บทที่ 5 เผชิญหน้ากับแพทย์สาวผู้เย็นชา
ทั้งสองกลับเข้าไปนั่งในรถ , ไคหยานมองดูซูเถาที่ตอนนี้นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ราวกับเขาไม่ใช่ซูเถาคนก่อนหน้านี้ที่เธอรู้จัก เธอพูดด้วยความสับสน
“นายนี่กล้าบ้าบิ่นจังเลยนะ แม้แต่ชั้นยังขาสั่นไปหมดเลย”
ซูเถาดึงสายตาของเขากลับมาจากวิวยามค่ำตืน เขามองไปที่ใบหน้าอันสวยงามของไคหยานซึ่งเธอรวบผมอยู่ ซึ่งเผยให้เห็นถึงใบหูที่งดงามขาวราวกับไข่มุก
การแต่งตัวของไคหยานนั้นมันล่อแหลมจนถึงขนาดที่ทำให้จิตใจของผู้ชายนั้นคิดมิดีมิร้ายได้เลย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสการ์ถึงพยายามคุกคามเธอ
ไคหยานสวมชุดกระโปรง ซึ่งเมื่อเธอยกขาขึ้น มันจะเผยให้เห็นถึงต้นขาอันอ่อนนุ่มของเธอ
ซูเถาไอแห้งๆ และมองไปข้างหน้า “ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะสู้กับพวกมันหรอก แต่ในเมื่อใช้กฏหมายไม่ได้ บางทีกฏหมัดอาจจะได้ผลดีกว่า”
“งั้น แปลว่านายตั้งใจจะสู้แต่แรกแล้วงั้นสิ ?” ไคหยานพูดไม่ออกเมื่อเธอเข้าใจแล้วว่าทำไมซูเถาถึงพยายามที่จะไม่ขยับเลย ในตอนนั้น เธอยังคิดอยู่เลยว่าเขาโม้หรือเปล่า
“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นเอง” เขายิ้ม “ชั้นจะจัดการทุกอย่างเที่เข้ามาเอง”
ซูเถาท่องโลกมาหลายปี มากด้วยประสบการณ์ ดังนั้น เขาถึงสามารถทำใจให้สงบได้อย่างชำนาญ แต่ลึกๆภายในตัวเขาก็มีนิสัย “ใครไม่ทำข้า ข้าก็ไม่ทำเขา” อยู่ด้วยเช่นกัน
เขาอาจจะดูอ่อนโยน แต่ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่เข้มแข็ง การปกป้องตำหนักเป็นความรับผิดชอบของเขา ดังนั้นถ้าใครคิดจะทำอันตรายต่อมัน เขาจะเอาคืนเป็นสิบเท่าโดยไม่สนว่าเป็นใครมาจากไหนทั้งนั้น
ไคหยานถอนหายใจ ตั้งแต่ต้น ซูเถาตั้งใจจะให้หมัดของเขาเพื่อส่งสัญญาณไปยังพวกนักธุรกิจว่าเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะมาล้อเล่นด้วยได้
อย่างไรก็ตาม , เธอได้ยินข่าวลือมาว่าพวกนักธุรกิจนั้นมีอิทธิพลมาก ดังนั้น พวกมันจะไม่มีทางล้มเลิกเรื่องรื้อถอนอย่างแน่นอน เธอกังวลว่าซูเถาอาจจะไม่ได้เดินออกมาข้างนอกอย่างปลอดภัยในครั้งต่อไป
เมื่อซูเถาเห็นไคหยานเงียบ เขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “จริงๆแล้วเธอไม่จำเป็นต้องมาที่ตำหนักเพื่อดูอาการป่วยก็ได้นะ กินยาที่ชั้นจัดให้ อาการป่วยของเธอก็น่าจะหายภายในสองเดือน”
ไคหยานกระพริบตา ก่อนจะยิ้ม “ทำไมล่ะ ? นายคิดว่าชั้นจะเป็นตัวถ่วงนายงั้นเหรอ”
ซูเถาส่ายหัว เขาอธิบาย “อาการป่วยของเธอไม่ได้หนักหนาอะไร แต่มันก็ไม่ได้เบาจนไม่น่าเป็นห่วง มันยากที่จะรักษาให้หายขาด ชั้นทำได้แค่ทำให้อาการป่วยของเธอคงตัวเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือจิตใจของเธอ ดังนั้นชั้นจึงได้คุยเรื่องสนุกๆกับเธอทุกวันเพื่อให้เธอร่าเริง”
ไคหยานตอบกลับ “แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ยอมบอกเรื่องนี้?”
