บทที่ 28 อย่าไปแกล้งใครตอนที่เขายังเด็ก
ตี้ชีหยวนยืนขึ้นก่อนจะเดินไปรอบๆสำนักงาน “บางครั้งผมก็คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ผมเพียงแค่อยากจะเป็นหมอที่เก่งกาจเท่านั้นเอง ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะกลายมาเป็นผู้บริหารได้ เพียงเพราะผมนั้นต้องยุ่งเกี่ยวกับการบริหารเท่านั้นเอง แทนที่ทักษะการแพทย์ของผมจะพัฒนาขึ้น แต่กลับลดลงซะได้”
ถังหนานเชงพยักหน้าเห็นด้วย เขาไม่เหมือนกับตี้ชีหยวน เขามีโอกาสที่จะเป็นฝ่ายบริหารเนื่องจากฝีมือทางการแพทย์ที่โดดเด่นของเขาเอง แต่ในท้ายที่สุด เขาได้เลือกทางที่จะต่างจากตี้ชีหยวน ถังหนานเชงเลือกที่จะพัฒนาฝีมือทางการแพทย์ของตนเอง ศึกษาการแพทย์แผนจีนมาตลอดชีวิตจนสามารถขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ แต่ในสายตาของคนอื่น ถังหนานเชงนั้นดูมีอำนาจน้อยกว่าตี้ชีหยวน
ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนนั้นดูยังไงก็ด้อยกว่า ประธานของโรงพยาบาลชั้นนำ ถึงแม้ว่าทักษะของถังหนานเชงนั้นจะเหนือกว่ามากก็ตาม ซึ่งเขาก็ไม่ได้มีอำนาจใดๆ ส่งผลให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ถนัดนักในการที่จะโปรโมทแผนก TCM
ถังหนานเชิงถอนหายใจก่อนจะพูด “ชีหยวน นายทำหน้าที่ของนายได้ดีแล้ว เราต่างก็มีหน้าที่และบทบาทของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักงานเมืองของนาย โรงพยาบาลเจียงหัวคงไม่ได้มาถึงจุดนี้ได้หรอก”
ตี้ชีหยวนยิ้มเล็กน้อย “แต่ผมก็ยังกังวลเกี่ยวกับอนาคตของโรงพยาบาลเจียงหัวอยู่ดีนั่นแหละ”
ถังหนานเชงอึ้งเล็กน้อยกับคำพูดนั้น “นายจะย้ายไปที่อื่นงั้นเหรอ ?”
ตี้ชีหยวนพูดต่อ “ในสายตาคนอื่น ตำแหน่งประธานของโรงพยาบาลเจียงหัวนั้นเป็นตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้ผมมีโอกาสที่จะขึ้นเป็นประธานมาหลายปีแล้ว ผมก็ยังคงรักษาสถานะเดิมเอาไว้ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเฉียวเต้อหาวในเรื่องของบริษัทเภสัชกรรมหงหมิง ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ทางสำนักงานเมืองดูเหมือนจะให้น้ำหนักกับเรื่องนี้มากและคอยจับตาดูอยู่ พวกเขาได้พยายามมาหาผมหลายครั้งเพื่อทที่จะให้ผมนั้นออกจากโรงพยาบาลนี้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังหนานเชงโมโหขึ้นมาทันที “ไอ้พวกนั้นมันตาบอดหรือยังไง ! เห็นๆกันอยู่ว่านายทำงานอย่างซื่อสัตย์ที่นี่มาตั้งหลายปี เฉียวเต้อหาวต่างหากที่เป็นเหมือนกับเนื้อร้ายของที่นี่น่ะ”
พอเห็นถังหนานเชงดูจะสนับสนุนในตัวเขา ตี้ชีหยวนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นทีเดียว “คุณถัง , ถ้าคุณยังอยู่ในตำแหน่งนี้นานเกินไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีอะไรเสียหายก็เถอะ แต่คนอื่นอาจจะอิจฉาคุณเอาได้นะ ผมคิดเรื่องนี้มาซักพักแล้วล่ะ โรงพยาบาลเจียงหัวในมือผมตอนนี้มันถึงขีดจำกัดแล้ว บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วที่จะให้คนอื่นมารับช่วงต่อจากผม”
ถังหนานเชงส่ายหัวแทบจะทันที “ทำไมไม่ลองติดต่อไปยังกระทรวงสาธารณสุขจังหวัดหัวหน้าชางดูล่ะ , บางทีเขาอาจจะช่วยเรา…”
ตี้ชีหยวนยิ้ม “ผมคิดว่ามันคงเลี่ยงไม่ได้ที่ผมจะต้องไปจากที่นี่ ผมแค่หวังว่าจะสะสางอะไรให้เรียบร้อยก่อนจะจากไป”
ถังหนานเชงได้เข้าใจขึ้นมาแล้วว่าทำไมตี้ชีหยวนถึงได้จงใจให้ตำหนังของซูเถานั้นเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของโรงพยาบาลเจียงหัว ซึ่งมันสามารถปกป้องซูเถาจากการคุกคามของเฉียวเต้อหาวได้ในกรณีที่ตี้ชีหยวนได้ออกไปแล้ว
ถังหนานเชงถอนหายใจ “ถ้านายไป แล้วใครจะรับตำแหน่งประธานต่อล่ะ ? แน่นอนว่าเฉียวเต้อเหาน่ะไม่เหมาะแน่ !”
