ตอนที่ 1: วิกฤตสัมบูรณ์
คริสต์ศักราช 2030
แพนเจีย ทวีปอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพบเจอกับความสงบสุขมาก่อนเนื่องด้วยสงครามแร็กนาร็อกที่ปะทุเดือด สงครามแร็กนาร็อกเริ่มขึ้นสามปีให้หลังการอัญเชิญครั้งใหญ่ จากเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทอดยาวมานานกว่าเจ็ดปีแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปสงครามก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นอันเนื่องมาจากความสมดุลของโครงสร้างอำนาจในทวีป
ผลจากสงครามแร็กนาร็อกพลันก่อให้เกิดกำลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาสามแห่ง
แห่งแรกคือกองทัพอิชตาร์ ศูนย์กลางความแข็งแกร่งทางทหารของจอมราชันย์ทั้งสามซึ่งหนึ่งในนั้นคือคังชอลอิน
แห่งที่สองคือสหภาพกัลเวกซึ่งตั้งอยู่บนรากฐานของความมั่งคั่ง มีอำนาจทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความสามารถในการส่งออกผลผลิต
และแห่งสุดท้ายคือพันธมิตรบัลเดอร์ซึ่งได้ชื่อว่าอ่อนแอที่สุดในบรรดาพันธมิตรทั้งสามแม้จะมีจอมราชันย์เข้าร่วมถึงห้าคนด้วยก็ตาม
การพิฆาตบาดหมางหรือการสร้างพันธมิตรจากขุมพลังทั้งสามแห่งสุดแท้แต่สถานการณ์ต่าง ๆ จะพัดผ่านราวกับพวกเขากำลังอยู่ในช่วงสงครามสามก๊กตามตำนานประวัติศาสตร์ของจีน
“เห้อ ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปมันจะไม่มีวันจบสิ้นกันเสียที” ชายคนหนึ่งพึมพำขณะนั่งอยู่บนบัลลังค์ที่แกะสลักจากกะโหลกศีรษะของมังกรทอง สายตาของเขากำลังจดจ้องอยู่กับรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของสงครามแร็กนาร็อกและแผนสมรภูมิบนกระดานหมากรุกที่มีเครื่องหมายสัญลักษณ์กำกับไว้ยังจุดต่าง ๆ
ชายผู้นี้ก็คือ “จอมราชันย์นักล่า” คังชอลอิน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจอมราชันย์ทั้งสิบและเป็นเจ้าของดินแดนอันยิ่งใหญ่เช่นวัลฮัลลาแห่งนี้
“เราอยากบดขยี้พวกนั้นทั้งหมดในคราวเดียว…ทว่าเรากลับเสียเปรียบด้านสงครามที่ต้องใช้จำนวนเข้าสู้ หวังว่าในสักวันเราจะสามารถถอนรากถอนโคนพวกมันได้หมด…”
คังชอลอินจับจ้องสหภาพกัลเวกที่ถูกทำเครื่องหมายเป็นกากบาทสีขาวอยู่บนกระดาน
ใช่แล้ว
ภารกิจของคังชอลอินเพื่อนำไปสู่การปกครองทั่วทั้งทวีปแพนเจียมีสหภาพกัลเวกเป็นศัตรูตัวฉกาจ
กัลเวกชดเชยเรื่องกำลังทหารที่อ่อนแอด้วยพลังอำนาจทางเศรษฐกิจและความสามารถในการผลิตที่ยอดเยี่ยมอีกทั้งยังวางตัวอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมบนสงครามแร็กนาร็อก หากยังเป็นเช่นนี้ต่อสหภาพกัลเวกอาจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ และเพื่อให้การแย่งชิงอำนาจระหว่างสามมหาอำนาจยังคงสมดุล การทำลายอำนาจทางเศรษฐกิจของกัลเวกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
แต่หากอิชตาร์เข้าร่วมสงครามล้างผลาญกับสหภาพกัลเวกเมื่อไหร่ ฝ่ายที่ต้องพ่ายแพ้คงเป็นเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“เราจะน่าจะทำให้กัลเวกลุกเป็นไฟได้ถ้าไม่มีแมลงสาบพวกนั้น!” คังชอลอินอุทานด้วยความโกรธเคืองขณะมองดูบริเวณที่ทำเครื่องหมายว่าเป็นพันธมิตรบัลเดอร์บนกระดานหมากรุก
พันธมิตรบัลเดอร์เต็มไปด้วยความอ่อนแอ เขาสามารถทำลายพันธมิตรนี้ได้ตลอดหากเขาตั้งใจจริง
กัลเวกเองก็สามารถทำลายพันธมิตรนี้ได้ทุกเมื่อเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การที่พันธมิตรบัลเดอร์ยังสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้นั่นก็เพราะท่าทีเป็นกลางที่พวกนี้มีต่อกลุ่มมหาอำนาจยิ่งใหญ่จากทั้งสองฝั่ง คอยรวบรวมผลประโยชน์เมื่อกองทัพอิชตาร์และสหภาพกัลเวกกำลังตกอยู่ในภาวะสงคราม เป็นพวกคนที่แสนน่ารังเกียจ