‘ถ้าชั้นบอกเธอ ชั้นก็ไม่ใช่หมอ คงเป็นไอ้โง่’ ซูเถาคิดในใจ เขายิ้ม “บางครั้ง คนเป็นหมอก็จำเป็นเป็นต้องโกหกเพื่อตรวจสอบอาการป่วยของคนไข้ เพราะคนไข้นั้นเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังและค่อนข้างอ่อนไหวง่าย ถ้าเกิดบอกอไปตามตรง อาจทำให้อาการป่วยทรุดหนักลงได้”
ไคหยานอึ้ง เธอสวน “งั้นทำไม่ถึงมาบอกตอนนี้”
ซูเถาสบตาไปยังไคหยาน “เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกันยังไงล่ะ”
ไคหยานยิ้ม ก่อนที่เธอจะหัวเราะเยาะให้กับตัวเอง “’งั้น นายก็ทำเหมือนชั้นเป็นคนแปลกหน้ามาตลอดงั้นสิ”
“ก่อนหน้านี้ , ความสัมพันธ์ของเรานั้นเป็นเพียงแค่หมอกับคนไข้เท่านั้น” เขาอธิบาย “แต่เนื่องจากเราได้ต่อสู้ร่วมกัน เราจึงเป็นเพื่อนกัน”
สาายตาของไคหยานมองต่ำลงไปบนถนน ก่อนที่เธอจะรูสึกอบอุ่นในหัวใจ ก่อนที่เธอจะส่งซูเถาที่ร้านยาและจากไป
เมื่อซูเถาถึงห้องนอน เขาได้หยิบกล่องเครื่องมือแพทย์ซึ่งดูค่อนข้างเก่าพออสมควรออกมา พอเปิดมันออก ก็มีหนังสือเก่าๆที่ปกดูยับเยินอยู่ข้างใน มันคือหนังสือตำราแพทย์ของซู กวงเฉิงตั้งแต่สมัยที่เขาเริ่มฝึกปรุงยา
ซูเถาเปิดหนังสือไปที่หน้าสุดท้ายพลางครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะเก็บหนังสือลงกล่อง ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดคิด หัวหน้าของพวกนักอสังหาฯ เนี่ย เว่ยถิง จะต้องส่งคนมาหาเขาอีกภายในวันสองนี้แน่นอน
วันต่อมา ซูเถาได้พากล่องเครื่องมือแพทย์ไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการฝังเข็มเวร่า ในขั้นตอนการรักษา มีเพียงเขาและเวร่าสองต่อสองเท่านั้นในห้องผู้ป่วย
พอเวร่าเตรียมที่จะถอดชุดผู้ป่วยออกซึ่งเผยให้เห็นถึงผิวขาวราวไข่มุกของเธอ ซูเถากวาดตามอง และได้ห้ามเธออย่างรวดเร็ว “วันนี้เราจะฝังเข็มกัน เธอไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้า”
เวร่าคิดว่าวันนี้เธอจะต้องเปลือยเพื่อเข้ารับรักษา เธอจึงสวมแค่ผ้าคลุมเท่านั้น ไม่แม้แต่จะใส่ชุดชั้นใน หน้าอกของเธอนั้นตั้งชูชันราวกับสว่าน ปรากฏให้เห็นจุดสีชมพูสองจุดบนเสื้อคลุม เธอสวมแค่ผ้าคลุมบางๆเท่านั้น
ถึงแม้ว่าซูเถาจะเคยเห็นร่างเปลือยของเธอ แต่ก่อนหน้านี้เธอใส่เสื้อผ้ามากกว่านี้ พอเทียบกับตอนที่เธอไม่ได้สวมอะไรเลย ทำให้จินตนาการจนเลยเถิดไปไกล
เธอมองไปยังซูเถาที่กำลังทำตาใส “ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ?”
ซูเถายิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาคิดในใจ ‘เล่นถอดซะไวแบบนี้ ใครมันจะไปเตือนทัน’
เนื่องจากใช้เข็มเป็นตัวกลาง หากเทียบกันแล้วมันง่ายกว่าเมื่อวาน หลักจากฝังเข็มเสร็จ เขาได้ต้มยาใที่จำเป็นในตอนเช้า และมอบมันให้เวร่า เธอลองจิบแล้วพอเธอเช็ดปาก เธอแสดงออกให้เห็นถึงอาการรังเกียจยา
ซูเถายิ้ม จากนั้นเขาได้ส่งใบไม้ให้เวร่า “คาบใบไม้นี่ไว้แล้วดูดมันดู ทำแบบนี้แล้วมันจะทำให้เธอดื่มยาง่ายขึ้น”
เวร่าคาบใบไม้เอาไว้ เธอดูลังเลก่อนที่จะจิบยาเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง เธฮอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “เหมือนเวทย์มนต์เลย ทำไมยานี่ไม่ขมแล้ว ? นี่เรียกว่าใบอะไรเหรอ ?”
ซูเถามองไปที่คิ้วของเวร่าซึ่งคลายออก หลังจากสองวันที่ได้ใช้พลังฉีในการปลดจุดของเธอ อาการป่วยของเธฮก็สามารถควบคุมได้อย่างดี และเธอก็ไม่มีอาการหงุดหงิดระเบิดอารมณ์อีกต่อไป
เขายิ้มและอธิบาย “นี่เรียกว่าใบชาหวาน ซึ่งงอกขึ้นมาบริเวณหน้าผาของภูเขาสูง มีความหวานมากกว่าอ้อย 300% อีกทั้งยังมีอัตราส่วนความร้อนของอ้อยเพียง 1/300 โดยมีผลในการขจัดความร้อนภายในร่างกายและขับพิษ หล่อเลี้ยงปอด ละลายเสมหะและทำให้หยุดไอ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อโรคหลอดลมอักเสบของเธอ”
เวร่าจ้องมองไปยังซูเถา “เถา คุณนี่วิเศษจริงๆ ทำให้ชั้นหลงรักด้วยการแพทย์จีน สนใจจะมาเป็นหมอส่วนตัวของชั้นไหม รับรองว่าจะจ่ายให้อย่างงามเลย”
ซูเถายักไหล่ ก่อนจะยิ้มอย่างติดตลก “เวร่า ผมชอบความสัมพันธ์ในตอนนี้ของเรามากกว่านะ ผมเป็นหมอ และเราไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์แบบว่าจ้างกัน ถ้าผมกลายเป็นหมอส่วนตัวของคุณ คุณก็จะกลายเป็นเจ้านายผม และเราก็ไม่สามารถที่จะพูดคุยกันแบบปกติเหมือนตอนนี้ได้อีก”
ถึงแม้เขาจะพูดออกมาแบบนั้น ในขณะเดียวกันเขาก็คิดในใจ ‘ถ้าชั้นกลายเป็นลูกน้องของเธอ ชั้นจะจีบเธอได้ยังไง’
เวร่ายิ้ม “คุณเป็นคนจีนที่น่าสนใจที่สุดเท่าที่ชั้นเคยพบมา ขอบคุณที่เปิดโลกใหม่ให้กับชั้น”
ผู้ป่วยฮิสเทเรียได้รับความทุกข์ทรมานจากอาการป่วยทางจิต ดั้งนั้นพวกเขาจึงมองโลกในแง่ร้าย ไม่ต่างไปจากคนตาบอด ดังนั้น เมื่ออารมณ์ของเวร่าอยู่ในสถาวะสมดุล เธอจึงเหมือนกับได้ค้นพบโลกใหม่
ซูเถายิ้ม “ถึงแม้ผมจะเป็นหมอส่วนตัวให้คุณไม่ได้ แต่ผมยังมีร้านขายยาที่ผมเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ คุณจะมาหาผมเมื่อไหร่ก็ได้”
หลังจากเขาพูดจบ ก็ได้ส่งนามบัตรที่เพิ่งพิมพ์มาหมาดๆให้กับเวร่า
ถ้าเขาต้องการที่จะฟื้นฟูตำหนัก ก็จำเป็นที่จะต้องโฆษณาบ้าง ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเหมือนการกำลังขโมยคนไข้ของโรงพยาบาลเจียงหัวก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
เรารักษาออาการป่วยของเวร่าด้วยความสามารถของเขาเอง และโรงพยาบาลเจียงหัวก็ไม่แม้แต่จะปรึกษาหารือกับเขาหรือจ่ายค่ารักษาให้ มันทำให้ซูเถารูสึกว่าโรงพยาบาลนี่ไม่จริงใจกับเขา
เวร่าเก็บนามบัตรอย่างระมัดระวัง “ชั้นจะเป็นลูกค้าเจ้าประจำเลยล่ะ”
ซูเถามองไปที่ใบหน้าอันน่าเอ็นดูของเวร่า พลางวางแผนเอาไว้ในใจ หากเวร่ามาที่ตำหนักครั้งหน้า เขาจะต้องโฆษณาเกี่ยวกับตำหนักให้เป็นที่รู้จักจนแม้แต่พวกต่างชาติต่างก็สนับสนุนในการรักษาที่ตำหนักนี่ ผู้ป่วยขาประจำของปู่เขาจะไม่กลับมารักษาอีกงั้นเหรอ ?
