บทที่ 48 การสนทนากับหวังเกาเฟิง
“ชั้นมีเรื่องจะเสนอ ขอพวกเราดูด้วยได้ไหม ?” ซูเหวิ่นฉียิ้ม “ชั้นเคยได้ยินเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของการฝังเข็ม แต่ยังไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อนเลย”
หวังเกาเฟิงชะงักเล็กน้อยก่อนจะมองไปยังฉินเม่ยเม่ยก่อนจะเปลี่ยนไปมองซูเถา “ถ้าคนไข้ไม่ว่าอะไรก็ตามสบาย”
ฉินเม่ยเม่ยยิ้มเล็กน้ออย “นี่ชั้นต้องถอดเสื้อมั้ย ?”
“ไม่จำเป็นหรอก !” หวังเกาเฟิงส่ายหน้า
ฉินเม่ยเม่ยฮัมอย่างอารมณ์ดี “ถ้างั้นชั้นก็ไม่ถือ เชิญฝังเข็มตามสบายเลย แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าชั้นกลัวเจ็บ ถ้าชั้นเผลอร้องออกมาก็อย่าตกใจล่ะ”
ถึงแม้ว่าฉินเม่ยเม่ยจะมีปัญหาด้านสุขภาพ แต่สภาพจิตใจของเธอนั้นถือว่าดีมาก เพราะยังสามารถพูดเล่นเหมือนคนปกติได้
หวังเกาเฟิงยิ้มขณะที่กำลังเตรียมการฝังเข็ม เขาเลือกเทคนิคการฝังเข็มแบบฉบับของลัทธิเต๋า
ทั้งเวลาและการไหลเวียนของเลือดผ่านจุดฝังเข็มนั้นย่อมมีความหมายอยู่ เหตุผลที่เขาเลือกการฝังเข็มวิธีนี้ก็เพราะว่าการเดินละเมอมักจะเกิดขึ้นในเวลากลางคืน เทคนิคนี้สามารถรักษาการไหลเวียนของเลือดที่จุดฝังเข็มในเวลากลางคืนได้ มันจะทำให้เลือดลมนั้นไหลเวียนดีขึ้น
เทคนิคนี้จำเป็นต้องใช้จุดฝังเข็มถึง 66 จุด ทำให้ต้องใช้พลังฉีเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันมันก็สร้างภาระให้กับร่างกายของผู้ป่วยมากเช่นกัน
ย้อนกลับไป ในตอนที่หวังเกาเฟิงเห็นฉินเม่ยเม่ย เขาได้ตัดสินใจเลือกเทคนิคนี้เอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ได้เริ่มรักษาทันทีเนื่องจากร่างกายของผู้ป่วยนั้นอ่อนแอเกินไป ดังนั้น เขาจึงได้สั่งยาหลายตัวเพื่อทำการบำรุงร่างกายของผู้ป่วยก่อน เหตุผลที่เขาจับชีพจรของเธอก่อนหน้านี้เพื่อจะดูว่าร่างกายของเธอพร้อมสำหรับการฝังเข็มแล้วหรือยัง
หวังเกาเฟิงใช้เข็มยาวปักไปยังจุดหยวนหลักทั้ง 12 ของจุดฝังเข็ม จุดที่เป็นแหล่งพลังงานในชีวิตประจำวัน จากนั้นเขาก็ได้ใช้เข็มสั้นปักไปยังจุดพื้นฐาน 5 จุด ซึ่งเป็นพื้นฐานของการฝังเข็มเนื่องจากจุดฝังเข็มทั้งหลายต่างก็เชื่อมโยงกันถึงธาตุทั้ง 5 ตามหลักคำสอนของลัทธิเต๋า
ซูเถาดูอยู่ข้างๆ ทักษะของหัวงเกาเฟิงนั้นดูสม่ำเสมอ และเนื่องจากความต้องการอย่างมากของเทคนิคการฝังเข็มนี้ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะใช้เข็มทั้ง 12 ในเวลาอันรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หวังเกาเฟิงยังคงใจเย็นแม้จะฝังไปแล้ว 24 เข็มและเริ่มจะชะลอความเร็วลงหลังจากฝังเข็มที่ 30