ในสายตาของคังชอลอินแล้ว บัลเดอร์ที่จงใจชอนไชเข้าหาระหว่างมหาอำนาจทั้งสองและเอาแต่กินชิ้นเนื้องามที่ตกลงมาโดยไม่ต้องมีส่วนร่วมหรือการสูญเสียสิ่งใดเป็นสิ่งที่หยาบคายสำหรับเขามากที่สุด อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถผลักพันธมิตรบัลเดอร์ออกไปได้แค่ด้วยความขุ่นเคือง หากคังชอลอินคิดทำสมครามโจมตีพันธมิตรบัลเดอร์ แมลงสาบพวกนี้จะต้องหันหน้าไปเข้าข้างกัลเวกและเขาจะต้องเผชิญหน้าสงครามแบบ 1 ต่อ 2
แน่นอนว่าเงื่อนไขเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหาแค่กับคังชอลอินเพียงฝ่ายเดียว
ทั้งกัลเวกและบัลเดอร์เองต่างก็ไม่ได้เป็นอิสระจากปัญหาเหล่านี้เช่นกัน ในสงครามประเภทนี้ผลลัพธ์ที่ออกมามักจะเหมือนกันอยู่ตลอด ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเบี้ยและอำนาจที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก บทบาทจะแตกต่างกันไปตามการเคลื่อนไหวแต่ผลลัพธ์จะยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเลือกหรือย้ายอะไรแบบไหนแต่ใครที่เป็นฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหวก่อนมักจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
“หึ่ย! ถ้าเราได้ตัวลีกงมยองมา อย่าว่าแต่เรื่องฆ่าเลย สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็คงไม่บิดเบี้ยวไปมากขนาดนี้!” คังชอลอินคำรามขณะนั่งอยู่บนบัลลังก์
ลี กงมยอง
ผู้อพยพปูซานที่มาจากจีน ชายคนนี้ไม่ได้เป็นราชันย์หรือจอมราชันย์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามบทบาทของเขามีความสำคัญและส่งผลต่อสงครามแร็กนาร็อกจากทั้งสามฝ่ายอย่างมาก ลีกงมยองป็นนักยุทธศาสตร์ยอดเยี่ยมที่คอยรับใช้อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ผู้นำของพันธมิตรบัลเดอร์อย่างซื่อสัตย์ เขาเป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง นักเดินทางจากภาคตะวันออกของยูเรเซียมักเรียกเขาว่าขงเบ้งที่กลับชาติมาเกิดใหม่และยกย่องชื่นชมเขาอย่างมาก
“เราควรได้ตัวมันมาทำงานให้…” คังชอลอินผู้ที่ไม่เคยคิดเสียใจเรื่องใดในชีวิตรู้สึกเศร้าใจอย่างมากกับการสูญเสียลีกงมยอง
ถ้าเขาสามารถย้อนเวลากลับไปได้หรือถ้าเขาฉลาดมากกว่านี้ เขาอาจได้ตัวลีกงมยองและทำให้แพนเจียเป็นปึกแผ่นเดียวกันได้สำเร็จ และกลายเป็นจอมราชันย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแพนเจีย
คังชอลอินที่มีทักษะศิลปะการต่อสู้และการเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมจะสามารถเอาชนะ กัลเวกและบัลเดอร์ได้อย่างง่ายดายหลังได้รับความช่วยเหลือการวางแผนทางกลยุทธ์ของลีกงมยอง
“อย่างน้อยถ้าได้ตัวควักจองมาทำงานให้ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็น่าจะต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง น่าเสียดาย … ที่ต้องมาตายเพราะรับใช้ผู้นำไร้ความสามารถเช่นนั้น”
ควักจองทำหน้าที่รับใช้จอมราชันย์อีกคนแต่ต้องเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งปอดในช่วงปีแรกของสงครามในปี 2024 เขาเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 38 ปี หากควักจองได้มาเป็นผู้รับใช้คังชอลอิน เขาจะรักษาโรคมะเร็งปอดของควักจองไม่ว่ามันจะเป็นระยะใดก็ตามและให้ควักจองทำงานจนกว่าเขาจะเสียชีวิตจากการทำงานหนักเกินไปแทน … แต่ไม่มีอะไรให้นึกเสียใจสำหรับคนที่จากไปแล้ว
“ทุกอย่างผ่านไปแล้วและไม่สามารถย้อนกลับไปได้ … มานั่งเสียใจตอนนี้ไปก็เท่านั้น” คังชอลอินส่ายหัวเพื่อกลืนความเจ็บปวด
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาต้องการในสิ่งที่เขาไม่สามารถมีได้ในตอนนี้
หนึ่งในนักยุทธศาสตร์ทั้งสองที่เขาต้องการ คนหนึ่งคือผู้รับใช้อย่างซื่อสัตย์ต่อศัตรูเขาซึ่งก็คืออเล็กซ์ รอตส์ไชลด์ และอีกคนหนึ่งได้เสียชีวิตไปก่อนที่เขาจะพยายามสรรหาตัวมาได้ ความเสียใจในตอนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย
มันเกิดขึ้นแล้ว …
ขณะที่เขากำลังคิดและรู้สึกเสียใจอยู่เพียงลำพัง อัลเฟรด พ่อบ้านแวมไพร์ที่เป็น NPC ภายใต้การรับใช้ของคังชอลอินก็พรวดพราดเข้ามาในห้องก่อนจะก้มหน้าลง
“นายท่าน!”
