บทที่ 57 แค่ไตหายไปเท่านั้น
“เจี่ยนถง บนโลกนี้ไม่ควรมีใครทำดีต่อเธอ คนที่ทำดีกับเธอนับว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต!เธอไม่คู่ควรกับความใจดีของใครทั้งนั้น!” เขาพูดออกมาอย่างไม่ลังเล ด้วยสายตาที่เย็นชาและเฉยเมย สัมผัสได้ถึงความโกรธที่ปนกับความเศร้า!
คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นเสียดแทงความรู้สึกที่อ่อนไหวที่สุดในใจของเจี่ยนถง!
เธอเงยหน้าขึ้นทันที!
ดวงตาที่เป็นประกายนั่น คือความโกรธเคือง เสียงของเธอแหบกร้าน นับตั้งแต่ที่อาลู่เสียชีวิตในคุก เธอก็ไม่เคยกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งจนควบคุมไม่ได้อีกเลย เธอพลางจ้องมองด้วยความโกรธ
“อย่างคุณจะไปเข้าใจอะไร!คุณรู้อะไรบ้าง!คุณเจออำรมาบ้าง!คุณมันไม่รู้อะไรเลย!และเที่ยวมาชี้โน้นสั่งนี่!” คุณได้เจอในสิ่งที่ฉันเจอแล้วเหรอ!คุณได้เจ็บอย่างที่ฉันเจ็บงั้นเหรอ!
“ประธานเสิ่นผู้ยิ่งใหญ่ ฉันรู้จักคุณดี ถ้าวันนี้ฉินมู่มู่ถูกนำตัวไป มันก็จะเป็นเพียงการลงโทษเล็กๆน้อยๆ และตอนนี้ฉันก็อาจจะไม่มาปรากฏตัวในห้องของคุณหรือต่อหน้าคุณ” บางที ความรู้สึกก็พังทลาย เสียงที่แหบพร่าของเจี่ยนถงแฝงไปด้วยความเศร้า
“ฉันไม่สนว่าคุณจะทำอะไรกับเธอ ฉันไม่สนว่าคุณจะลงโทษเธอยังไง แต่วันนี้ฉันขอให้คุณไว้ชีวิตเธอด้วย” เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่หล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้า เธอรู้จักคนคนนี้เป็นอย่างดี ตอนนั้น เธอยังเป็นคุณหนูตระกูลเจี่ยน ซึ่งคนคนนี้สามารถโยนเธอลงไปในขุมนรกได้อย่างไม่ลังเลใดๆ และเธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉินมู่มู่!
เสิ่นซิวจิ่นไม่ได้คัดค้าน แต่กลับยอมรับในสิ่งที่เธอพูด
อันที่จริงแล้ว การคาดเดาของเจี่ยนถงนั้นค่อนข้างถูกต้อง
“ฉันไม่อยากเป็นหนี้ชีวิตอีกต่อไป ไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อม ฉันก็ไม่อยากอีกแล้ว” เจี่ยนถงพูดอย่างจริงจัง
เธอกำลังอ้อนวอนเพื่อฉินมู่มู่อย่างนั้นเหรอ
เปล่าเลย!
เธอไม่สนใจว่าสุดท้ายแล้วฉินมู่มู่จะลงเอยอย่างไร สิ่งเดียวที่เธอไม่ต้องการคือการเป็นหนี้ชีวิตคนอื่น!
ชีวิตของอาลู่ เป็นสิ่งที่ชีวิตนี้เธอไม่สามารถชดใช้ได้ ไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้!ชีวิตที่สดใสนั่น เป็นเพราะเธอ!
ต้องชดใช้!ต้องได้รับโทษ!ต้องเจ็บปวด!
เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉินมู่มู่เลยไม่ว่าจะชอบหรือเกลียดก็ตาม แม้ว่าสิ่งที่ฉินมู่มู่จะก่อเรื่องไว้มากมายอีกทั้งยังหยิ่งผยอง เห็นแก่ตัวเอง แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจถ่อมาที่นี่เพื่อขอร้องแทนฉินมู่มู่ก็ตาม
แต่เธอไม่อยากติดหนี้ชีวิตใครอีก ไม่ว่าคนคนนี้จะดีหรือเลว ไม่ว่าความตายนี้จะเกี่ยวข้องกับตัวเองโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม เธอก็ไม่อยากเป็นหนี้ชีวิตใครอีกแล้ว
นี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอยอมละทิ้งความ “ไม่เต็มใจ” ที่มีอยู่มากมายภายในใจและมายืนต่อหน้าเขาในตอนนี้
ไม่ว่าคนอื่นจะคิดว่านี่เป็นเจตนาร้ายก็ดี หรือบริสุทธิ์ราวกับนางฟ้าก็ดี…อย่างไรก็ตาม ฆาตกร กักขัง ผู้หญิงสารเลว ไร้ยางอาย…ยังจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกงั้นเหรอ
แต่ประโยคที่ไร้เจตนาของเจี่ยนถงที่ว่า “ฉันไม่อยากติดหนี้ชีวิตใครอีกแล้ว ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม ฉันไม่อยากอีกแล้ว” เมื่อเข้ามาในหูของเสิ่นซิวจิ่น กลับมีความหมายที่เปลี่ยนไป
เจี่ยนถงหมายถึงอาลู่ แต่เสิ่นซิวจิ่นกลับเข้าใจว่าเธอกำลังพูดถึงเซี่ยเวยเหมิง
ทันใดนั้น เสิ่นซิวจิ่นก็ฝังศีรษะลง จูบหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่าง…นับตั้งแต่ที่เซี่ยเวยหมิงจากโลกนี้ไป นี่ก็เป็นครั้งแรกสารภาพออกมาจากปากขอตัวเองว่า “เป็นหนี้ชีวิต”!
ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงทุกวันนี้ แม้เขาจะคิดว่าเธอมีความผิด แต่เท่าที่จำความได้ หญิงสาวไม่เคยพูดออกมาจากปากตัวเองเลย แม้ว่าจะถูกจับเข้าคุก ให้ตายยังไงเธอก็ปฏิเสธที่จะรับสารภาพ แต่วันนี้ เมื่อครู่นี้ ในที่สุดเธอก็สารภาพออกมาจากปากของตัวเองว่าเธอติดหนี้ชีวิต!
เสิ่นซิวจิ่นไม่สามารถบอกความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นภายในใจได้ เขารู้มาตลอด เพียงแต่เสิ่นซิวจิ่นไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน ว่าวันหนึ่ง การได้ยินเธอพูดออกมาจากปากของตัวเองจะทำให้รู้สึก…ไม่โอเค
“เจี่ยนถง ในที่สุดเธอก็ยอมรับแล้วสินะ” จู่ๆเสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้น
“อะไรคะ” เจี่ยนถงที่ไม่เข้าใจ จึงไม่ได้อธิบายอะไรออกไป
เสียงที่เย็นชานั่นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เจี่ยนถง ฉันรับปากในสิ่งที่เธอขอแล้ว ตอนนี้ถึงตาฉันเก็บดอกเบี้ยแล้วล่ะ”
เจี่ยนถงที่ตระหนักได้ถึงสิ่งที่เขาพูด ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นอย่างเหลือเชื่อ…
เขาพูดว่า เจี่ยนถง ในที่สุดเธอก็ยอมรับแล้วสินะ
ยอมรับ?ยอมรับอะไร?…ยอมรับเรื่องชีวิตนั่นงั้นเหรอ
เห้อ…เขาเข้าใจผิดไปเองอีกแล้ว
ใบหน้าของเสิ่นซิวจิ่นดูเย็นชา หญิงสาวที่เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ…”
“หัวเราะอะไร หยุดหัวเราะเลยนะ!”
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ…”
“ฉันบอกให้เธอหยุดหัวเราะไง!”
เขาเกลี่ยดเสียงหัวเราะนี้อย่างไร้เหตุผล แต่เสียงหัวเราะนี้ก็ทำให้เขาใจลอยไปอย่างไร้เหตุผลเช่นกัน
“โอ๊ย!……ฮ่าๆๆ……อ๋อ ฮ่าๆ……ฮ่าๆๆๆ……” เขาทำให้เธอเจ็บ แต่เธอกลับหัวเราะออกมาทั้งที่เจ็บ
มีอะไรน่าหัวเราะนักนะ
คนที่ทำผิดก็คือเธอ คนที่เป็นหนี้ชีวิตเซี่ยเวยหมิงก็คือเธอ ยังจะมีอะไรให้น่าหัวเราะอยู่อีก!!!
“หุบปากหุบปากหุบปาก!” เขาตะโกนแต่มันไม่ได้ผล เขารู้สึกรำคาญริมฝีปากนั่นเต็มทน ไม่ได้คิดอะไรให้มากความ ไม่หยุดใช่ไหม จะไม่หยุดใช่ไหม
“อื่ม~!” เสิ่นซิวจิ่นย่อตัวลง ประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากบางของเธออย่างหนักหน่วง
อย่างนี้เขาก็ทำให้เธอหุบปากได้ซะที
วินาทีต่อมา!
