บทที่ 55 การยั่วยุของมิเชล
มิเชลนิ่งเงียบมาตลอดทางจนถึงคาเฟ่และได้สั่งกาแฟไป 2 แก้ว
“อาจจะกะทันหันไปหน่อยที่อยู่ชั้นก็มาหานาย อย่างแรกเลยคือชั้นต้องขอบคุณนายมากที่ช่วยรักษาอาการป่วยของเวร่า” หลังเธอพูดจบ ก็ได้ตบมือเรียกเลขาของเธอพร้อมกับนำกระเป่าขึ้นมาวางบนโต๊ะ “นี่เงิน 1 ล้านสำหรับค่ารักษา”
“ไม่ต้องอ้อมค้อม คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่” ซูเถาขมวดคิ้ว เขากำลังคาดเดาไปต่างๆนาๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น
มิเชลยิ้มก่อนจะจิบกาแฟ “งั้นเข้าเรื่องเลยละกัน เวร่าเป็นทายาทของตระกูลออร์มอนด์ที่มีทรัพย์สินนับร้อยล้าน ดังนั้นชั้นจึงไม่อยากให้เธอเป็นคนที่ทำอะไรตามอารมณ์ ชั้นเกรงว่าตอนนี้เธออาจจะกำลังสนใจคนที่ดูไร้ประโยชน์อยู่”
ซูเถายิ้มพลางยักไหล่ “ที่ว่าไร้ประโยชน์นี่หมายถึงผมเหรอ ?”
เธอพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อแบบตรงไปตรงมา “โทษที ชั้นขอให้คำพูดใหม่แล้วกัน ชั้นหมายถึงไร้ประโยชน์ต่อตระกูลออร์มอนด์น่ะ นายเป็นคนที่มีทักษะทางการแพทย์ที่โดดเด่น ในอนาคตอาจจะมีชื่อเสียงขึ้นมาก็ได้ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีประโยชน์ต่อตระกูลออร์มอนด์หากนายกับเวร่าคิดจะอยู่ด้วยกัน”
มิเชลแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของสาวใหญ่อย่างเต็มที่ ทุกประโยคที่เธอพูดราวกับว่ามีหนามแหลมคมซ่อนอยู่ อย่างไรก็ตาม การกระทำของเธอก็ไม่ได้ทำร้ายอีกฝ่ายมากนัก เรียกได้ว่าบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น
ในตอนนั้นเอง ซูเถารู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเล็กน้อยก่อนจะยิ้ม “อย่างแรก ผมต้องขอออกตัวก่อนว่าผมมีความรู้สึกบางอย่างกับลูกสาวของคุณ อย่างไรก็ตาม ผมไม่มั่นใจว่าไอ้ความรู้สึกระหว่างพวกเรามันคือเพื่อนหรือความรู้สึกเชิงชู้สาวกันแน่ อย่างที่สอง ความคิดของคุณมันดูตื้นเขินเกินไป เวร่าจะต้องแบกรับภาระของครอบครัวทั้งหมดและทำให้เธอต้องทิ้งความเป็นตัวของตัวเองเพื่อครอบครัวงั้นเหรอ ? อย่างสุดท้าย คุณไม่ใช่คนที่จะมาติดสินว่าผมมีประโยชน์หรือเปล่า ถ้าคุณทำให้ผมต้องอับอายขายหน้า ผมจะเอาคืนเป็นพันเท่าเลย มันดูเด็กน้อยมากเลยสำหรับคุณที่คิดจะใช้วิธีพรรค์นี้”
มิเชลอึ้ง เธอไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้จากซูเถา ก่อนที่เธอจะขมวดคิ้ว “หยาบคายอะไรอย่างงี้ !”
“คุณเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเองนะ ผมก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษที่จะให้ใครมาคอยดูถูก หากผมตอบกลับด้วยรอยยิ้มแม้จะโดนดูถูกมันก็เหมือนผมเป็นไอ้โง่ไม่ใช่หรือไง ?” ซูเถาตอบกลับอย่างเยือกเย็น
มิเชลไม่ได้โกรธ แต่มันทำให้เธอยอมรับว่าต้องมองดูซูเถาใหม่ ตามข้อมูลที่เธอได้รับมา ซูเถาเป็นคนที่สุภาพและละเอียดอ่อน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกกังวลว่าคนเรียบร้อยอย่างนี้จะแบกรับความรับผิดชอบมหาศาลและคอยเป็นกำลังอีกครึ่งหนึ่งให้เวร่าได้อย่างไร
สถานการณ์นี่มันดีกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้ ซูเถาไม่ได้ดูอ่อนแออย่างที่เห็น
เธอเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “ไหนว่ามาเลย ต้องทำยังไงนายถึงจะเลิกยุ่งกับเวร่า”
ซูเถาส่ายหัว “ถ้าผมเข้าไปเป็นลูกเขยตระกูลออร์มอนด์ คุณคิดว่าผมจะได้เงินเท่าไหร่ล่ะ ?”