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีใครปฏิเสธที่จะได้เห็นผู้หญิงสวยๆบ่อยขึ้นหรอก
หลังจากที่ซูเถาออกจากห้อง เขาถูกคนตามประกบ เซึ่งก็คือตี้ ชีหยวน ประธานโรงพยาบาล และหัวหน้าสำนักอนามัยเมือง เฉา จุน
ตี้ชีหยวนกลัวว่าซูเถาจะหนีไป เขาจึงคว้าแขนซูเถาเอาไว้แล้วก็ยิ้ม “เลขฯเทศบาลต้องการจะพบนาย เขารอนายอยู่ที่อสำนักงานชั้นมาชั่วโมงนึงแล้ว เขาได้ยินมาว่านายเป็นคนรักษามิสเวร่า เขาจึงรอนายอยู่เป็นชั่วโมง”
การปล่อยให้เลขาฯเทศบาลคอยเป็นชั่วโมงดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่ ซูเถายิ้ม “’งั้นพาผมไปหาเลขาจางหน่อย”
สำนักงานของประธานนั้นเล็กกว่าที่เขาคิดไว้ พื้นที่มันแทบจะไม่ถึง 10 ตารางเมตรด้วยซ้ำ มีโต๊ะและเอกสารตั้งอยู่ ถึงแม้มันจะดูไม่รก แต่การที่มีตู้เก็บหนังสือที่สีลอกเลยทำให้ดูค่อนข้างโทรม จุดเด่นเพียงอย่างเดียวก็คือธงซึ่งแขวนไว้บนกำแพง
สำนักงานที่ดูธรรมดาๆไดร้การตกแต่งทำให้ซูเถารู้สึกเคารพตี้ชีหยวนเล็กน้อย
“เลขาจาง , นี่คือคนที่รักษามิสเวร่า ซูเถา” ตี้ชีหยวนก้าวเท้าออกมาและเริ่มการแนะนำตัว
จางผิงมองดูและพิจารณาซูเถา เขาไม่คิดว่าจะอายุน้อยขนาดนี้ เขายิ้ม “ฮีโร่มาจากตนรุ่นใหม่จริงๆ”
ซูเถายิ้มตอบอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณ เลขาจาง สำหรับการชื่นชม”
หลังจากเสร็จสิ้นกางทักทาย ทั้งหมดก็ได้นั่งลงบนโซฟา ในขณะที่จางผิงเริ่มจิบชา
จางผิงพูด “เมื่อซักครู่ เวร่าได้มออบหมายคนของเธอมาเซ็นต์สัญญากับเราซึ่งมีมูลค่า 500 ล้านหยวน มากกว่าที่เราคาดไว้มากถึงสองเท่า ดังนั้น เราจึงเล็งเห็นว่าในส่วนของการแพทย์นั้นก็เป็นปัจจัยสภาพแวดล้อมที่สำคัญในการลงทุน”
เฉาจุนยิ้ม “โรงพยาบาลเจียงหัวกำลังสร้างกลุ่มแพทย์พิเศษ หลังเสร็จสิ้น เป้าหมายหลักของเราคือการให้บริการแก่ระดับ VIP และกลุ่มผู้นำทั้งหลาย”
จางผิงพยักหน้า “จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน มันจำเป็นจริงๆ แต่ต้องระวังไม่ให้มันผิดกฎหมายด้วย”
ตามกฎหมาย , เฉพาะรองหัวหน้าระดับรัฐขึ้นไปเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการมีกลุ่มแพทย์เฉพาะทาง ในอีกความหมายหนึ่ง ผู้นำคนสำคัญของรัฐเหว่ยหนาน การดูแลสุขภาพของพวกเขาจำเป็นจะต้องได้รับการคัดเลือกมาเป็นกรณีพิเศษ
ไม่มีการคุ้มครองใดๆสำหรับหัวหน้าระดับภูมิภาค เพราะพวกเขาได้รับการดูแลจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลระดับภูมิภาคอยู่แล้ว
