บทที่ 62 ร่างหยินสวรรค์
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ซูเถาเอาผ้าขนหนูพาดบ่าไว้พลางสังเกตเห็นว่าห้องของไคหยานนั้นยังเปิดไฟอยู่ เขายืนกระแอมอยู่ข้างนอกอยู่แป๊ปนึงก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ไคหยานขมวดคิ้ว “นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมยังไม่นอนล่ะ ?”
ซูเถายักไหล่ “ใช่ มันดึกมากแล้ว แล้วเธอล่ะทำไมยังไม่นอน หรือว่ารอที่จะคุยกับชั้นงั้นเหรอ ?”
ไคหยานมองบนเล็กน้อย “ชั้นก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้นหรอก กำลังเตรียมการสำหรับบริษัทอยู่นะ ดูเหมือนมันจะสร้างปัญหาให้ชั้นทีเดียว”
“บริษัทใหม่ไม่ได้จัดการโดยเวร่ากับหยานจิ้งหรอกเหรอ ? เธอแค่เล่นไปตามน้ำก็พอแล้ว” ซูเถารูสึกว่าไคหยานนั้นจริงๆแล้วเป็นคนที่จริงจังกว่าที่คิด
ไคหยานส่ายหัว “ชั้นทำแบบนั้นไม่ได้หรอก นายมอบหมายงานนี้ให้ชั้นมาแล้ว มันก็ต้องลุยกันหน่อย เพื่อกำไรก้อนโต”
ซูเถาพยักหน้าและยกนิ้วโป้งให้กับไคหยานด้วยรอยยิ้ม “ชั้นมองคนไม่ผิด ดูเหมือนเธอจะเป็นภรรยาที่ขยันทำงานจริงๆ”
“ใครเป็นภรรยาของนายกันยะ ? ขืนพูดจาไร้สาระอีกชั้นโยนงานนี้ทิ้งแน่” ไคหยานตอบกลับด้วยท่าทางหงุดหงิด
ซูเถาหัวเราะเล็กน้อย ถ้าเขาเห็นว่าไคหยานเริ่มโมโหจริงจังเมื่อไหร่ นั่นเป็นสัญญาณว่าเขาควรจะหยุดแซวเธอได้แล้ว ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นท่าทางจริงจัง “พอดูสีหน้าเธอแล้ว ท่าทางโรคเก่าเธอมันจะกลับมากำเริบอีก อย่าหักโหมเกินไปล่ะ”
“ชั้นยังมีอาการป่วยอะไรอีกล่ะ ? แล้วทำไมมันถึงกำเริบ” ไคหยานถอนหายใจ
ซูเถาเข้ามาในห้องของเธอ มีกลิ่นหอมจางๆลอยอยู่ในอากาศ เขาเห็นโต๊ะตัวยาวซึ่งบนโต๊ะมีแล็ปท็อปตั้งอยู่ ดูจากเอกสารแล้ว ไคหยานกำลังทำงานของบริษัทใหม่นี่อย่างจริงจังแน่นอน
เขาหยิบเก้าอี้มานั่งก่อนจะมองไปทั่วใบหน้าของเธอ “ดูเหมือนอาการป่วยของเธอจะเกี่ยวข้องกับร่างกายนะ มันเรียกว่า ร่างหยินสวรรค์ อาการมันก็เหมือนคนอื่นทั่วๆไปนี่แหละ แต่ในกรณีของเธอร่างกายจะอ่อนแอลงมาก หากไม่รีบรักษา อาการก็ยิ่งร้ายแรงยิ่งขึ้น แล้วยิ่งเธอแก่ตัวไปมันจะยิ่งแย่ลงไปอีก”
“พ่อของชั้นก็เลยถามคุณปู่ซูเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย” ไคหยานแปลกใจ
ซูเถายิ้ม “เขาคงไม่อยากให้ลุงไคเป็นห่วงเรื่องของเธอ หากพูดจากมุมนึง โรคนี้มันไม่มีทางรักษาได้ และสามารถใช้ยาเพียงเพื่อบรรเทาอาการป่วยเท่านั้นเอง เพราะว่าอาการร่างหยินสวรรค์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดของเธอซึ่งเป็นลักษณะทางโหราศาสตร์ที่ชะตาฟ้าลิขิตเอาไว้แล้ว ในฐานะหมอ ถึงเราจะสามารถค้นหาต้นตอของอาการป่วยได้ แต่เราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลการเกิดของเธอได้ พูดง่ายๆ มันเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาได้”
รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฎที่ใบหน้าของไคหยาน “ชั้นไม่คิดมาก่อนเลยว่าเรื่องมันจะซับซ้อนขนาดนี้ แล้วทำไมนายถึงไม่ใช้ยาอะไรเลยล่ะในตอนที่รักษาชั้น ?”
