Physicians Odyssey – ตอนที่ 53 ทักษะการปีนระเบียง

บทที่ 53 ทักษะการปีนระเบียง

 

 

 

เมื่อพวกเขาออกมาจากผับ ลู่ชีเหมี่ยวตัวสั่นเนื่องจากลมหนาว เธอร้องไห้เล็กน้อยพลางกอดอย่างซึมเศร้า เธอได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้โดยเฉียวโบ

 

 

แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ยังรักกัน ตามที่สุภาษิตว่าเอาไว้ การเป็นสามีภรรยากันหมายถึงการร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันตราบวันสุดท้ายของชีวิต ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันมากมาย แต่ลู่ชีเหมี่ยวก็ยังคงรักเขาอยู่ดี จริงๆแล้วเรื่องหย่าเธอพูดไปเพราะอารมณ์โมโหเท่านั้น

 

 

“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ชั้นรูสึกว่าตัวเองไม่มีบ้านให้กลับแล้วล่ะ”ลู่ชีเหมี่ยวถอนหายใจด้วยความรู้สึกอ้างว้าง

 

 

ซูเถาหัวเราะ “โลกนี้กว้างใหญ่จะตาย ทุกที่ก็เป็นบ้านเราได้หมดนั่นแหละถ้าเราต้องการ ให้ชั้นจองโรงแรมซักห้องให้เธอไหม ?”

 

 

ลู่ชีเหมี่ยวมองไปยังซูเถา “นายตั้งใจจะทำอะไรน่ะ ?”

 

 

ซูเถายักไหล่ “เรากำลังเล่นบทคู่รักกันอยู่ ยังไงก็ต้องทำให้เสร็จล่ะนะ ถ้าชั้นเดาถูก สามีเธอต้องตามหาเธออยู่แน่ๆ ลองคิดดูสิว่าเขาจะทรมานแค่ไหนเมื่อรู้ว่าเธอมาโรงแรมกับชั้น”

 

 

 

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูจะคับแค้นของซูเถา ลู่ชีเหมี่ยวตอบกลับ “ก็ได้ เราจะไปจองห้องกัน เราต้องเล่นให้สมจริงหน่อย”

 

 

ซูเถาตกใจก่อนจะเกาหัวเล็กน้อย เขาแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง “เอาจริงดิ จะทำกันจริงๆเหรอ ?”

 

 

ลู่ชีเหมี่ยวยิ้ม “แน่นอน ทำไมล่ะ นายกลัวงั้นเหรอ ?”

 

 

ซูเถาพยักหน้าทันทีโดยปราศจากความลังเล “ก็ถ้าเราเป็นคนแปลกหน้ากันชั้นก็โอเค แต่พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เดี๋ยวได้เป็นเรื่องขึ้นมาพอดีถ้าสามีเธอไปทำตัววุ่นวายที่โรงพยาบาล”

 

 

เธอหัวเราะเล็กน้อย “คิดว่านายเป็นพวกไม่กลัวอะไรซะอีก ถึงแม้ว่าชั้นจะตกใจที่นายเล่นงานพวกรปภ.ในผับนั่นก็ตามทีเถอะ”

 

 

“ทำไงได้ ตอนนั้นมันไม่มีทางเลือกนี่” ซูเถาถอนหายใจ

 

 

“ชั้นแปลกใจมากเลยล่ะที่นายทำเรื่องพวกนี้เพื่อชั้น” เธอยิ้ม

 

 

“เหมือนกันนั่นแหละ ชั้นก็แปลกใจที่เธอเลี้ยงข้าวชั้น แถมยังพาไปคาราโอเกะกับผับอีก บางทีมันอาจจะเป็นโชคชะตาระหว่างเราก็ได้มั้ง” ซูเถายักไหล่

 

 

หลังจากมองไปที่ซูเถาได้ซักพัก ลู่ชีเหมี่ยวพูดขึ้น “เรื่องนี้เก็บไว้เป็นความลับนะ”

 

 

ในฐานะหมอ เขารู้ความลับอีกเยอะ เรื่องของลู่ชีเหมี่ยวจึงไม่ค่อยมีความหมายมากนัก เขายิ้ม “ชั้นดูเหมือนกพวกปากสว่างงั้นเหรอ ? วางใจเถอะ ชั้นน่ะปากแข็งจะตาย ไม่บอกใครหรอก”