เพื่อควบคุมดูแลสุขภาพของเจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาค นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเฉาจุน หัวหน้าสำนักอนามัยเมืองจึงต้องการจัดตั้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางขึ้นมา
เขาต้องการเหตุผลที่เพียงพอเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องกลุ่มดูแลสุขภาพเท่านั้น แต่จะต้องเป็นการดูแลอย่างดีที่สุดสำหรับเหล่านักลงทุนคนสำคัญ
เมื่อเฉาจุนเห็นว่าจางผิงเห็นด้วยกับข้อเสนอของเขา เขาจึงตอบกลับทันควัน “ผมจะเสนอเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้า”
“ชั้นจะแจ้งให้พรรคพวกของชั้นทราบจากแผนกการเงินเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจะได้จัดเงินทุนเอาไว้ให้อย่างเหมาะสม” จางผิงมองไปยังซูเถาและยิ้ม
“เกือบลืมไป คนยอดเยี่ยมอย่างซูเถาจะต้องถูกเชื้อเชิญให้เข้าร่วมในกลุ่มพิเศษนี่ด้วย”
ดังนั้น เรื่องที่ซูเถาจะเข้าร่วมกลุ่มพิเศษจึงกลายเป็นงานทางการเมือง
ตั้งแต่ที่เลขาฯเทศบาลได้พูดไปแล้ว เขาจึงไม่มีเหตุผลให้ซูเถาปฏิเสธ หลังจากส่งจางผิงกับเฉาจุนแล้ว ตี้ชีหยวนก็ได้อยู่ตามลำพังกับซูเถาในสำนักงาน เขาได้ไตร่ตรองซักครู่ก่อนที่จะดำเนินการเสนอเงื่อนไขที่น่าสนใจ
“ชั้นเข้าใจงานของนายที่ตำหนักนะ แต่ถ้านายตั้งใจที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มพิเศษของโรงพยาบาลเจียงหัว ชั้นจะให้สิทธิพิเศษกับนาย อย่างเช่น ชั้นจะไม่จำกัดระยะเวลาทำงานของนายที่โรงพยาบาล นอกเหนือจากงานกรณีพิเศษ นายไม่จำเป็นต้องเผยตัวออกมา ในขณะเดียวกัน นายจะได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ”
ซูเถาแสดงท่าทางอึกอัดออกมา “ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะประธานตี้ แต่ผมเกรงว่าหากเข้าร่วมกลุ่มพิเศษ จะมีคนไม่พออใจเอาได้น่ะสิ”
เมื่อตี้ชีหยวนเห็นซูเถาเงียบ เขาจึงเริ่มโน้มน้าวต่อ “ถ้านายต้องการที่จะปรับปรุงพัฒนาตำหนักของนาย วิธีการของผู้อาวุโสซูคงไม่เพียงพอ นายจำเป็นจะต้องก้าวอออกมาจากออะไรเดิมๆแล้วเริ่มทุกอย่างที่ตัวนาย ในตออนนี้ มีเพียงแค่โรงพยาบาลเจียงหัวเท่านั้นที่เพียบพร้อมให้นายได้แสดงความสามารถของนายออกมา”
ต้องบอกว่าแม้เขาจะมีลักษณธภายนอกอที่ไม่ธรรมดาแล้ว ฝีปากของเค้าก็เก่งมาก สิ่งที่เขาพูดนั้นแทบจะเปิดเผยทั้งหมดของซูเถาเลยทีเดียว