“มีอะไร? อัลเฟรด” คังชอลอินถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
อัลเฟรด ผู้ที่เดิมทีเต็มไปด้วยลักษณะจริงจังและสงบนิ่งอยู่เสมอ จู่ ๆ ก็พรวดพราดเข้ามาพร้อมด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
“นายท่าน… เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วขอรับ!”
“เรื่องอะไรที่ว่าใหญ่?”
“ข่าว … ข่าวจากหน่วยสอดแนมที่เพิ่งได้รับรายงานมา …!”
“ใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ พูดให้ข้าฟังใหม่อีกที ข้าสัญญาว่าจะไม่ตกใจ”
“มัน … มัน …”
อัลเฟรด … ราวกับว่าเขากลัวในสิ่งที่กำลังจะพูดออกมา เขาพยายามสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ๆ แล้วเอามือวางทาบลงบนหน้าอก แต่เท่านั้นดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ เขากำมือทั้งสองข้างของตัวเองแน่น ปิดตาลงช้า ๆ แล้วพยายามอ้าปาก
‘เกิดอะไรขึ้นกับเจ้านี่กันแน่?’
คังชอลอินที่เห็นอัลเฟรดอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรทำให้เขาเป็นได้ถึงขนาดนี้ มีท้องฟ้าตกลงพื้นล่างหรืออย่างไร? หรือมีอันตรายกำลังใกล้เข้ามาในดินแดนอันยิ่งใหญ่ของวัลฮัลลา?
“ในตอนนี้ … ตอนนี้ ห่างจากตะวันตกเฉียงใต้ไปประมาณ 50 กม. กองทัพพันธมิตรของกัลเวกและบัลเดอร์กำลังใกล้เข้ามาแล้วขอรับ! …”
…!
แม้เขาจะบอกอัลเฟรดไปว่าเขาจะไม่ตกใจแต่รายงานที่อัลเฟรดกล่าวมานั้นช่างน่าประหลาดใจเสียจริง กัลเวกและบัลเดอร์ร่วมมือกัน … มันเป็นเรื่องราวยิ่งใหญ่ที่เขาไม่เคยนึกฝันถึงมาก่อน
‘นั่นมัน … เป็นไปได้อย่างไร วัลฮัลลาของเราอยู่ในภูมิภาคด้านในสุดของกองทัพอิชตาร์ ถ้างั้น … ทรยศงั้นหรอ? แล้วใครกัน…?’
แทนที่จะรู้สึกประหลาดใจ คังชอลอินยังคงรักษาท่าทีสงบของการเป็นผู้นำและหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ในกลุ่มพันธมิตรอิชตาร์ไม่มีนักยุทธศาสตร์คนใดที่โดดเด่นเลยสักคนและเขาเป็นคนเดียวที่ฉลาดที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด
ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการเตือนถึงภัยที่กำลังใกล้เข้ามา เขาไม่อยากจะคิดเลยว่ารอยรั่วมันเกิดขึ้นที่ตรงไหน
‘ตะวันตกเฉียงใต้ … ถ้าพวกนั้นใกล้เข้ามาจากทางตะวันตกเฉียงใต้ … อเลสเตอร์! หมอผีอัปรีย์นั่น!’