 

 

 

เนื่องจากเธอดื่มเหล้าเข้าไป ลู่ชีเหมี่ยวจึงไม่ได้ขับรถ พวกเขาทั้งสองยืนคุยกันที่ริมถนนอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะเรียกแท็กซี่ ถึงลู่ชีเหมี่ยวจะบอกว่าตัวเองไม่มีบ้านให้กลับก็ตาม แต่เธอก็ไม่ได้จองโรงแรม เธอเลือกโรงพยาบาล โดยเธอได้โทรไปหาโรงพยาบาลให้จัดการหาห้องพักให้กับเธอ

 

 

ลู่ชีเหมี่ยวโบกมือหลังจากขึ้นไปนั่งบนรถ แต่ทันใดนั้นเอง ซูเถาก็ขึ้นไปบนรถด้วย ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ “มีอะไรเหรอ ? หรือว่านายอยากจะดื่มมากกว่านี้ที่ห้องพักของชั้น ?”

 

 

ซูเถายิ้ม “ชั้นยังเป็นห่วงเธออยู่น่ะ”

 

 

“มีอะไรต้องเป็นห่วงล่ะ นี่โรงพยาบาลนะ กลางคืนก็มี รปภ. แถมโรงพยาบาลก็เป็นที่ๆปลอดภัยด้วย” เธอขมวดคิ้ว

 

 

ซูเถาหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูดออกมา “แล้วถ้าเฉียวเต้อเหาดักรอเธออยู่ในตอนที่เธอไปถึงโรงพยาบาลแล้วล่ะ… ?”

 

 

เธอตอบกลับ “มันเคยเกิดขึ้นครั้งนึง ตอนนั้นชั้นกลับไปที่ห้องพักและเห็นเฉียวเต้อเหายืนรออยู่พร้อมกับข้าวกล่องในมือ เขาบอกว่าเตรียมเอาไว้ให้ชั้นเพราะกลัวว่าชั้นจะหิว แต่ชั้นไม่ได้ให้เขาเข้าห้องมาหรอกนะ…”

 

 

ซูเถาพยักหน้า “ถ้าเธอให้เขาเข้าไป ก็เหมือนปล่อยให้หมาป่าเข้าไปในห้องนั่นแหละ”

 

 

“ใครจะรู้ นายก็อาจจะเป็นหมาป่าด้วยก็ได้” ลู่ชีเหมี่ยวมองซูเถาด้วยสายตาที่ซับซ้อน

 

 

ซูเถาปล่อยมุก “อย่างน้อยชั้นก็ยังเด็ก แถมเป็นหมาป่ารูปหล่อที่ทรงเสน่ห์ คงไม่ทำให้เธอรู้สึกรังเกียจนักหรอก”

 

 

ลู่ชีเหมี่ยวยิ้ม “ห้องชั้นอยู่ในบล็อค 8 เบอร์ 508 นายล่วงหน้าไปดูลาดเลาให้ชั้นก่อน เดี๋ยวอีก 10 นาทีชั้นตามเข้าไป”

 

 

ซูเถารู้ดีว่าลู่ชีเหมี่ยวหมายถึงอะไร ถ้ามีใครมาเห็นว่าพวกเขาเดินเข้าห้องไปด้วยกันตอนกลางดึก มันคงจะกลายเป็นเรื่องให้นินทากันทั้งบางแน่

 

 

เขาจึงมาที่ห้องก่อนแล้วยืนรออยู่ด้านนอกในขณะที่ลู่ชีเหมี่ยวเร่งฝีเท้าตาามมาด้วยความกังวลที่ก่อตัวขึ้นในใจ มือของเธอสั่วไหวในขณะที่พยายามจะเสียบกุณแจเพื่อจะเปิดประตู ซูเถาจึงหยิบกุญแจและเปิดประตูให้เธอแทน

 

 

เธอเดินเข้าไปในห้องก่อน เมื่อเธอเห็นซูเถายืนรออยู่ด้านนอก เธอก็ลากเขาเข้ามาก่อนจะปิดประตูห้อง

 

 

เมื่อซูเถาก้าวเข้ามา เขาสังเกตเห็นว่าหน้าผากของลู่ชีเหมี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาคิดว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอทำเรื่องแบบนี้

 

 

ลู่ชีเหมี่ยวรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างแปลกๆ “ทำไมนายถึงมาอยู่ในนี้ล่ะ ?”