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของหวังเกาเฟิงดูหนักใจก่อนที่จะมีเหงื่อไหลออกมา เช่นเดียวกับซูเถาที่กำลังสังเกตการณ์อยู่ ดูเหมือนหวังเกาเฟิงจะเจอปัญหาเข้าให้แล้ว
ถึงแม้ว่าจะมีการใช้ยาเพื่อปรับสภาพร่างกายของผู้ป่วยไปแล้ว แต่ร่างกายของเธอยังไม่สามารถจะรับการฝังเข็มได้ หากลองสังเกตที่ร่างกายของฉินเม่ยเม่ยดู จะพบว่าร่างกายเริ่มเป็นสีแดงและมีเหงื่อไหลออกมาตามจุดต่างๆ
เป็นเรื่องปกติที่ผู้ป่วยจะเหงื่อออกจากการฝังเข็ม แต่การฝังเข็มที่ไม่เหมาะสมจะทำให้เหงื่อของผู้ป่วยออกมาเยอะเกินไปซึ่งอาจนำไปสู่อาการเหงื่อไหลผิดพลาด
การไหลของเหงื่อที่ผิดพลาดจะทำให้ผู้ป่วยนั้นอ่อนแอลง ยิ่งร่างกายของฉินเม่ยเม่ยอ่อนแออยู่แล้ว มันอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของเธอได้
หวังเกาเฟิงเคยเจอปัญหาต่างๆมามากมาย และปัญหานี้นั้นถือว่าอันตรายทีเดียว
เขาเริ่มปักเข็มเล่มที่ 30 ไปแล้ว และความพยายามของเขาจะไร้ประโยชน์ทันทีถ้าเขาล้มเลิกในตอนนี้ แต่ถ้าเขายังฝืนที่จะทำต่อ มีโอกาสสูงมากที่ฉินเม่ยเม่ยจะอาการทรุดหนักลงไปอีก
เมื่อหวังเกาเฟิงเริ่มลังเล เขารู้สึกว่าข้อมือเริ่มชาและเมื่อหันไปดู ก็พบว่าซูเถานั้นกำลังจับข้อมือของเขาอยู่
“นายทำอะไรของนาย ?” ซูเหวิ่นฉียืนขึ้นด้วยความโมโห “นายขัดขวางการรักษาของหมอหวังทำไม ?”
ลู่ชีเหมี่ยวอ้าปากตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าซูเถาจะกล้าขัดขวางหวังเกาเฟิง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก
ในใจเธอรู้สึกตื่นตระหนก คนที่นี่ไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ และตอนนี้ ซูเถาได้เข้าขัดขวางหวังเกาเฟิง แล้วคนอื่นที่เหลือจะไม่รู้สึกโกรธได้อย่างไร ?
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงนี้ ซูเถาได้ยิ้มก่อนจะมองไปยังสูเวิ่นฉี “ถ้าขืนเขายังฝังเข็มต่อไป คนไข้อาจจะได้รับอันตรายมากกว่านี้”
ซูเหวิ่นฉูหัวเราะเยาะ “นายพูดบ้าอะไร ? ทักษะของหมอหวังเหนือกว่านายไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ อย่างนายจะไปรู้เรื่องอะไร !”
ซูเถาค่อยๆปล่อยมือช้าๆ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น “ถ้าขืนเขายังดึงดันจะฝังเข็มต่อ คนๆนี้ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นหมออีกต่อไปแล้ว !”
หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ หวังเกาเฟิงถอนหายใจในขณะที่มือของเขาสั่นอยู่ “ชั้นใจร้อนเกินไป เทคนิคนี้ไม่เหมาะที่จะทำต่อแล้ว”
หลังได้ยินดังนั้น สีหน้าของซูเหวิ่นฉีก็พังทลายในทันที “เป็นไปได้ยังไง คุณพลาดงั้นเหรอ ?”