“เพราะปู่ชั้นใช้ยามามากพอแล้วในตอนที่รักษาเธอ” ซูเถาอธิบายเพิ่มเติม “ร่างกายของเรานั้นย่อมที่จะได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของเรา ชั้นเลยคอยให้กำลังใจเธอเสมอเพื่อให้อาการของโรคไม่กำเริบออกมา อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนอารมณ์ของเธอจะไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่นับตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับลุงไค มันเลยทำให้อาการร่างกายหยินสวรรค์มันกำเริบออกมา””
ไคหยานยักไหล่ “เราไม่สามารถควบคุมความเป็นความตายของตัวเราเองได้หรอก และชั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นด้วย ต่อให้มียมทูตมาเคาะประตูที่หน้าห้องชั้นก็ตาม”
“ถ้าชั้นยังอยู่ข้างๆ เธอไม่ตายง่ายๆหรอก มานี่สิ ชันจะนวดให้ จะได้ผ่อนคลาย” ซูเถายิ้ม
ไคหยานมองไปที่ซูเถาด้วยความระมัดระวัง “นี่นายคิดจะทำอะไรแปลกๆกับชั้นอีกหรือเปล่าเนี่ย ?”
มีรอยเหี่ยวย่นผุดขึ้นมาที่หน้าผากของซูเถา “นี่ชั้นดูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ ? อีกอย่าง ถ้าชั้นคิดจะทำอะไรแปลกๆกับเธอ ชั้นคงไม่มานั่งพูดอะไรมากมายขนาดนี้หรอก ชั้นคงจับกดและข่มขืนเธอไปตั้งนานแล้ว”
ไคหยานยิ้มเล็กน้อย ในขณะที่เธอรู้สึกเจ็บบริเวณท้องน้อย เป็นอย่างที่ซูเถาบอก อาการป่วยของเธอกำเริบขึ้นและเธอเพิ่งจะรู้สึกตัวช่วงนี้
อาการร่างหยินสวรรค์นี้เป็นอาการที่ค่อนข้างจะลึกลับ เนื่องจากข้อมูลการเกิดของผู้ป่วยนั้นต่างก็เกิดในช่วงเวลา ‘หยิน‘ ซึ่งว่ากันว่าเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ปากทางเข้านรกมากที่สุด
ในนิยายต่างๆ ร่างหยินสวรรค์ต่างก็เป็นที่รู้จักกันในอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ แต่ภายใต้ทฤษฎีของแพทย์แผนจีนหยิน–หยางแล้ว ทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี คนที่มีร่างกายธาตุหยินสวรรค์ไม่สามารถดูดซับหลังด้าน ‘หยาง‘ ได้เลยตั้งแต่เกิด จึงทำให้เกิดข้อบกพร่องตามธรรมชาติ และพวกเขาจะอ่อนแอลงในช่วงเวลา ‘หยิน‘ ของเดือน
(พูดให้เข้าใจง่าย ก็เหมือนกับร่างกายมีธาตุหยินมากเกินไป ทำให้ร่างกายอ่อน ตามความเชื่อของชาวจีน หยิน–หยางจะต้องอยู่ในระดับที่พอดีกัน ไม่เช่นนั้นร่างกายจะอ่อนแอและขาดความสมดุล ; ผู้แปล)
ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมชาวจีนถึงมีประเพณีที่เวลาทารกเกิดจะมีการคำนวนข้อมูลทางโหราศาสตร์บางอย่างจากชื่อและวันเกิด เพื่อที่จะเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปของธาตุทั้ง 5 ตามความเชื่อของชาวจีน ซึ่งยังคงเชื่อมโยงกับการแพทย์แผนจีนเกี่ยวกับเรื่องหยิน – หยาง ถึงแม้พวกเขาจะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในตอนเกิดได้ อย่างน้อยก็ทำให้เกิดความสบายใจได้ในทางจิตวิทยา
