โทมัส หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษแห่งประเทศM ไม่มีใครรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร จะสูงเตี้ยอ้วนผอม จะแก่หรือเด็ก ล้วนไม่มีใครทราบ ช่างลึกลับเป็นที่สุด
สมาชิกทั้งหมดของหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษแห่งประเทศM รู้เพียงว่าพวกเขามีหัวหน้าคนหนึ่งชื่อโทมัส แต่ไม่มีใครเคยพบเขามาก่อน กระทั่งซิลลี่ที่เป็นรองหัวหน้าก็ไม่เคยพบกับโทมัส ดังนั้นซิลลี่ถึงได้อยากจะเป็นหัวหน้ามาโดยตลอด น่าเสียดายที่เขาต้องมาเจอกับเย่เทียนเฉินทำให้ไม่มีโอกาสได้เป็นไปตลอดกาล
ในที่สุดคราวนี้โฮบาม่าก็ตัดสินใจส่งโทมัสไปปฏิบัติการ โทมัสอาจไม่ใช่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในประเทศM แต่อย่างน้อยก็เป็นผู้แข็งแกร่งในสามอันดับแรก นิสัยของคนคนนี้ออกจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง เขาชอบอยู่อย่างสันโดด ไม่ชอบสถานที่ที่มีคนมากมายครื้นเครง โฮบาม่าเคยส่งคนไปหาเขามาก่อน แต่กลับได้รับมาเพียงคำพูดประโยคหนึ่งของเขาว่า ให้มั่นใจก่อนว่าเป็นตอนที่สำคัญจริงๆ แล้วค่อยติดต่อเขา ตำแหน่งผู้บังคับบัญชาหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษแห่งประเทศM เขาไม่อยากจะเป็นเลย!
หากเป็นคนปกติทั่วไป ใครจะกล้าพูดเช่นนี้กับประธานาธิบดีประเทศMกัน? นั่นเป็นการรนหาที่ตายโดยสิ้นเชิง เกรงว่าจะมีเพียงโทมัสที่มีนิสัยเช่นนี้ ไม่เห็นประธานาธิบดีโฮบาม่าอยู่ในสายตา ทั้งยังไม่หลงใหลในตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษแห่งประเทศM ที่ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนอยากจะเป็น เมื่อมองเช่นนี้ก็จะพบว่า นิสัยของโทมัสช่างแปลกประหลาดจริงๆ
ความจริงสามารถรู้อะไรได้หลายอย่างจากคำพูดประโยคนั้นที่เขาพูดกับโฮบาม่า อย่างแรก เขาไม่ใช่คนที่ถูกตำแหน่งทางราชการควบคุม และรักชีวิตที่อิสระเสรี คนประเภทนี้มักจะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง ยิ่งเป็นคนที่แข็งแกร่ง ก็ยิ่งชอบกระทำการอย่างอิสระไม่ถูกบังคับ อย่างที่สอง โทมัสกล้าพูดแบบนี้โดยที่ไม่กลัวว่าจะเป็นการล่วงเกินประธานาธิบดีประเทศM แสดงให้เห็นว่าเขามีความมั่นใจในตนเองสูง
ยามนี้ เย่เทียนเฉินขับรถมอเตอร์ไซด์มุ่งมายังทำเนียบขาวด้วยความเร็วสูง ความเร็วของรถหุ้มเกราะที่ตามมาด้านหลังก็ไม่ใช่ช้าๆ ต้องนับถืออาวุธของประเทศชั้นนำอย่างประเทศM ที่มีความก้าวหน้าทันสมัย อาวุธใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ ยังสามารถวิ่งได้เร็ว ทั้งยังสามารถนำขีปนาวุธมากับรถอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในเขตเมืองของวอชิงตัน กลัวว่าจะไปทำร้ายชาวเมืองบริสุทธิ์และทำลายสิ่งปลูกสร้างต่างๆ คงยิงใส่เย่เทียนเฉินไปนานแล้ว
เย่เทียนเฉินเงยหน้ามองข้างหน้า เหลือระยะทางอีกไม่ถึงหนึ่งพันเมตรก็จะถึงประตูทำเนียบขาวแล้ว ทั่วทั้งทำเนียบขาวล้อมไว้ด้วยทหารอาวุธครบมือ ทุกคนต่างถือโล่กำบังล้อมไว้อย่างแน่นหนาจนแม้แต่น้ำสักหยดก็ผ่านไปไม่ได้ หากถูกเย่เทียนเฉินบุกเข้าไปก่อเรื่องที่ทำเนียบขาวเข้าจริงๆ คงเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในโลก และต้องทำให้เกิดความครึกโครมอย่างแน่นอน
ชาวตะวันออกคนหนึ่ง เผชิญหน้ากับกองกำลังอันแข็งแกร่งเหี้ยมหาญกองหนึ่ง แต่กลับบุกเข้าไปในทำเนียบขาวราวกับเข้าสู่สถานที่อันไร้ผู้คน พบปะกับประธานาธิบดีโฮบาม่า ทั้งยังเสวนากันรอบหนึ่ง นี่จะเป็นความน่าทึ่งระดับไหนกัน? นี่ไม่ใช่เป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศMไร้ความสามารถ กองกำลังประเทศMก็ยิ่งไร้ความสามารถหรอกหรือ? กระทั่งชาวตะวันออกคนเดียวก็หยุดไม่อยู่ ประเทศMที่ร้องตะโกนว่าตนเป็นประเทศมหาอำนาจ เกรงว่าจะใช้อำนาตบาตรใหญ่ไม่ออกอีกต่อไป นี่เป็นความอัปยศอย่างหนึ่ง
ดังนั้นบีชจึงได้เรียกยอดทหารทั้งหมดของเขตสิบห้ากลับมาป้องกัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องหยุดเย่เทียนเฉินให้ได้ อย่าให้เขาบุกเข้าทำเนียบขาวได้โดดเด็ดขาด ประเทศMไม่อาจรับความอัปยศเช่นนี้ได้
ปังๆๆ!