 

 

“ก็เธอดึงชั้นเข้ามาเองไม่ใช่หรือไง” ซูเถาตอบกลับ

 

ลู่ชีเหมี่ยวในตอนนี้เต็มไปด้วยความประหม่า “ชั้นแค่กลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้าเท่านั้นเอง ไหนๆก็เข้ามาแล้ว ดื่มชาซักหน่อยแล้วกัน”

 

 

“ไม่ใช่เธอบอกว่าเราจะมาดื่มต่อกันหรอกเหรอ ?” ซูเถายิ้ม

 

 

ลู่ชีเหมี่ยวตอบกลับ “ชั้นมีแค่เอทานอล จะดื่มมั้ยล่ะ ?”

 

 

ซูเถาส่ายมือ “ช่างเถอะ เอาชามาล้างปากหน่อยก็ดี”

 

 

ห้องของเธอดูคล้ายกับห้องพักนักศึกษา เป็นห้องเดี่ยวเตียงเดียวพร้อมผ้าห่มลายดอกไม้สีชมพูที่พับอยู่ และมีหมอนข้างวางอยู่ใกล้ๆ ส่วนห้องน้ำและห้องครัวอยู่ห่างออกไปตั้งอยู่ใกล้ๆระเบียง

 

 

ลู่ชีเหมี่ยวเดินเข้าไปในครัวแป๊ปนึงก่อนจะเดินออกมาพร้อมกาแฟ 2 แก้ว “มีแต่กาแฟสำเร็จรูปนะ พวกนี้เคยทำชั้นตาค้างมาแล้วในตอนที่ชั้นง่วงๆ”

ซูเถาจิบกาแฟ สายตาของเขาจับจ้องไปยังกองหนังสือ 2-3 ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับความรัก เมื่อลู่ชีเหมี่ยวออกไปเขาก็หยิบมันขึ้นมาดู

 

 

เธอกลอกตามายังเขาทันที “ชอบหยิบจับอะไรไปทั่วเลยนะนายน่ะ ไม่รู้จักเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่นเลยหรือไง ?”

 

 

ซูเถายิ้ม “ก็แค่หนังสือเอง ส่วนตัวขนาดนั้นเลยเหรอ ? ในหนังสือนี่มันมีความลับของเธอซ่อนอยู่หรือไง ?”

 

 

เธอทำเสียงฮึขึ้นจมูกเบาๆก่อนจะหยิบหนังสือกลับไปวางไว้บนโต๊ะ “ดื่มกาแฟเสร็จแล้วรีบกลับเลยนะ นี่ก็ดึกมาแล้ว ตอนนี้ตี 3 ”

 

 

ซูเถาพยักหน้าพลางดื่มกาแฟ “โดนเธอไล่ขนาดนี้แล้วชั้นไม่หน้าด้านอยู่ต่อหรอกน่า”

 

พอซูเถาวางแก้วลงบนโต๊ะ ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ลู่ชีเหมี่ยวดูจะลนลานมากก่อนจะมองผ่านตาแมวที่ประตู “นั่นเฉียวโบกับพ่อของเขานี่ !”

 

 

ซูเถาอึ้ง เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ ถ้าเกิดมีใครมาเห็นว่าเขาอยู่ในห้องของลู่ชีเหมี่ยว เขาหนีไม่พ้นแน่ ไม่ว่าจะอธิบายวยังไงก็ตาม

 

 

“เหมี่ยวเหมี่ยว นี่พ่อเอง เปิดประตูหน่อย ชั้นพาเฉียวโบมาเพื่อขอโทษเธอ” เฉียวเต้อเหาพูด แต่เขาต้องระวังเรื่องเสียง จึงไม่ได้พูดดังนัก

 

 

ไม่มีเสียงตอบกลับออกมาจากในห้อง เฉียวเต้อเหาจึงหยิบกุญแจขึ้นมา “ชั้นรู้ว่าเธออยู่ข้างใน ถ้าเธอไม่เปิดประตูออกมา ชั้นจะเปิดเข้าไปแล้วนะ”