เหตุผลที่ตระกูลเนี่ยพยายามที่จะเซ็นต์สัญญาผีกับไคซงพู เนื่องจากพวกเขาได้คำนวนข้อมูลในตอนเกิดเอาไว้หมดแล้ว และพวกเขารู้ว่าไคหยานนั้นมีร่างกายหยินสวรรค์ ซึ่งเหมาะมากสำหรับการแต่งงานผี
ไคหยานนั่งบนเก้าอี้เงียบๆก่อนที่ซูเถาจะเริ่มนวดเธอที่จุดฝังเข็มด้านหลัง ซูเถารู้สึกใจเต้นกว่าทุกทีทุกครั้งที่เขาสัมผัสตัวไคหยาน
แม้ว่ามือของเขาจะถูกกั้นด้วยเสื้อผ้าบางๆ แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของผิวหนัง ซึ่งราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลเข้ามาผ่านนิ้วมือของเขา
“นี่นายกำลังลวนลามชั้นอยู่หรือเปล่าเนี่ย ?” ไคหยานรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
“ชั้นแค่นวดเท่านั้น อย่าเข้าใจผิด” ซูเถาตอบกลับ
“ชั้นไม่คิดว่ามันจะเป็นการนวดหน่ะสิ ทำไมชั้นถึงรู้สึกจักจี้ก็ไม่รู้ ?” ไคหยานส่ายหัว
“ก็ใช่ เธอรู้สึกเหมือนกำลังจักจี้อยู่หรือเปล่าล่ะ นั่นแหละคือวีธีการนวด” ซูเถาโกหก
“ตอนนี้รู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้ว ท้องน้อยชั้นมันรูสึกชาๆยังไงไม่รู้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?” ไคหยานรู้สึกว่าซูเถานั้นเพิ่มแรงนวดขึ้นไปอีกในตอนที่เธอถาม
“เรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของขั้นตอนก่อนหน้านี้ กำลังจะไปที่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เพราะงั้นอย่าเพิ่งพูด ชั้นกำลังรักษาอาการป่วยของเธออยู่ ทำไมเธอชอบพูดขัดขึ้นมาอยู่เรื่อยเลยนะ ? มันทำให้ชั้นเสียสมาธิ อย่ามาโทษชั้นแล้วกันถ้ามีอะไรเกิดขึ้น” ซูเถาขู่
จริงๆแล้วซูเถาก็คิดเรื่องอื่นอยู่เหมือนกัน เนื่องจากไคหยานนั้นผิวนุ่มและมีสเน่ห์มากจนเขาไม่สามารถควบคุมมือตัวเองได้
“ก็ได้ ชั้นจะหยุดพูดแล้ว แต่จำเอาไว้ให้ดี อย่าได้คิดลวนลามชั้น ไม่งั้นชั้นกรี๊ดแน่ พวกลูกศิษย์นายอยู่ห้องข้างๆเรานี่เองนะ” ไคหยานเตือน
ได้ยินดังนั้น มือที่ไม่ซื่อสัตย์ของเขาก็กลับไปนวดในจุดที่ควรจะนวด
เขาเป็นหมอที่มีจรรยาบรรณของความเป็นแพทย์ แต่ขณะเดียวกันเขาก็เป็นชายหนุ่มเลือดร้อน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับร่างกายอันทรงสเน่ห์ มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะเผลอคิดเรื่องอื่นในใจ
มีกลิ่นหอมอ่อนๆเล็ดลอดออกมาจากตัวของไคหยาน เป็นกลิ่นที่เขาไม่ค่อยคุ้นเคย เพราะเขาได้ถ่ายพลังฉีเข้าไปในร่างกายของเธอเพื่อบรรเทาความเมื่อยล้าที่จุด ‘หยิน‘ ของเธอ
ไม่มีวิธีไหนที่จะรักษาอาการร่างกายหยินสวรรค์ได้ เขาทำได้เพียงถ่ายพลังฉีเข้าไปที่จุดฝังเข็มของเธอ หลังกจากที่พลังฉีไหลเวียนได้ซักพัก ใบหน้าของไคหยานดูจะมีชีวิตชีวามากขึ้นและมีเหงื่อปกคลุมใบหน้าของเธอ