สิ่งที่ยิงออกมาต้อนรับก็คือห่ากระสุน เย่เทียนเฉินขับรถมอเตอร์ไซด์พุ่งเข้าไปโดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เขากางโล่พลังแห่งแสงตั้งนานแล้ว แต่คนนอกมองไม่เห็น ดังนั้นลูกกระสุนเหล่านี้จึงไม่สามารถสร้างความบาดเจ็บให้แก่เขาได้เลย เมื่อยิงถูกร่างกายก็มีเพียงเสียงโลหะปะทะกันเท่านั้น แล้วลูกปืนทั้งหมดก็ล่วงลงสู่พื้น
ซู่มๆๆ!
เสียงดังขึ้นสามครั้ง ลูกปืนหัวจรวดสามลูกยิงไปยังเย่เทียนเฉินด้วยความเร็ว หากว่าถูกยิงเข้า จะต้องตายอย่างแน่นอน ต่อให้เย่เทียนเฉินมีฐานะเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษขอบเขตจอมราชันก็ไม่ไหว
เย่เทียนเฉินยืนขึ้นบนรถมอเตอร์ไซด์เพื่อเผชิญหน้ากับปืนใหญ่หัวจรวดทั้งสามลูกที่ยิงเข้ามา หากต้องการป้องกันด้วยโล่พลังแห่งแสงเพียงอย่างเดียวนั้นจะมีความยากลำบากมาก ไม่ใช่ว่ากันไว้ไม่ได้ แต่ต่อให้กันไว้ได้ก็ยังต้องใช้พลังพิเศษจำนวนมหาศาล มองดูกองกำลังทหารอันเกรียงไกรจำนวนมากที่ปกป้องทำเนียบขาวอีกครั้ง ถ้าไม่รักษาแรงไว้คงเข้าไม่ได้แน่ๆ
ตู้มๆๆ!
เสียงดังสนั่นสามเสียงดังขึ้นอีกครั้ง รถมอเตอร์ไซด์ของเย่เทียนเฉินถูกระเบิดจนปลิวแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ตำแหน่งที่เขาอยู่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มควัน บนพื้นปรากฏหลุมบ่อขนาดใหญ่สามหลุม บนใบหน้าของทหารที่ยิงปืนใหญ่หัวจรวดทั้งสามลูกปรากฏรอยยิ้มลำพองใจ เนื่องจากลูกปืนทั้งสามล้วนยิงถูกเย่เทียนเฉิน ต่อให้ชายชาวตะวันออกคนนี้จะร้ายกาจก็เกรงว่าจะถูกระเบิดจนกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว
บีชที่ยืนอยู่บนอาคารสูงของทำเนียบขาวกำลังใช้กล้องส่องทางไกลมองเหตุการณ์นี้อยู่ มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย็น ในที่สุดก็กำจัดชายชาวตะวันออกคนนี้ได้แล้ว หากว่าปล่อยให้เขาบุกเข้ามาในทำเนียบขาวได้จริงๆ ผลลัพท์คงเลวร้ายจนไม่กล้าคิด ทั้งยังทำให้ประเทศMกลายเป็นตัวตลกของโลกอีกด้วย
“ตายแล้ว ชายชาวตะวันออกคนนี้ในที่สุกก็ถูกพวกเราฆ่าแล้ว!”
“ถึงกับกล้าบุกทำเนียบขาว รนหาที่ตายจริงๆ”
“ก็แค่ชาวตะวันออกคนเดียว แค่ไอ้เอเชียขี้โรคก็แค่นั้น กล้ามาท้าทายประเทศMของพวกเรา ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ถ้าปล่อยข่าวนี้ออกไป จะต้องสั่นสะเทือนไปทั่วโลกแน่ แน่นอนว่าจตะต้องปล่อยไปแค่ข่าวที่ว่าชายชาวตะวันออกที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้ถูกพวกเราฆ่าตายยังไง”
“ให้ทั้งโลกรู้ถึงความแข็งแกร่งของประเทศMของเรา ทุกประเทศจะต้องเชื่อฟังพวกเรา”
ไม่รู้ว่าทหารของประเทศMกลุ่มนี้โอหังมาตลอด หรือเป็นเพราะเย่เทียนเฉินก่อเรื่องใหญ่โตในวอชิงตัน ทำให้พวกเขาหน้าชา ตอนนี้เห็นเย่เทียนเฉินถูกฆ่าจึงผ่อนคลายไปได้ ดังนั้นถึงได้กลายเป็นเย่อหยิ่งทะนงตนจนลืมกระทั่งหน้าที่ไป
“บอกให้พวกแกใช้ระเบิดปรมาณู พวกแกก็ไม่ฟัง อานุภาพของRPGมันแรงไม่พอหรอก!”