“เรื่องนั้นแหละที่ผมจะสะสางให้เรียบร้อยก่อนจะไป” ตี้ชีหยวนตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลังจากที่ถังหนานเชงออกไป ตี้ชีหยวนก็ได้มองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดในใจ ในไม่ช้า เฉาจุนจะถูกย้ายไปที่ศาลาว่าการของเมืองในฐานะรองนายกเทศมนตรีของกระทรวงสาธารณสุขชั่วคราว และมีโอกาสสูงที่ตัวเขาเองจะรับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าสำนักอนามัยของเมือง
ถึงแม้ว่าเขาจะอำลาจากโรงพยาบาลเจียงหัวในเร็ววันนี้ แต่การที่เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าสำนักอนามัยเมือง มันจะทำให้เขาสามารถรักษาอำนาจในโรงพยาบาลเจียงหัวต่อไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นการเปิดช่องว่างให้เฉียวเต้อหาวในการวางแผนชั่วได้ง่ายขึ้น
หลังจากกินอาหารค่ำเสร็จ เวร่าได้ให้คนขับรถของเธอพาซูเถาไปส่งที่ตำหนักของเขา แต่รถได้แวะจอดกลางทางก่อนจะมีหญิงสาวชาวต่างชาติซึ่งซูเถาเคยเห็นหน้ามาก่อนติดรถขึ้นมาด้วย
“ขออนุญาตแนะนำตัวเอง ; ชื่อของชั้นคือชาราโปว่า , เป็นผู้ดูแลมิสเวร่า” ถึงแม้ชาร่าจะพูดจีนกลางไม่เก่าเท่าไหร่ แต่ก็พอจะรู้ว่าเธอพูดอะไร
ซูเถาดูเหมือนจะรู้สึกถึงความไม่พอใจบางอย่างในคำพูดนั้น เขาถามต่อ “แล้วมันทำไมเหรอ ? คุณต้องการอะไร ?”
“ได้โปรดรักษาระยะห่างกับมิสเวร่าด้วย , ไม่เช่นนั้นคุณได้ตกที่นั่งลำบากแน่” ดวงตาของชาร่าจ้องมาที่ซูเถา
ซูเถาตอบกลับ “ผมไม่ต้องการให้คุณมารบกวนความสัมพันธ์ของพวกเรา , ถ้าเวร่าไม่อยากเจอผมแล้ว ผมจะไปเอง ด้วยความเคารพ ไม่ว่าสิ่งที่เรามีจะเป็นมิตรภาพหรือความรักก็ตาม พวกเราสองคนต่างก็เต็มใจในสิ่งเหล่านั้น”
ชาร่ามองซูเถาด้วยความขุ่นเคือง เธอคิดว่าซูเถานั้นเป็นพวกที่หวังแค่ผลประโยชน์เท่านั้น ก่อนที่เธอจะตอบกลับแทบจะทันที “ถ้านายต้องการเงินละก็ ชั้นสามารถจ่ายเงินก้อนโตให้นายได้ และรับประกันชีวิตของนายได้ด้วย ไม่ต้องกังวล”
ซูเถาอึ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มและตอบกลับไป “เธอไม่เพียงแค่เหยียดหยามชั้นเท่านั้น แต่เธอยังเหยียดหยามเวร่าอีกด้วย จอดรถเดี๋ยวนี้ !”
คนขับรถเหยียบเบรก ก่อนที่ซูเถาจะลงจากรถ ก่อนที่จะชูนิ้วกลางใส่ “ไอ้ระยำเอ้ย !”
ชาร่ารู้สึกโมโหมากกับการกระทำของซูเถาเมื่อกี้ เขาเป็นคนแรกที่ทำกิริยาเช่นนี้กับเธอ เมื่อเธอกำลังจะลงจากรถเพื่อที่จะจัดการซูเถา คนขับรถได้เหยียบคันเร่งทันที และรีบขับรถออกไปจากตรงนั้นโดยเร็ว
“มิสเตอร์จู ออกรถทำไม ?” ชาร่าถามด้วยความข้องใจ
อย่างไรก็ตาม คนขับก็ทำเหมือนกับว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด และตอบกลับไป “อะไรนะ ? เร็วขึ้นอีกงั้นเหรอ ? จัดให้ !”
