คนส่วนใหญ่ของเสิ่นซิวจิ่นถูกทิ้งให้อยู่ในเมืองโบราณต้าหลี่ แต่Bossของพวกเขาไม่ได้อยู่ในเมืองโบราณมานานแล้ว
ตลอดทาง บนใบหน้าที่หล่อเหลานั้นดูเหมือนสงบนิ่ง
มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่ดูออกว่าเขาตึงเครียดจากมือที่กำหมัดแน่นของเขา
ทั้งหมดนี้ อยู่ในสายตาซีเฉิน
ยื่นมือออกไป ตบหลังมือเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างๆอย่างปลอบโยน“ไปเจอภรรยาไม่ใช่ไปเจอผู้นำ ผ่อนคลายบ้าง ”
แน่นอนว่า เป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้น
รถแล่นไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ตามการนำทางของจีพีเอส ไปทาง“Memory House”เข้าสู่เขตแดนเอ๋อร์ไห่แล้ว ยิ่งไปยิ่งออกนอกเส้นทาง
ซีเฉินขมวดคิ้ว“มาผิดทางหรือเปล่า ?”
เปิดโฮมสเตย์ แน่นอนว่าจะต้องเปิดในที่ที่คนพลุกพล่าน
“ไม่ผิด”ชายหนุ่มข้างกายยิ้มเบาๆ รอยยิ้มปนเยาะเย้ย“คุณอย่าลืมว่า ตอนแรกเธอหนีออกมาอย่างไร ”
ซีเฉินขรึมลง……ตอนแรกหนีมาอย่างไร?
พวกเขาตามหาจากสถานที่หนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่ง ทุกครั้งเมื่อได้เบาะแสของเธอเล็กน้อย ก็จะรีบไปตามหาอย่างไม่รอช้า
สิ่งที่ได้คือความผิดหวังกับความว่างเปล่า
“ต้องขอบคุณกล่องเครื่องประดับอัญมณีนั่น”เสิ่นซิวจิ่นกัดริมฝีปากบาง“เธอจากทิศตะวันออกไปทางใต้ จากทางใต้ไปตะวันตก เพียงแค่เครื่องประดับอัญมณีกล่องเดียว ทำให้เธอสามารถไปที่ต่างๆสิบกว่าที่ทั่วประเทศ เร่ขายไปถึงทางเหนือใต้ออกตก
อาเฉิน แกเคยคิดไหมว่า นี่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของเธอเท่านั้น จู่ๆถึงทำให้เธอคิดวิธีการหลบหนีแบบนี้ขึ้นมา? ”
แน่นอนว่า…….เป็นไปไม่ได้
ในใจซีเฉินเข้าใจดี แต่พูดว่า“เธอฉลาดขนาดนั้น ก็อาจจะเป็นแผนการเฉพาะหน้า”
“พูดคำนี้ออกมา แกเชื่อไหม”เสิ่นซิวจิ่นกระตุกมุมปากยิ้มเยาะเย้ย
“เธอไม่ได้กลับไปที่วิลล่าใหญ่ตระกูลเสิ่น แล้วอัญมณีกล่องนั้น นำออกมาจากวิลล่าตระกูลเสิ่นตอนไหน ? หลังจากนั้นเรากลับมาหากล่องอัญมณีว่าเธอซ่อนไว้ที่ไหน แกเคยคิดไหมว่า เธอได้นำกล่องอัญมณีไปแบบหลบๆซ่อนๆ แล้วฝังไว้ในดินใต้ต้นไม้ตระกูลเจี่ยน? นี่แสดงว่าอะไร ?”
แสดงว่าเธอได้วางแผนการหลบหนีไว้ในใจมานานแล้ว ………ซีเฉินกล่าวอยู่ในใจ
เป็นแผนการที่รอบคอบมาก แทบจะเป็นคนเก่งที่ต่อต้านการสอดเนมได้เลย
“Bossจีพีเอสแสดงว่า ข้างหน้าก็จะถึงMemory Houseแล้ว”เสิ่นเอ้อที่ขับรถอยู่ข้างหน้า มองดูจีพีเอสแวบหนึ่ง แล้วรายงานสถานการณ์ต่อชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะหลังรถ
ชายหนุ่มพยักหน้า แต่ทันใดนั้นในรถเงียบสงบจนรู้สึกจะเหงาตายเล็กน้อย นอกจากเสียงรถวิ่ง ไม่มีใครออกเสียงเลย
……
ในMemory House หญิงสาวนอนอยู่บนเก้าอี้นอนเหมือนปกติทุกวัน เพียงแต่ ตะแคงข้างอยู่ตลอดเวลา ท่าทางเล็กๆนี้ เผยให้เห็นถึงความวิตกกังวลในใจเธอ
ตอนที่ลมพัดมา หลับตาลง ขนตางอนยาวเล็กน้อย สั่นไหวตามแรงลม
เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่รอบๆกายเงียบสงบจนเหลือเพียงเสียงลมเท่านั้น
“จาวจาว เอาผ้าขนหนูมาอีกหนึ่งผืน”เธอหดตัวแล้วหดตัวอีก พยายามนำร่างซุกเข้าไปในผ้าห่มบางๆผืนนั้นให้ได้
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที มีสิ่งของเพิ่มมาบนร่างกาย ได้เพิ่มน้ำหนักเข้าไปเล็กน้อย
กลิ่นอายอบอุ่นของร่างกายคนโชยมา
หญิงสาวบนเก้าอี้นอนคนนั้น ร่างกายแข็งทื่อขึ้นมาทันที…….กลิ่นที่คุ้นเคยแล้วก็จากมานานนั้น กลิ่นนิโคตินที่มีกลิ่นสะระแหน่เล็กน้อย โชยเข้าจมูกของเธอ
มือที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มผืนบาง ห้านิ้วแยกออกแล้วล็อกแถบไม้ไผ่ใต้ตัวไว้แน่น ขนตากะพริบสั่นบ่อยขึ้น เธอปฏิเสธที่จะลืมตา แล้วกัดริมฝีปากไว้แน่นๆ
เห็นได้ชัดว่า ขนตาที่สั่นเทา ค่อยๆเปียกชุ่ม และมีไอน้ำไหลออกมาจากตาที่ปิดอยู่……..นี่มันคือ หวาดกลัวหรือ?
คนที่อยู่ข้างหลัง เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา ดวงตาคู่ดำ ลุ่มลึกราวบ่อน้ำ แวบหนึ่งของสายตา เหมือนซึมเข้าไปในไขกระดูกสันหลัง รักษาอาการบาดเจ็บมานานให้หายดี
เขายืนอยู่ข้างหลังเก้าอี้นอนของเธอ ก้มตัวโน้มหัวลงไปจูบริมฝีปากที่กัดไว้แน่นๆของเธอ
จูบนี้ ได้ชดเชยความว่างเปล่าในใจแล้ว
“ดีจริง หาคุณเจอแล้ว”ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ หลับตาลงอย่างพอใจ