หวังเกาเฟิงยิ้ม “ชั้นประเมินสภาพร่างกายของประธานฉินผิดไป เธอจำเป็นต้องพักผ่ออนอีก 2 อาทิตย์ก่อนจะสามารถเข้ารับการฝังเข็มได้”
หวังเกาเฟิงกำลังอยู่ในสภาวะกดดันเช่นกัน เนื่องจากหลี่เย่เต๋อนั้นมักจะเรียกใช้เขาเสมอ ทำให้เขารู้สึกกังวลจนเกิดเหตุการณ์นี้
“เราจะลองกันอีกที่ภายในไม่กี่อาทิตย์ได้มั้ย ?” วูเหวิ่นฉีถาม
“มีแค่ทางนี้ทางเดียว” หวังเกาเฟิงพยักหน้าก่อนจะดึงเข็มเล่มที่ 33 ออกจากตัวของฉินเม่ยเม่ย
เมื่อเขาพูดจบก็มองไปยังซูเถาด้วยสายตาที่ซับซ้อน ถ้าซูเถาไม่เข้ามาห้ามเขา เขาคงก่อความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงไปแล้ว
หวังเกาเฟิงรู้ว่าทักษะการแพทย์ของซูเถานั้นขึ้นไปแตะถึงระดับสูงแล้ว เนื่องจากซูเถาสามารถสังเกตอาการของผู้ป่วยได้เพียงแค่การดูเท่านั้น ซึ่งแม้แต่เขาก็ยังทำไม่ได้
เขาถอนหายใจ มันยากที่เขาจะยอมรับความจริงข้อนี้ ด้วยฐานะของตัวเขาในตอนนี้ที่เห็นว่าหมอหนุ่มคนนี้มีฝีมือมากกว่าเขา
หวังเกาเฟิงถอนหายใจอย่างช้าๆ ในขณะที่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ตอนนี้ยังคงรักษาเธอไม่ได้ ไว้ผมจะมาใหม่วันหลัง”
ฉินเม่ยเม่ยใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดที่หน้าผากก่อนจะยิ้ม “ชั้นเห็นแล้วว่าหมอหวังได้ทำดีที่สุดแล้ว แต่ว่านะเหวิ่นฉี ชั้นจำได้ว่ามีหมออีก 2 คนที่นายยังไม่ได้แนะนำให้ชั้นรู้จักเลย”
ซูเหวิ่นฉีตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ทางโรงพยาบาลเจียงหัวแนะนำพวกเขามา แต่เพราะหมอหวังเป็นคนรักษาคุณ ผมคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะแนะนำพวกเขาให้คุณรู้จักทีหลัง”
ฉินเม่ยเม่ยเลิ่กคิ้ว “นี่นายละเลยแขกของเรางั้นเหรอ แถมพวกเขายังเป็นหมอจากโรงพยาบาลเจียงหัวอีกด้วย ทำไมพวกนายไม่ลองมาดูอาการชั้นดุล่ะ ?”
“พวกเขางั้นเหรอ ? ลืมมันซะเถอะประธานฉิน ทำไมเราไม่รอให้คุณได้พักฟื้นร่างกายซะก่อนที่หมอหวังจะมารักษาคุณอีกรอบล่ะ ?” ซูเหวิ่นฉีขมวดคิ้ว
ฉินเม่ยเม่ยเหลือบไปยังซูเหวิ่นฉี “เหวิ่นฉี ระวังคำพูดหน่อย นายเป็นผู้บริหารของบริษัท และคำพูดของนายถือเป็นตัวแทนของบริษัท นายไม่รูหรือไงว่าความเคารพขั้นพื้นฐานน่ะสำคัญ ?”
หลังได้ยินดังนั้น ซูเหวิ่นฉีตกใจมาก เหตุผลที่เขาไม่รู้สึกเคารพหมออายุน้อยทั้งสออง เนื่องจากโรงพยาบาลเจียงหัวส่งพวกเขามาเพียงเพื่อโชว์ปาหี่เท่านั้น
เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉินเม่ยเม่ยวันนี้ เขาได้หันไปคุยกับหมอของโรงพยาบาลเจียงหัว “ตามที่ได้ยิน เชิญพวกคุณดูอาการป่วยของประธานฉินด้วย”
หวังเกาเฟิงเก็บกล่องยาของเขาก่อนจะเข้ามานั่งข้างๆ เขายังไม่ได้ออกไปเนื่องจากเขาอยากรู้ว่าซูเถาจะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไง !
ซูเถาค่อยๆยืนขึ้นก่อนจะชี้ไปยังซุเหวิ่นฉี “ถ้าชั้นรักษาประธานฉินได้ นาย คนสกุลสู นายต้องมาคุกเข่าขอโทษชั้น”
“นี่แก !” ดวงตาของซูเหวิ่นฉีเบิกกว้าง เขาโกรธจัดจนดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง
ลู่ชีเหมี่ยวดึงซูเถากลับมา เธอไม่คิดว่าซูเถาจะกล้าพูดเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะสะใจเล็กๆ แต่มันก็ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ฉินเม่ยเม่ยมองไปยังซูเถา เธออไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนรักของหยานจิ้งจะมีนิสัยแบบนี้ เธอยิ้ม “แน่นอน ถ้านายทำได้ ซูเหวิ่นฉีจะขอโทษนายอย่างแน่นอน แต่ถ้านายทำไม่ได้ล่ะ ?”
ซูเถาส่ายหัว “ไม่มี ถ้า หรอก !”
ฉินเม่ยเม่ยไม่คิดจะปล่อยซูเถาไปง่ายๆอยู่แล้ว เธอยิ้ม “แล้วอย่างงี้เป็นไง ถ้านายรักษาชั้นไม่ได้ นายจะพาหยานจิ้งมาทำอาหารให้ชั้นกินได้มั้ยล่ะ ?”
ได้ยินดังนั้น ซูเหวิ่นฉีก็หน้าถอดสี เขารู้แล้วว่าเผลอทำเรื่องผิดพลาดลงไป
ทำไมซูเถาถึงไม่บอกเขาว่าเขารู้จักกับฉินเม่ยเม่ย นี่ซูเถาแกล้งเขาอย่างงั้นเหรอ ? ซูเหวิ่นฉีรู้สึกว่าตัวเองนั้นติดกับ พอนึกถึงเรื่องที่เขาทำเย็นชาใส่ซูเถา การกระทำของเขานั้นช่างดูน่าหัวเราะเหมือนกับตัวตลกไม่มีผิด
ซูเถาก็คงไม่คิดเหมือนกันว่าเรื่องมันจะมาไกลถึงขนาดนี้ ในมุมมองของเขา การพบกันของเขากับฉินเม่ยเม่ยดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อสังเกตจากท่าทางของเธอแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นการวางแผนเอาไว้แล้วก็ได้ ฉินเม่ยเม่ยไม่ใช่คนโง่ เธอเป็นคนที่รอบคอบมากทีเดียว
ซูเถายังไหล่ “เธอจะลิสต์ความต้องการอะไรมาก็ได้ แต่ชั้นไม่สามารถสัญญาเรื่องที่เกี่ยวกับหยานจิ้งได้จริงๆ”
“ชั้นไม่สนใจหรอก ชั้นเข้ารักการรักษาก็ต่อเมื่อนายสัญญาเรื่องนี้กับชั้นเท่านั้น” ฉินเม่ยเม่ยส่ายนิ้ว
ซูเถายิ้ม “ลืมมันไปเถอะ , ไว้มาดูผลลัพธ์กันดีกว่า”
ซูเหวิ่นฉีประหลาดใจเพราะตอนแรกนั้นเขาคิดว่าซูเถาเป็นเพียงผู้ช่วย แต่มาตอนนี้เขากลับเป็นคนที่มารักษาฉินเม่ยเม่ยและลู่ชีเหมี่ยวเป็นผู้ช่วย
ซูเถาเปิดกล่องเครื่องมือแพทย์ของเขาและหยิบกระเป๋าใส่เข็มออกมาก่อนจะเลือกเข็มขนาดกลาง
เขาย้ายไปด้านหลังของฉินเม่ยเม่ยก่อนจะหายใจเข้าลึกๆและเริ่มเอาเข็มฝังลงไปยังจุดที่เอวของเธอ
สายตาของหวังเกาเฟิงดูเป็นประกายทันทีที่เห็นการฝังเข็มนี้ ถึงแม้จุดฝังเข็มที่ซูเถาเลือกจะดูธรรมดา แต่จริงๆมันไม่ใช่จุดธรรมดาๆ มันเป็นการฝังเข็มตามลำดับความสำคัญอย่าง ‘การบรรเทา’ และในฐานะแพทย์พวกเขาจะเริ่มจากการผ่อนคลายก่อน หากพบว่ามีที่ไหนที่มีการอุดตันเพื่อทำให้เลือดลลมนั้นไหลเวียนได้อย่างราบรื่น