คนขับรถเป็นคนจีน ซึ่งพอเขาเห็นชาร่าพูดจาแบบนั้นใส่ซูเถา เขาก็รู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน เขาจึงเอาคืนเธอซักหน่อย
ซูเถามองไปที่รถแล้วถอนหายใจ เขารู้ถึงเจตนาของชาร่าแม้ว่าจะไม่พอใจเธอ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวร่านั้นมันค่อนข้างลึกซึ้งทีเดียว
เวร่านั้นเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่ง ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ดึงดูดซูเถาให้เข้าหา แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้เรื่องที่ตระกูลเออร์มอนด์ นั้นมีอำนาจมากแค่ไหน ดังนั้น มันจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะสานต่อความสัมพันธ์ไปในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ซูเถาก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก ไม่ว่าจะฐานะหรืออำนาจก็เป็นสิ่งที่สร้างทีหลังได้ อย่าได้ดูถูกความทะเยอทะยานของเด็กหนุ่มเชียว !
หลังจากกลับมาที่หางโจว ในตอนแรก ซูเถาตั้งใจแค่ว่าจะทำงานที่ตำหนักของเขาเท่านั้น แต่พอเวลาผ่านไป เป้าหมายของเขาก็ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เขาตั้งใจจะเผยแพร่วัฒนธรรมของแพทย์แผนจีนด้วยทักษะของเขา และพัฒนาตำหนักของเขาให้กลายเป็นกลุ่มทางการแพทย์จีน และในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องการพิสูจน์ให้พวกที่เคยมองว่าซูเถานั้นเป็นไอ้โง่ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง
เงินทุนจากโรงพยาบาลเจียงหัวนั้นได้มาถึงอย่างรวดเร็ว แถมมีทั้งอุปกรณ์การแพทย์แผนจีนอีกด้วย ถึงแม้ว่าการรักษาด้วยแพทย์แผนจีนจะลดลง แต่อุปกรณ์การแพทย์และระบบการวินิจฉัยก็ยังจำเป็นจะต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น อย่างเช่น แค่มีคนป้อนข้อมูลลงไป ระบบก็สามารถวินิจฉัยออกมาได้หมดแล้ว เป็นต้น
ระบบนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในตอนนี้ ถึงแม้ว่ามันจะยังมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง แต่มันก็สามารถใช้งานได้ดีเพราะสามารถตอบสนองการวินิจฉัยได้
นอกเหนือจากระบบการวินิจฉัยแล้ว ก็ยังมีมีดผ่าตัด การฆ่าเชื้อ โคมไฟส่องเวลาผ่าตัด และอุปกรณ์อื่นๆอีกมากมาย โรงพยาบาลเจียงหัวได้มอบเงินให้เป็นจำนวน 3 ล้านหยวน ซึ่งทำให้คนทั้งโรงพยาบาลเจียงหัวนั้นประหลาดใจมาก เพราะตี้ชีหยวนนั้นเป็นพวกที่ขึ้นชื่อเรื่องความขี้เหนียว เขาเก็บเงินของโรงพยาบาลไว้อย่างดี ซึ่งเป็นที่น่าตกใจว่าทำไมเขาถึงยินดีจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนั้นให้กับแค่ร้านยาพันธมิตร
เสี่ยวจิงจิงดูจะคุ้นเคยกับตำหนักแล้วหลังผ่านไปหลายวันและดูมีความมั่นใจมากกว่าเดิม
เสี่ยวจิงจิงกำลังดูจ้าวเจี้ยน หวังเผิงและคนอื่นๆซึ่งกำลังจัดเรียงอุปกรณ์ ก่อนที่หวังเผิงจะพูดขึ้น “ไม่คิดเลยว่าคนอย่างเสี่ยวจิงจิงจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้หลังจากได้มาฝึกงานที่ตำหนักนี่”
จ้าวเจี้ยนมองไปยังเสี่ยวจิงจิงก่อนจะสะกิดหวังเผิง “เธอเป็นศิษย์พี่นะ ถ้าเราต้องการเรียนวิชาจากอาจารย์ซู เราก็ต้องฟังเธอ”
หวังเผิงมองไปยังจ้าวเจี้ยนด้วยความประหลาดใจก่อนจะยิ้มแปลกๆ “เห้ๆ นายคงไม่ได้ตกหลุมรักแม่สาวสี่ตานั่นใช้มั้ยพวก ?”