ซูเถายิ้มลางๆ “ประธานตี้ ผมจะลองดู แต่ถ้าทีมไม่ได้มาตรฐาน ก็ต้องอนุญาตให้ผมออก”
หลังจากพยายามมาทั้งหมด เห็นว่าในที่สุดซูเถาก็เชื่อเขา ตี้ชีหยวนรู้สึกโล่งใจพลางพยักหน้า “ชั้นจะจัดการเรื่องมาตรฐานสำหรับสมาชิกในกลุ่มพิเศษเอง แน่นอน แม้แต่นายก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”
การพบกันของจางหมิงกับซูเถาเป็นแผนที่วางไว้อย่างลับๆโดยตี้ ชีหยวน ซึ่งหากเขารู้ว่าไม่มีน้ำหนักมากพอในเรื่องนี้ อาจทำให้ซูเถาเปลี่ยนใจได้ ดังนั้นเขาจึงได้ใช้เลขาฯจางผิงเป็นข้ออ้างเพื่อแสดงให้เห็นถึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น
ด้วยโอกาสเหมาะเจาะเช่นนี้ แพทย์ที่มีความสามารถอย่างซูเถาจะต้องตัดสินใจเข้าร่วมแน่นอน
ตี้ ชีหยวนยืนขึ้น ตบไหล่ซูเถาแล้วยิ้ม “มั่นใจได้เลย ชั้นจะให้คนจัดให้ตามที่นายต้องการ ‘แผนกการแพทย์จีน’ ฟังดูเป็นยังไง นายไม่ต้องทำอะไรมากมายหรอก วันนึงนายดูแลแค่ผู้ป่วยนอกก็พอแล้ว”
ซูเถาพยักหน้า “เอาตามที่คุณว่ามาละกัน”
แผนกการแพทย์จีนเป็นแผนกที่ถูกปล่อยร้างไว้ แต่ตี้ชีหยวนต้องการที่จะฟื้นฟูมันขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงให้ซูเถาเข้าไปอยู่แผนกนี้ และให้เขาเป็นหัวหน้าแผนก
ทันใดนั้นเขาก็เดินไปที่ลิฟท์ มีกลิ่นหอมผุดขึ้นมาบริเวณตรงหน้าเขา ซูเถาหลบอย่างกระชั้นชิดแล้วใช้มือหยุดอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อที่จะไม่ใช้ชนกัน เพียงแต่ตำแหน่งมือของเขานั้นดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื่องจากมือของเขานั้นแตะอยู่บริเวณหน้าอกของหล่อนอยู่
อีกฝ่ายยืนอยู่กับที่พร้อมกับขมวดคิ้ว เอกสารในมืออของเธอร่วงลงไปบนพื้น แต่ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเพราะเธอเอาแต่เหม่อ ไม่ใช่ความผิดของซูเถา
“ขอโทษ !” คำขอโทษที่แสนเยือกเย็นสะท้อนกึกก้อง
นั่นขอโทษเหรอ ? มันดูไม่จริงใจเอาซะเลย
หล่อนก้มเก็บเอกสารที่กองอยู่บนพื้น จากมุมมองของซูเถา เขามองเห็นขอบชั้นในสีดำของเธอซึ่งตัดลงไปยังชายเสื้อสีขาวของเธอ ซูเถาจ้องไปที่ผิวของเธอและริมฝีปากขอองเขาขยับไปโดยไม่รู้ตัว และกำลังจะพูดอย่างสุภาพกับเธอซักสองสามคำ
เพียงแต่เธอไม่แม้แต่จะมองมาที่ซูเถาเลยด้วยซ้ำ เธอเดินออกไปแล้ว
‘ผู้หญิงคนนี้แปลกชะมัด’ เขาคิดในใจพลางมองไปยังเรือนร่างที่ผอมเพรียวของเธอ หลังจากที่เขาบิดนิ้ว ราวกับว่าความนุ่มนวลและไออุ่นจากการสัมผัสเมื่อครู่ยังคงอยู่