“โอ้ย..” สิบนาทีต่อมาหลังจากฝังเข็ม ฉินเม่ยเม่ยรู้สึกร้อนในหน้าอกก่อนจะเรอยาวออกมาประมาณ 10 วินาที มันเป็นสัญญาณของการบรรเทาจุดอุดตันของจุดฝังเข็ม
หวังกุ้ยเฟิงใช้เข็มมากกว่า 30 เล่ม ในขณะที่ซูเถาใช้เพียงแค่เล่มเดียว แสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นระหว่างพวกเขา !
“รู้สึกดีชะมัด” หลังจากเธอเรอ เธอก็พูดขึ้น “ตอนนี้ชั้นรู้สึกหิวแล้ว !”
การที่เธอรู้สึกอยากอาหารเป็นสัญญาณว่าร่างกายของเธอได้รับการจัดระเบียบโดยซูเถาแล้ว
ซูเถามองไปยังหวังเกาเฟิง “ทุกอย่างต้องขอบคุณหมอหวัง ก่อนหน้านี้เขาได้ฝังเข็มไปที่จุดหยวนทั้ง 12 จุด ชั้นเพียงแค่ทำต่อจากเขาเท่านั้น”
หวังเกาเฟิงถอนหายใจโดยที่ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรเพิ่มเติม “ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้แบบนาย ประธานฉิน ต้นตอของการเดินละเมอของคุณได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว ผมต้องขอตัวก่อน”
หลังจากพูดเสร็จ หวังเกาเฟิงได้หยิบกล่องเครื่องมือของเขาก่อนจะออกไป เขารู้สึกหดหู่มากพลางเกรงกลัวในทักษะของซูเถา เขามั่นใจได้เลยว่าซูเถาจะต้องกลายมาเป็นภัยคุกคามเขาอย่างแน่นอนในอนาคต
ซูเหวิ่นฉีไม่ได้เดินไปส่งหวังเกาเฟิง ใบหน้าของเขาถูกฉาบไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะมองไปที่ซูเถา “บ้าจริงๆ ชั้นคงจะตาบอดไปแน่ๆเลย ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหมอซูจะมีฝีมือขนาดนี้ทั้งๆที่ยังเด็กแท้ๆ เป็นความโง่ของชั้นเอง ชั้นรู้สึกเสียใจจริงๆ”
การปรับตัวของเขานั้นทำได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว ถ้าเป็นคนอื่น คงจะเผลอคล้อยตามกับคำขอโทษนั่นไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ซูเถาก็ไม่ใช่คนอื่นที่ว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอก นายต้องทำตามสัญญา คุกเข่าขอโทษเดี๋ยวนี้ !”
“แก !” ซูเหวิ่นฉีเบิกตามองไปยังซูเถาด้วยความโกรธ เขาได้แสดงการขอโทษออกมามากพอแล้ว แต่ซูเถาก็ยังต้องการให้เขาคุกเข่าขอโทษ !
ซูเถาขยับนิ้วเล็กน้อย ก่อนที่ขาขวาของเขานั้นรู้สึกชา เขารู้สึกว่าขาของเขานั้นอ่อนแรงก่อนจะคุกเข่าลงไป ในขณะที่ซูเถาประกาศกร้าว “เราต้องชดใช้ในกระทำของเรา คนตระกูลซูู นี่คือสิ่งที่นายต้องชดใช้สำหรับการกระทำในวันนี้ !”