 

 

เมื่อเห็นว่าเฉียวเต้อเหามีกุญแจไขเข้าห้องเธอ ลู่ชีเหมี่ยวดูจะลนลานหนักเข้าไปอีกก่อนจะส่งสายตาให้ซูเถานั้นรีบไปซ่อนตัว

 

 

ซูเถาถอนหายใจ เขาเข้ามาทำอะไรที่นี่ ? ในตอนแรกเขาตั้งใจจะช่วยเธอเกี่ยวกับเรื่องพ่อและสามีของเธอ แต่ตอนนี้เขากลับต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แทน

 

 

จริงๆแล้วเขาไม่ได้กลัวที่จะถูกพ่อ–ลูกตระกูลเฉียวเจอตัว แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความบริสุทธิ์ใจของลู่ชีเหมี่ยว ถึงแม้ว่าคู่พ่อ–ลูกนี่จะไม่ได้ดีนัก แต่ถ้าพวกเขาจับบางอย่างซึ่งทำให้ถือไพ่เหนือกว่าลู่ชีเหมี่ยวได้ มันจะทำให้เธอลำบากมากยิ่งขึ้น

 

 

หลังตัดสินใจได้แล้ว ซูเถาก็ได้วิ่งไปทางระเบียง

 

 

ในตอนนั้นเอง เฉียวเต้อเหาก็ได้ไขกุญแจเปิดประตูเข้ามาพอดี ลู่ชีเหมี่ยวขมวดคิ้วพลางเอามือจัดเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะมองไปยังทั้งสองคน

 

 

“พ่อ นี่ก็ดึกมากแล้ว มีอะไรงั้นเหรอ ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

เฉียวเต้อเหาเข้ามาในห้องก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆละยิ้ม “ชั้นได้ยินมาจากเฉียวโบว่าพวกเธอทะเลาะกันแล้วอยากจะหย่า ชั้นจึงมานี่เพื่อดูว่าจะช่วยอะไรพวกเธอได้บ้าง”

 

 

อย่างไรก็ตาม กลิ่นเหล้าจากตัวลู่ชีเหมี่ยวทำให้เฉียวเต้อเหาขมวดคิ้ว

 

 

เฉียวโบทำเสียงเยาะเย้ย “พ่อ ไอ้คนเหลือขอนั่นมันต้องยังอยู่ที่นี่แน่ อย่าเพิ่งไปแหวกหญ้าให้งูตื่น เรามานี่เพื่อจะจับเจ้าชู้นั่น””

 

 

“ชู้เหรอ ?” ลู่ชีเหมี่ยวรู้สึกกังวล แต่เธอก็ยังทำหน้านิ่ง “จะหาก็เชิญ แต่ถ้าไม่เจอใครเลย ชั้นคงต้องขอคำอธิบายเรื่องนี้หน่อย”

 

 

เธอชี้นิ้วไปยังเฉียวโบก่อนจะตำหนิ “นี่นายไม่ไว้ใจภรรยาตัวเองได้ยังไง ?”

 

 

ด้วยคำพูดเหล่านั้น เขาได้ขยิบตาให้ลูกชายของเขา

 

 

เฉียวโบเข้าใจความหมายในทันที เขาจึงเริ่มที่จะค้นหาบริเวณรอบๆห้องพัก ห้องไม่ได้ใหญ่มากนัก มันมีพื้นที่ราวๆ 10*10 ตารางเมตรเท่านั้น เขาค้นหาแม้กระทั่งตูข้างเตียงและบริเวณระเบียงด้วย

 

 

ในตอนที่ลู่ชีเหมี่ยวได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด ใจของเธอหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่ท้ายที่สุดเฉียวโบก็เดินออกมาด้วยความงุนงงก่อนจะส่ายหัวไปยังเฉียวเต้อเหา

 

 

เฉียวเต้อเหารูสึกแปลกใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาได้รับโทรศัพท์และเฉียวโบก็บอกเหมือนกันว่าเขาเห็นลู่ชีเหมี่ยวอยู่ในผับกับผู้ชายคนอื่น

 

 