“โอ้ย~” เสิ่นซิวจิ่นยกหัวขึ้นพลางเช็ดเลือดออกจากมุมปากด้วยนิ้วหัวแม่มือ “นี่เธอกัดฉันเหรอ” เขามองเธออย่างเหลือเชื่อก่อนจะเอ่ยถาม
หญิงสาวเปิดปากพลางพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ประธานเสิ่นคะ ที่ฉันบอกว่าเป็นหนี้ชีวิต มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเซี่ยเวยหมิงเลยนะคะ” เมื่อพูดจบ เธอก็หลับตาลง เหนื่อยชะมัด…ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว…ก่อนที่เจี่ยนถงจะสลบไป ในสมองก็ผลุดความคิดหนึ่งขึ้นมา
ต้องอธิบายไหมนะ
อธิบายไปจะมีประโยชน์หรือเปล่านะ
เขาจะรับฟังเหรอ
ถ้าไม่ฟังจะอธิบายไปทำไม
การอธิบาย เขาเอาไว้ใช้กับคนที่เขาอยากจะฟัง
“นี่ ลืมตาสิ!” เธอหลับตา เพราะไม่อยากเห็นเขา?
เสิ่นซิวจิ่นมองด้วยสายตาเย็นชาพลางพูดตะโกน “ลืมตา!”
แต่เธอไม่แยแส เสิ่นซิวจิ่นเอื้อมมือมาผลักเธอ ด้วยแรงผลักนี้ทำให้หัวของเธอหลบไปอีกด้านหนึ่ง หัวใจของเสิ่นซิวจิ่นเริ่มเต้นแรง “เจี่ยนถง?เจี่ยนถง???”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที รีบก้มลงอุ้มเธอขึ้นมาและวิ่งไปที่ห้องนอน
บ้าเอ้ย!ทำไมตัวเธอร้อนขนาดนี้เนี่ย!
ให้ช่วยเธอออกมาจากแท้งค์นั่นยังดีซะกว่า!
“ไป๋ยู่สิง!นายอยู่ไหน!รีบมาเร็วเข้า!”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ไป๋ยู่สิงลอบกรอกตา “นี่พี่ชาย ฉันจะเป็นหมอส่วนตัวของนายนะ คืนนี้นายต้องวิ่งสองรอบ ก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง”
“รีบมา!เธอสลบไปอีกแล้ว!นี่ตรวจเช็คโรคอาการอะไรของแกเนี่ย?”
ในใจของไป๋ยู่สิงรู้สึกถึงความชิบหายได้ทันที “เธอ?เจี่ยนถง?อาการเธอไม่ร้ายแรงมาก พักผ่อนเยอะๆ กินยาก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ดูแลร่างกายให้ดีๆไม่ใช่เรื่องใหญ่ แกดุว่าตรวจเช็คโรคอาการอะไรของฉันเป็นไง เดี๋ยวก่อนนะ เสิ่นซิวจิ่น เจี่ยนถงไปอยู่กับนายอีกแล้วได้ไง”
ไป๋ยู่สิงที่เพิ่งได้สติ จู่ๆก็ปรี๊ดแตก!
“เชี่ย!เสิ่นซิวจิ่น!นายไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นใช่ไหม ด้วยร่างกายที่อ่อนแอพิกลพิการแบบนั้น อยู่มาได้จนถึงตอนนี้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไรก็นับว่าบุญมากแล้ว นายยังจะแกล้งอะไรเธออีก เสิ่นซิวจิ่น ถึงแกจะเกลียดผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน แต่แกก็ไม่ควรไปฆ่าแกงเขานะเว้ย ทำไมแกถึงเป็นคนแบบนี้วะ!”
“เดี๋ยวๆ” เสิ่นซิวจิ่นกระพริบตา “ร่างกายพิกลพิการอะไร เธอมีมือมีเท้านะ”
อีกฝ่าหนึ่ง ไป๋ยู่สิง“เหอะๆ”ออกมาเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ถึงกับแขนขาดขาหักหรอก ก็แค่ไตหายไปก็เท่านั้น”
มือที่เสิ่นซิวจิ่นใช่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นสั่นระริก ไป๋ยู่สิงที่อยู่ในสาย ได้ยินเสียงหายใจที่ไม่สม่ำเสมอของเสิ่นซิวจิ่นก็เลิกคิ้วขึ้น
“ถ้าแกไม่เชื่อก็เปิดเสื้อเธอดูเองก็แล้วกัน”
เสิ่นซิวจิ่นมองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ขาเรียวยาวค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ และใช้มืออีกข้างผลักเธอไปด้านข้าง ค่อยๆเปิดเสื้อเธอขึ้น
ทีละนิดๆ…
ทันใดนั้น รูม่านตาของเขาก็หดตัวเล็กลง!
“ใครเป็นคนทำ!” น้ำเสียงที่ฟังดูเยือกเย็นราวกับเกิดพายุน้ำแข็ง!
เท่าที่เขาเห็น มีรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดที่เอวด้านซ้าย!
เขายื่นมืออกไปเพื่อสัมผัสมัน ฝ่ามือเรียวยาวนั่นสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้!