่าผู้กระทำมักเป็นฝ่ายหลงลืมการกระทำของตนแต่สำหรับผู้ที่โดนกระทำแล้วนั้นจะไม่มีวันลืมสิ่งนั้นไปได้แม้แต่วันเดียว
คังชอลอินก็เช่นกัน
เขาไม่มีทางลืมหน้าศัตรูไปได้และเขาก็พอใจเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งการกระที่เลวร้ายยิ่งกว่ากลับไปเป็นสิบเท่าร้อยเท่า ในความคิดของการแก้แค้นที่มีต่อรอสต์ไชลด์ทันใดนั้นก็มีอีกใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นตามมา นักยุทธศาสตร์ลีกงมยอง
‘ลีกงมยอง … เจ้านั่นจะเลือกอยู่ข้างรอสต์ไชลด์อีกหรือเปล่า?”
ถ้าคราวนี้เขาไม่สามารถได้ตัวลีกงมยองมาล่ะ?
เช่นนั้นเขาก็จะทำลายมันให้ย่อยยับจนกว่าจะไม่มีคนจำได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นใคร
นั่นคือวิถีของคังชอลอิน
ในขณะที่เขากำลังเอาชนะศัตรูอยู่ในความคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกเขาเบา ๆ ดังแทรกเข้ามา
“เอ่อ … คุณชอลอินคะ?”
เขาหันหน้าไปมองก่อนจะเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่ชื่อลีแชรินที่กำลังมองมาที่เขาจากตรงประตู
“คุณเป็นอะไรไหมคะ? ดูคุณไม่ค่อยสบายเท่าไหร่”
ใบหน้าของลีแชรินดูกังวลเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นห่วงเขาด้วยใจจริง เพราะหากไม่ใช่เพราะความเป็นห่วงเธอคงไม่ออกมาตามหาเขาถึงที่ห้องน้ำหลังจากที่เขาหายตัวไปร่วมชั่วโมงในตอนที่ไม่มีใครกล้าจะขยับตัวแบบนี้เพราะกลัวคิมมินชอลประธานบริษัทจะเล่นงาน
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ”
คังชอลอินตอบกลับด้วยรอยยิ้มสบาย ๆ
“ก่อนอื่นสภาพผมตอนนี้ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะงั้นขอโทษนะครับ ขอเวลาผมสักครู่”
เขาเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพก่อนจะถอดเสื้อสูทที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำและสิ่งอาเจียนทิ้งลงถังขยะ จากนั้นเขาก็เดินไปที่อ่างล้างหน้า เปิดก๊อกน้ำเพื่อใช้น้ำล้างหน้าล้างปากแล้วสะบัดผมกลับคืนทรงเดิม เขาถอดเน็คไทแล้วโยนมันทิ้งลงไปด้วยเช่นกันทำให้สภาพโดยรวมของเขาตอนนี้ดูดีขึ้น
“คุณชอลอินคะ”
“ครับ?”
“ท่านประธานโกรธมากเลยนะคะ เขาบอกว่าจะไล่คุณออก…”
“ให้เขาทำอย่างที่เขาต้องการไปเถอะครับ”
“แต่ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาคุณตั้งใจทำงานมากเลยนะคะ! ถ้าคุณไปขอร้อง ท่านประธานก็น่าจะยกโทษ…”
“ไม่ครับ”
คังชอลอินพูดขัดลีแชริน
“เป็นผู้ชายไม่ควรไปก้มหัวขอร้องใคร”
“แต่!”
“นอกจากพ่อแม่ของเขาแล้ว ผู้ชายก็ไม่ควรขอร้องใครอีก ผมไม่มีความตั้งใจที่จะกลับไปก้มหัวให้ใครทั้งนั้น”
“คุณชอลอิน!”
“ผมว่าผมไปเก็บข้าวของและออกจากที่นี่จะดีกว่า”
สายตาของเขาขวานหาสมาร์ทโฟน
“เป็นเวลาที่เหมาะเจาะพอดีเพราะเกือบจะหมดวันแล้ว” คังชอลอินฉายรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาให้ลีแชรินก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป
“ไม่ได้นะคะ! ถ้าคุณเข้าไปตอนนี้…”
“ทำไมงั้นเหรอครับ?”
“ท่านประธานกำลังรอคุณอยู่พร้อมกับไม้กอล์ฟน่ะสิคะ! เขาบอกว่าเขาจะฆ่าคุณทันทีที่คุณกลับเข้าไป!”
คิมมินชอลที่เคยอยู่ร่วมกับอันธพาลมาได้ระยะหนึ่งมีนิสัยชอบสร้างบรรยากาศน่ากลัวด้วยไม้กอล์ฟเมื่อเขารู้สึกโกรธ
“โอ้ อย่างนั้นเหรอ?”
คังชอลอินหัวเราะ
หมูอ้วนที่ในท้องมีแต่เบียร์และวัน ๆ ก็เอาแต่คุกคามพนักงานกำลังรอเขาอยู่ด้วยไม้กอล์ฟ ช่างเป็นเรื่องตลกที่เกินจะจินตนาการได้จริง ๆ
“อย่างน้อยก็ไม่น่าเบื่อดี”
“อะไรนะคะ? คุณชอลอิน เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรหรอคะ? คุณจะเจ็บตัวเอาได้นะ! คุณก็รู้ว่าเขาเป็นยังไง!”
“หยุด… ผมจะจัดการเองเพราะงั้นพอได้แล้วครับ”
คังชอลอินกล่าวอย่างมั่นใจกับลีแชรินด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะเดินผ่านเธอไปอย่างใจเย็นเพื่อเดินกลับเข้าไปที่ออฟฟิศ