มีเชลเย้ยหยันซูเถาด้วยสายตาที่เย็นชา “นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก ที่เวร่ารู้สึกกับนายมันเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบเท่านั้น ซักวันนึงเธอก็เบื่อนายแล้ว ช่องว่างฐานะทางสังคมของพวกนายมันต่างกันเกินไป ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกนายจะได้แต่งงานและอยู่ด้วยกัน”
ซูเถาจ้องไปยังมิเชลอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น “ท่าทางคุณคงจะไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความรักเอาซะเลย”
มิเชลอึ้งกับคำพูดของเขา “ความรักงั้นเหรอ ? ชั้นต้องรู้จักมันอยู่แล้ว มันเป็นภาพลวงตาที่เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายไง”
“ดูเหมือนในอดีตคุณคงจะเจ็บปวดจากความรักงั้นสินะ” ซูเถายิ้มเล็กน้อย
มิเชลขมวดคิ้ว “นี่นายกำลังยั่วโมโหชั้นงั้นเหรอ ?”
ทุกคนมักจะมีจุดอ่อนภายในจิตใจกันทั้งสิ้น แม้กระทั่งมิเชลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เธอเป็นคนที่ฉลาด เนื่องจากเธอสามารถเดาความคิดของซูเถาได้ ซูเถายิ้ม “ทีคุณยั่วผมล่ะ ผมจะยั่วกลับบ้างไม่ได้หรือไง ?”
นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าการยั่วยุนั้นเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ซูเถามองทะลุไปถึงความคิดของมิเชล เธอต้องการจะยั่วโมโหเขาเพื่อให้เขาแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา แต่วิธีนี้มันเป็นเพียงวิธีการที่ละครทีวีชอบใช้กับประจำ มันจึงไม่ได้ผลกับซูเถา กลับกัน มิเชลรู้สึกราวกับว่าซูเถานั้นอ่านความคิดของเธอได้
มิเชลโบกมือเป็นสัญญาณว่าให้เลขาเก็บกระเป่าเงิน ก่อนจะใส่น้ำตาล 2 ก้อนลงไปในกาแฟขอองเธอ “เอาน้ำตาลมั้ย ?”
ซูเถาส่ายหัวก่อนจะยิ้ม “รสชาติดั้งเดิมของกาแฟจะถูกทำลายถ้าคุณใส่น้ำตาลลงไป”
“ชั้นไม่ชอบรสขมน่ะ” มิเชลพยักหน้าพลางเติมน้ำตาล “นายชิมกาแฟแล้วเหรอ ?”
ซูเถายิ้ม “ไม่จำเป็นหรอก เรื่องความชอบน่ะ คุณจะรู้เองถ้าคุณได้ลองมันแล้ว”
“งั้น นายชอบเวร่าใช่มั้ย ?” มิเชลถาม
“ใช่ ผมชอบ” ซูเถาตอบกลับทันทีโดยไม่ลังเล
มิเชลถถอนหายใจ “ถ้างั้น นายควรจะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ เวร่ามีคู่ดูตัวเยอะ แต่เธอชอบเพียงคนเดียวเท่านั้น น่าเสียดายที่นายดันเป็นคนๆนั้น ความกดดันอีกมากจะตามมาที่นายในไม่ช้า”
ซูเถาอึ้ง มิเชลเปลี่ยนท่าทางการพูดไปโดยสิ้นเชิง เขาหายใจเข้าลึกๆก่อนจะถาม “แล้วคุณก็เป็นหนึ่งในความกดดันที่ว่านั่นด้วยหรือเปล่า ?”
มิเชลยิ้ม “ชั้นเหรอ ? นายน่าจะรู้ว่าชั้นแค่มาทดสอบนายเท่านั้นเอง”
บรรยากาศกดดันก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้วด้วยรอยยิ้มของมิเชล “แล้วถถ้าผมเอาเงินไปล่ะ คุณจะทำยังไง ?”