ยาที่ซูกวงเฉิงใช้รักษาเธอนั้นยังคงมีผลกับร่างกายของเธอ ซึ่งมันถูกกระตุ้นด้วยพลังฉีก่อนจะค่อยๆหล่อเลี้ยงไปยังธาตุทั้ง 5 และลำไส้ทั้ง 6ในตัวเธอ เพื่อปรับสมดุลหยิน–หยางในตัวเธอนั่นเอง
ซูเถาเป่าปากก่อนจะดึงมือกลับแล้วยิ้ม “อาการของเธอตอนนี้ถูกระงับแล้ว เดี๋ยวเดือนหน้าชั้นจะนวดให้เธออีกเมื่ออาการกำเริบ”
เมื่อเห็นซูเถามีสีหน้าค่อนข้างเหนื่อยล้า ไคหยานตอบกลับ “เหนื่อยหน่อยนะ”
สายตาของซูเถาจ้องไปยังหน้าอกของไคหยาน เนื่องจากเสื้อของเธอนั้นแนบติดกับตัวเพราะเหงื่อ “มันเป็นหน้าที่ของชั้นอยู่แล้ว”
ไคหยานรู้สึกถึงสายตาที่ดูไม่น่าไว้วางใจของซูเถา เธอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดุ “มีอะไรอีกมั้ย ? ถ้าไม่มีก็ออกไปได้แล้ว”
ก่อนที่ซูเถาจะได้ฟื้นตัว เขาก็ถูกไคหยานไล่ออกจากห้องไป
แต่ถ้าเขายังอยู่ในห้องของเธอต่อ สัญชาติญาณสัตว์ป่าในตัวอาจทำให้เขาเผลอลงมือทำอะไรไปแล้วก็ได้
ยิ่งไคหยานออยู่ในบ้านของเขา ดวงตาขอองเธอนั้นดูมีสเน่ห์มากเมื่อเธอมองมายังซูเถา ไคหยานกลัวว่าเธออาจจะเสร็จเขาไปแล้วถ้าหากยังให้ซูเถาอยู่ต่อ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ มิสฉีออกมาจากห้องน้ำในขณะที่มีชายวัยกลางคนนอนรออยู่บนเตียง ท่อนบนเปลือยเปล่าซึ่งเผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อ เมื่อเห็นดังนั้น มิสฉีหน้าแดงยิ่งขึ้น
ซึ่งชายวัยกลางคนที่ว่าไม่ใช่สามีของเธอ เนี่ยไฮ่เถียน แต่เป็นชายที่รู้จักกันในฉายาราชาแห่งแพทย์ ซูเทียนเต๋อ
ซูเทียนเต๋อกำลังสูบบุหรี่อยู่ กำลังเอามือเล่นกับควันบุหรี่อยู่ เสื้อคลุมอาบน้ำของมิสฉีร่วงลงไปกองบนพื้น ซึ่งเผยให้เห็นถึงชุดชั้นในที่น่าดึงดูด
ซูเทียนเต๋อยักไหล่ก่อนจะยืนขึ้นเดินไปหยับหมวกอาบน้ำของมิสฉีออกก่อนจะคว้าผมที่เปียกปอนของเธอและกดเธอเข้าไปที่กำแพง
มิสฉีร้องครางก่อนจะผลักแก้วชาบนโต๊ะออกไป ก่อนจะขึ้นไปนอนบนโต๊ะ ซูเทียนเต๋อไม่ให้เวลาได้ตั้งตัวและทำราวกับว่าเธอนั้นเป็นหุ่นเชิด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มิสฉีถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนที่นอนก่อนที่เธอจะมองไปยังซูเทียนเต๋อ “เทียนเต๋อ คุณรุนแรงจังเลย เทียบกับไฮ่เถียนซึ่งไม่ค่อยจะมีแรงเลย”
ซูเทียนเต๋อเอามือยกคางของมิสฉีก่อนจะพูด “อย่าเอาชั้นไปเทียบกับเขา นังตัวดี !”
หลังพูดจบ เขาก็ตบไปที่หน้าของมิสฉี
เธอไม่เพียงแต่จะไม่โกรธเขาเท่านั้น แถมยังยิ้มตอบกลับ “ยังไงชั้นก็จะเปรียบเทียบอยู่ดี ดีใจที่ได้เจอเธอนะ พ่อหนุ่มขี้อิจฉา”
ซูเทียนเต๋อตบหน้าเธออีกก่อนจะสบถ “นังกระหรี่”
เธอหัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะนังกระหรี่อย่างชั้น นายจะฮุบสมบัติของตระกูลเนี่ยเอาไว้ทั้งหมดได้งั้นเหรอ ?”
ซูเทียนเต๋อยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะลูบไปที่หน้าของเธอ “ยิ่งเธอเป็นแบบนี้ชั้นก็ยิ่งชอบเธอ”