จ้าวเจี้ยนหัวเราะเบาๆ “ชั้นคิดว่ามันก็ไม่เลวนะที่จะมองเธอใหม่น่ะ”
หวังเผิงส่ายหัว “ชั้นไม่คิดเลยว่ารสนิยมของนายมันจะแปลกขนาดนี้ ด้วยความเคารพนะเพื่อน นายยังคงเป็นเซเลบในชมรมบาสอยู่ สาวๆตามนายกันทั้งนั้น แล้วยัยสี่ตานี่น่าสนใจตรงไหน ? นายดูแว่นเธอสิ หนาขนาดไหน”
จ้าวเจี้ยนถอนหายใจ “ชั้นก็รู้ว่ามันแปลกนะแต่แบบ เวลาชั้นมองไปที่เธอ หัวใจชั้นแทบจะหยุดเต้น ยิ่งตอนที่เธอคุยกับชั้น ชั้นรู้สึกมีความสุขมากเลย ชั้นคิดว่านายไม่ควรตัดสินอะไรจากภายนอกน พวกเราทุกคนน่ะต่างก็ไม่เข้าใจคำพูดของอาจารย์กันทั้งนั้นนอกจากเธอ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเธอก็เก่งกว่าพวกเราแล้ว”
“นายมันจบสิ้นแล้วเพื่อน” หวังเผิงยักไหล่
ซูเถายังไม่ได้รับจ้าวเจี้ยนและหวังเผิงเป็นลูกศิษย์ แต่พวกเขาทั้งสองก็ยังจะเรียกเขาว่าอาจารย์ทั้งๆที่อายุระหว่างพวกเขานั้นแทบจะไม่ได้ห่างกันเลย
ผู้เฒ่าสูนั่งอยู่ที่ประตูพลางมองไปยังพวกเด็กๆที่กำลังยุ่งอยู่ “ตำหนักนี่เปลี่ยนไปแล้วสินะ ชั้นว่าพวกเราคงมานั่งเล่นหมากรุกที่นี่กันไม่ได้ซะแล้วสิ มันจะเป็นการรบกวนพวกเด็กๆกันเปล่าๆ”
เมื่อเสี่ยวจิงจิงได้ยินดังนั้น เธอยิ้ม “ผู้เฒ่าสู ผู้เฒ่าเฉิน วางใจเถอะค่ะ ที่ตำหนักนี่กำลังจะมีโซนผู้สูงอายุพร้อมกระดานหมากรุกไว้ให้ พวกท่านทั้งสองเป็นแขก VIP ชุดแรกของเรา ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมค่ะ”
ผู้เฒ่าเฉินยิ้ม “นั่นมันยอดไปเลย ไว้ชั้นจะบอกพวกเพื่อนๆของชั้นให้นะ”
เสี่ยวจิงจิงยิ้มก่อนจะกระซิบ “พวกเขาสามารถทำบัตรสมาชิกรายปีซึ่งเฉลี่ยแล้วมีค่าใช่จ่ายแค่วันละครึ่งหยวนเท่านั้นเอง ไว้ชั้นจะแบ่งค่าคอมให้นะถ้าพวกคุณเชิญเพื่อนๆมาได้ !”
ผู้เฒ่าสูหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะเริ่มส่งข้อความและพูดขึ้น “ตาเฉิน พวเขาไม่ได้คิดตังค์เรานะ แล้วอย่างงี้นายว่ามันจะไม่น่าละอายไปหน่อยเรอะที่จะเอาค่าคอมน่ะ ?”
พอผู้เฒ่าเฉินเห็นว่าผู้เฒ่าสูเริ่มเคลื่อนไหว เขาก็พูดกลับไป “นี่แก เอามาให้ชั้นซักสองสามคนเซ่ !”
พอเสี่ยวจิงจิงเห็นว่าผู้เฒ่าทั้งสองต้องการจะช่วยเธอ เธอก็หัวเราะเบาๆ ซึ่งมุมอาวุโสนี่เธอเป็นคนแนะนำซูเถาเองเพราะมันสามารถเจาะตลาดกลุ่มผู้อาวุโสได้ และเขาก็ได้อนุญาตเธอเรียบร้อยแล้วเรื่องนี้
ค่าธรรมเนียมสมาชิกนั้นไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ซูเถาต้องการให้เหล่ากลุ่มผู้สูงอายุเหล่านี้ได้มารวมตัวกันเพื่อที่จะบอกเล่ากันไปปากต่อปากเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีกไม่นานชื่อของตำหนักก็จะเป็นที่แพร่หลายในกลุ่มผุ้สูงอายุ
เสี่ยวจิงจิงนั้นรู้อยู่แล้วว่าซูเถานั้นตั้งใจจะเจาะตลาดกลุ่มพวกวัยรุ่นด้วยครีมบำรุงชนิดพิเศษของเขา ดังนั้นเขาจะปลีกตัวไปยังห้องยาเสมอหลังจากที่พวกนักเรียนกลับกันไปหมดแล้ว ซึ่งเธอยังได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เป็นครั้งคราวในตอนที่เธอนั้นกลับช้า