มิเชลยักไหล่ “ชั้นคงแนะนำให้เวร่าเล่นสนุกกับนายให้พอใจก่อนจะเตะนายออกไปให้พ้นๆ”
“สมแล้วที่เป็นแม่” ซูเถายิ้มพลางเกาหัว
จากการสนทนาที่ผ่านมา มิเชลได้เข้าใจในตัวซูเถามากก่อนที่เธอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมลูกสาวของเธอถึงได้ตกหลุมรักผู้ชายคนนี้
ตั้งแต่ที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก ซูเถาไม่เคยหลบสายตาของเธอเลย ดวงตาของเขาส่องประกายอย่างมีเสน่ห์และเต็มไปด้วยความมั่นใจ มิเชลกลัวว่าเวร่านั้นจะไปตกหลุมรักกับคนธรรมดาๆ แต่จากการทดสอบของเธอ เธอพบว่าซูเถานั้นเป็นคนพิเศษ
เธอดื่มกาแฟหมดไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อบริกรจะเข้ามาเติมกาแฟ โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นพอดี มิเชลกระพริบตาไปยังซูเถา
“มิเชล ชั้นได้ยินมาว่าคุณอยู่ที่ฮั่นโจว ตอนนี้คุณอยู่ไหน ?” เวร่าถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ชั้นเหรอ ?” มิเชลยิ้ม “กำลังนั่งดื่มกาแฟกับหมอซูอยู่น่ะ !”
เวร่านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะถามต่อ “คุณพูดอะไรกับเขาไปบ้างเนี่ย ?”
มิเชลหัวเราะคิกคัก “ชั้นได้ให้เงินเขาไปล้านนึงเพื่อให้เลิกยุ่งกับเธอ แต่เขาปฏิเสธ ลูกสาวของชั้น ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ชอบเขาข้างเดียวแล้วล่ะ ดูเหมือนเขาจะสนใจในตัวเธอเหมือนกัน”
พอได้ยินแม่ของเธอพูดดังนั้น เวร่าหน้าแดงก่ำก่อนจะตอบกลับด้วยความโกรธ “มิเชล คุณทำงี้ได้ไง คุณไปหาเขาโดยที่ไม่บอกชั้นเนี่ยนะ !”
มิเชลถอนหายใจ “ก็เพราะเธอมัวแต่ชักช้าอยู่ไม่ใช่หรือไง เธอชอบเขามากแต่ก็ยังรอดูท่าทีเนี่ยนะ ? เธอเป็นลูกสาวชั้น ชั้นยอมรับไม่ได้หรอกที่ลูกของชั้นเป็นคนขี้ขลาดน่ะ”
เวร่าวางสายก่อนจะจับหน้าตัวเอง เธอรูสึกว่าหน้าขอองเธอนั้นแทบจะไหม้เลยทีเดียว แม่ของเธอเล่นเธอเข้าให้แล้ว แต่หลังจากคิดอยู่ซักพัก ถ้าซูเถารู้อยู่แล้วล่ะว่าเธอชอบเขา ?
ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะเผชิญกับความรักและความเกลียดชัง ตามที่มิเชลพูด ในเมื่อเธอชอบซูเถา เธอจึงจำเป็นต้องรุกใส่เขา เธอไม่ใช่พวกขี้ขลาดซักหน่อย
เวร่าคิดอยู่แป็ปนึงก่อนจะส่งข้อความไปยังซูเถา “เถา ชั้นจะจีบนายละนะ นายพร้อมมั้ย ?”
ข้อความนั้นทำให้ซูเถาหัวเราะ เขาตอบกลับ “ตราบใดที่เธอจริงใจกับชั้น มันก็เพียงพอแล้วที่จะละลายหัวใจชั้น”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เวร่ารีบไปที่คาเฟ่ก่อนที่มิเชลจะมองดูเค้กบนจานของเธอด้วยความลังเล ก่อนจะยักไหล่ “ชั้นขอตัวก่อนแล้วกัน เชิญพวกเธอทั้งสองใช้เวลาด้วยกันตามสบายนะ”
เวร่าดูจะหงุดหงิดพอสมควร เธอไม่แม้แต่จะทักทายมิเชลด้วยซ้ำ หลังจากมิเชลออกไป เวร่านั่งลงไปตรงที่ๆมิเชลเคยนั่งก่อนจะมองไปยังซูเถา “นายรู้สึกพอใจมั้ย ?”
ซูเถายักไหล่ “พอใจนี่หมายถึงอะไรหล่ะ ?”