“พวกนายเจอชู้ที่ว่านั่นมั้ยล่ะ ?” ลู่ชีเหมี่ยวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “พวกคุณ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย เข้ามาในห้องของชั้นกลางดึกแบบนี้ ช่างน่าหัวเราะจริงๆ”

สีหน้าของเฉียวเต้อเหาดูไม่ได้เลยในตอนนี้ ก่อนเขาจะฝืนยิ้ม “เหมี่ยวเหมี่ยว ชั้นแค่ได้ยินมาจากเฉียวโบเท่านั้นเอง อย่าได้ใส่ใจเลย”

 

 

ทันใดนั้น ลู่ชีเหมี่ยวได้ชี้ไปยังประตูก่อนจะขึ้นเสียง “ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกนาย เชิญออกไปได้แล้ว !”

 

 

เฉียวเต้อเหายิ้มรับด้วยความละอายใจก่อนจะออกไปพร้อมกับเฉียวโบและปิดประตูใส่เธอ

 

 

เฉียวโบมองไปยังเฉียวเต้อเหาด้วยท่าทางงุนงง “ผมไม่ได้โกหกนะ ผู้ชายคนนั้นชื่อซูเถา เป็นหมอของโรงพยาบาลเจียวหัว”

 

 

ซูเถา ? เฉียวเต้อเหาเบื่อชื่อนี้เต็มทีแล้วพลางส่ายหัว “เฉียวโบ ลูกกับเหมี่ยวเหมี่ยวแต่งงานแล้วนะ อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะเชื่อใจกันบ้าง”

 

 

หลังพูดจบ เฉียวเต้อเหาได้เอามือไขว้หลังก่อนจะเดินออกไป ทิ้งเฉียวโบเอาไว้ข้างหลัง

 

 

หลังจากปิดประตูแล้ว ลู่ชีเหมี่ยวรีบตรงดิ่งไปยังระเบียง เธอมองไปยังห้องน้ำและหน้าต่างก่อนจะตะโกนเบาๆ “ซูเถา…”

 

 

“ชั้นอยู่นี่ !” ซูเถายื่นหน้าออกมาจากคอนเดนซิ่งแอร์ที่อยู่ข้างนอก ก่อนจะยิ้มแห้งๆ “ดูเหมือนวันนี้ชั้นจะเจอแต่ความซวยแฮะ”

 

 

เขาห้อยอยู่ที่คอนเดนซิ่งแอร์ซึ่งมันทำให้อะดรีนาลีนในตัวเขาสูบฉีด ตอนนี้เขาอยู่ที่ชั้น 5 ถ้าเกิดเขาร่วงลงไปจากความสูงระดับนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ตาย แต่เขาก็คงกลายเป็นคนพิการแน่ๆ

 

 

พอเห็นว่าซูเถาปีนกลับขึ้นมาบนระเบียงด้วยสภาพทุลักทุเล ลู่ชีเหมี่ยวระเบิดหัวเราะออกมา “ชั้นไม่รู้มาก่อนเลยว่านายนี่นอกจากจะเป็นชู้ได้เก่งแล้ว ยังมีทักษะการปีนระเบียงที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย”

Physicians Odyssey

Physicians Odyssey

เรื่องย่อ หมอหนุ่มหน้าตาดีมีนามว่าซูเถา ผู้ซึ่งรับสืบทอดตำหนักยามาจากปู่ของเขา ซูกวงเฉิง ผู้ซึ่งเป็นหมอเทวดาที่สามารถรักษาได้สารพัดโรค อีกทั้งยังมีวิชาการต่อสู้ที่ร้ายกาจยากจะจับตัวได้ จะเป็นอย่างไรหากชีวิตของเขานั้นต้องมาพัวพันกับเหล่าแก๊งค์มาเฟียทรงอิทธิพลที่จ้องจะทำลายตำหนักของเขา อีกทั้งยังต้องมาพัวพันกับสาวสวยมากหน้าหลายตาอีกด้วย !! หมอหนุ่มซึ่งมีฝีมือร้ายกาจทั้งการรักษาและการต่อสู้ แถมหน้าตาดีจนขนาดมีสาวๆแวะเวียนเข้ามาเรื่อยๆ เรื่องราวของเขาจะเป็นอย่างไรเชิญติดตามได้ใน Physician’s Odyssey

Options

not work with dark mode
Reset