ผู้ทรยศคืออเลสเตอร์อย่างไม่ต้องสงสัย อาณาเขตของอเลสเตอร์ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของวัลฮัลลา ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือเจ้านั่น อเลสเตอร์ช่างน่ารังเกียจนักที่อาจหาญเปิดทางให้กองทัพพันธมิตรของศัตรูเข้ามาเช่นนี้ หรือบางทีก็อาจเข้าร่วมกับพวกนั้นไปแล้วโดยสิ้นเชิงก็เป็นได้
“อัลเฟรด” คังชอลอินที่ได้เสร็จสิ้นความคิดของตัวเองเรียกหาผู้รับใช้ของตน
“ขอรับนายท่าน”
“กำลังทหารเท่าไหร่?”
“คือ … พวกนั้นมีดินแดนเคลื่อนที่ได้มาด้วยในคราวนี้ จำนวนทหารที่มาก็ไม่ใช่น้อย ๆ …”
“ดินแดนเคลื่อนที่? ไซโมดัสที่น่ารังเกียจของรอสต์ไชลด์ใช่ไหม?”
“ขอรับนายท่าน”
“พวกนั้นเอาจริงกันน่าดู”
ไซโมดัสของอเล็กซ์ รอสต์ไชลด์เป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ที่สร้างขึ้นบนด้านหลังของสัตว์ประหลาดยักษ์ที่คล้ายกับเต่า นี่หมายความว่ากองบัญชาการของศัตรูกำลังมาถึงวัลฮัลลาแล้วในไม่ช้า
ป้อมปราการเคลื่อนที่ … ช่างน่ารำคาญเสียจริง
วัลฮัลลาป้อมปราการของคังชอลอินนั้นแปลกประหลาดเล็กน้อยเนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ใต้ดินแต่ก็ไม่มากเท่าป้อมปราการเคลื่อนที่ของอเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ โดยตามธรรมชาติแล้วป้อมปราการเคลื่อนที่จะมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้นทางกลยุทธ์เมื่อเทียบกับพื้นดินที่หยั่งราก
“แล้วเฮคาเต้ล่ะ? ติดต่อหานางแล้วหรือยัง?”
เฮคาเต้คือจอมราชันย์ที่มีความสามารถด้านเวทมนตร์และเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอิชตาร์ สำหรับคังชอลอินที่มีศัตรูอยู่มากมายนางเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่เดียวที่เขาไว้ใจได้
“มันคือ … เอ่อ …”
“ติดต่อไม่ได้?”
“ขอรับนายท่าน ตามความคิดเห็นของข้า ข้าคิดว่าพวกเขาอาจถูกโจมตีไปก่อน … ”
“หยุด ข้าไม่ต้องการได้ยินประโยคถัดไป”
คังชอลอินสั่งหยุดประโยคของอัลเฟรดกลางอากาศ
ภายในหัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยชิ้นส่วนกระจัดกระจายที่กำลังเคลื่อนย้ายเข้ามาอยู่รวมกันเพื่ออธิบายถึงหายนะอย่างฉับพลันที่เกิดขึ้น
‘สหภาพกัลเวกและพันธมิตรบัลเดอร์ร่วมมือกัน พวกนั้นให้อเลสเตอร์หันหลังให้เราและจัดการแยกเราให้ออกห่างจากเฮคาเต้ได้สำเร็จ … กลยุทธ์นี้ … ถูกคิดโดยลีกงมยองงั้นเหรอ? อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด ช่างแสนฉลาดนัก’
‘การทรยศของคนในกองทัพ … ขวางกั้นการติดต่อกับเฮคาเต้ … พันธมิตรของศัตรู เราแพ้แล้ว แพ้อย่างราบคาบ’
คังชอลอินกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแล้วยอมรับต่อสถานการณ์ที่มืดมิดและสิ้นหวัง เขาถูกทิ้งไว้โดยไม่มีทางเลือกอื่น ถึงแม้จะมีความแข็งแกร่งของเขาและขีดความสามารถทางทหารของวัลฮัลลาก็ไม่มีทางออกจากสถานการณ์ปัจจุบันนี้ไปได้ เขาไม่ต้องการที่จะยอมรับ … แต่ดูเหมือนว่าในวันนี้จอมราชันย์คังชอลอินและดินแดนวัลฮัลลาจะต้องออกจากสงครามแร็กนาร็อกไปเสียแล้ว
อย่างไรก็ตามคังชอลอินยังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียว
แทนที่จะโกรธหรือเต็มไปด้วยความกลัว เขาใช้เวลาคิดเกี่ยวกับสาเหตุของวิกฤตที่เกิดขึ้นรวมถึงความผิดพลาดที่เขามองข้ามไปแม้ในขณะที่สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเขากำลังกลายเป็นความสับสนวุ่นวายอยู่ก็ตาม
นั่นเพราะเขายังมีไพ่ลับในการเล่นศึกครั้งนี้
ไพ่ลับใบสุดท้าย…