เวร่าถอนหายใจ ซูเถาดูเหมือนต้องการอะไรบางอย่างจากเธอ เธอจึงเปลี่ยนหัวข้อ “ชั้นมานี่เพาะมีธุระ อย่างแรกชั้นได้เซ็นสัญญากับหยานจิ้งในการร่วมมือกันสำหรับแผนธุรกิจท่องเที่ยว เมืองแห่งวัฒนธรรม และพวกเราก็ได้ตัดสินใจจะเริ่มดำเนินการกันในอาทิตย์หน้า อย่างที่สอง นายต้องเอาครีมเสริมความงามของตำหนักมาให้ชั้นเพื่อความร่วมมือทางธุรกิจ”
ซูเถาขมวดคิ้ว “ทำไมชั้นรู้สึกว่าเธอกำลังบีบบังคับชั้นด้วยธุรกิจท่องเที่ยวนั่นเลยล่ะ ?”
เวร่าขยิบตาก่อนจะยิ้ม “นั่นแหละ ถ้านายไม่ส่งครีมนั่นให้ชั้น ชั้นจะทุบแผนการท่องเที่ยวนี้ทิ้ง”
ซูเถารู้สึกว่าเมื่อเจรจาเรื่องที่เป็นทางการกัน ดูเหมือนเวร่าจะไม่สนใจความสัมพันระหว่างเธอกับเขาเลย เขาจึงตอบกลับ “มันก็แค่ครีมธรรมดาเท่านั้นเอง ทำไมทั้งเธอและหยานจิ้งดูจะสนใจมันมากนักล่ะ ?”
เวร่าตอบ “เพราะมันเป็นธุรกิจยังไงล่ะ !”
“หยานจิ้งก็ต้องการครีมนั่นเหมือนกัน และชั้นก็ไม่รูว่าจะทำยังไงดี” ซูเถาผายมือออกอย่างช่วยไม่ได้
เวร่ารู้มาตั้งนานแล้วว่าซูเถานั้นต้องลากหยานจิ้งเข้ามาด้วย เธอจึงยิ้ม “วางใจเถอะ ชั้นได้ทำข้ออตกลงกับเธอแล้ว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณของทางตำหนักพวกเราสองคนจะเป็นคนลงทุนกับมันเอง นายจะเป็นประธานของบริษัทใหม่ ด้วยความสามารถของนาย นายจะถือหุ้น 40 % ชั้นกับหยานจิ้งจะร่วมลงทุนคนละ 10 ล้านหยวน ถือครองหุ้นคนละ 30%”
ซูเถาคิดว่าเรื่องนี้เวร่าคงคำนวนเอาไว้หมดแล้ว เขายิ้มเจื่อนๆ “ทำไมชั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่มีทางเลือกยังไงก็ไม่รู้ ?”
“นายสามารถคิดวิธีการที่จะกระจายสินค้าได้อยู่นะ” เวร่าพยักหน้า
ซูเถาส่ายหัวก่อนจะยิ้ม “ยิ่งหายากสินค้าก็ยิ่งมีมูลค่า ชั้นคิดว่าไม่จำเป็นต้อองเพิ่มการกระจายสินค้าหรอก แต่พวกเราสามารถกำหนดราคาของสินค้าได้”
“การตลาดแบบหิวโหยงั้นเหรอ ?” เวร่ายิ้ม (การตลาดแบบหิวโหยเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างนึงที่เน้นความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้พวกเขามีความต้องการอย่างมากที่จะซื้อสินค้า ; เสริมโดยผู้แปล)
เวร่านั้นเป็นผูเชี่ยวชาญในวงการธุรกิจ เธอเข้าใจถึงความคิดของซูเถาโดยที่ได้ยินแค่ประโยคเดียวเท่านั้น ซูเถาตอบกลับ “แน่นอน เราจะกระตุ้นความต้องการของตลาด เพื่อให้สินค้าของเรานั้นออยู่ได้นานขึ้น”
หลังจากแลกเปลี่ยนสายตากัน เวร่าก้มลงจิบน้ำมะนาวเพื่อปรับอารมณ์ของเธอ ซูเถานั้นเป็นคนที่มีความคิดไม่เหมือนใครเกี่ยวกับการจัดการทางธุรกิจ เขามักจะมีข้อมูลเชิงลึกซึ่งทำให้ประหลาดใจอยู่เสมอๆ ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่อาจอ่านความคิดเขาได้เลย