ในตอนที่ทหารของประเทศMกลุ่มนี้กำลังกู่ตะโกนด้วยความยินดี ก็มีเสียงเย่เทียนเฉินดังขึ้นมาจากภายในกลุ่มควัน ทำให้คนทั้งหมดตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง กระทั่งสูดลมหายใจเย็นยะเยือก มองไปยังเงาร่างที่เดินออกมาท่ามกลางหมอกควันอย่างยากที่จะเชื่อ ในใจคิดว่า คนคนนี้ยังเป็นคนอยู่หรือไม่? เป็นสัตว์ประหลาดหรือ? โดนปืนใหญ่หัวจรวดสามลูกเข้าไปก็ยังไม่ตาย? ช่างทำให้ผู้คนตกตะลึงเหลือเกิน
ชาวตะวันออกต่างถูกเรียกขานว่าเป็นเอเชียขี้โรคในต่างประเทศมาโดยตลอด แม้จะผ่านไปร้อยปีแล้ว ประเทศจีนของพวกเราก็รุ่งเรืองขึ้นและกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งระดับโลกตั้งนานแล้ว แต่ภายในใจของคนในประเทศที่เป็นปรปักษ์ ประชาชนชาวจีนของพวกเราก็ยังคงเป็นเอเชียขี้โรค ดังนั้นเย่เทียนเฉิน ชาวตะวันออกผู้ห้าวหาญคนนี้ ได้สั่นสะเทือนส่วนลึกของจิตใจคนประเทศMกลุ่มนี้ ทำให้ในใจลึกๆ ของพวกเขารู้สึกว่า ชาวจีนเหมือนกับว่าจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาแล้วจริงๆ ไม่อาจดูถูกพวกเขาได้อีกต่อไป
เย่เทียนเฉินเดินออกมา ปัดฝุ่นบนร่าง เมื่อสักครู่นี้ลูกปืนหัวจรวดจู่มโจมเข้ามา แม้ว่าเขาจะกางโล่พลังแห่งแสงเอาไว้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าลำพองใจ จึงไม่ได้รับเข้าไปตรงๆ ตอนที่ลูกปืนหัวจรวดลูกแรกระเบิด เขาก็หลบออกไปไกลแล้ว
“ให้ฉันเข้าไปเถอะ ฉันแค่อยากให้ประธานาธิบดีโฮบาม่าเลี้ยงข้าวก็เท่านั้น ไม่ทำอะไรเขาหรอก…” เย่เทียนเฉินมองทหารกลุ่มนี้ที่ขวางอยู่เบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มพลางกล่าว
ครืน!
รถหุ้มเกราะด้านหลังพุ่งเข้ามาต่อหน้าทหารประเทศMหลายพันคน บดล้อไปยังเย่เทียนเฉิน นี่เป็นรถที่หนักหลายตัน ไม่ใช่สิ่งที่พลกำลังของมนุษย์สามารถขวางไว้ได้อย่างแน่นอน
ไหนเลยจะรู้ว่า เย่เทียนเฉินจะยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมไม่เคลื่อนไหว เขาอยากจะจัดการรถหุ้มเกราะคันนี้ตั้งนานแล้ว ให้ตายเถอะ เมื่อสักครู่นี้ตอนที่ตนกำลังซิ่งรถอยู่ก็ส่งเสียงดังรบกวนอยู่ด้านหลังไม่หยุด ตอนนี้หยุดแล้ว จัดการเจ้ารถคันใหญ่นี่ก่อนค่อยว่ากัน
ตึง!
รถหุ้มเกราะหยุดลง เกิดเป็นฉากที่ทำให้ผู้คนต้องตะลึงจนแข็งเป็นหิน เนื่องจากรถหุ้มเกราะที่หนักหลายตันวิ่งบดล้อไปยังเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินเพียงใช้มือหยุดเอาไว้ โดยที่เขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเลยสักนิด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ด้วยระดับความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อของเย่เทียนเฉินในปัจจุบัน ย่อมไม่มีทางต่อต้านรถหุ้มเกราะที่หนักหลายตันนี้ได้อย่างแน่นอน จุดสำคัญคือร่างกายนี้ยังฝึกฝนมาไม่พอ หากอยู่ในช่วงวันสิ้นโลก ในฐานะผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษขอบเขตจอมราชัน ไม่ต้องพูดถึงรถหุ้มเกราะหนักไม่กี่ตันนี่หรอก กล่าวอย่างไม่เกินจริงได้เลยว่า ต่อให้เป็นภูเขาก็สามารถใช้เพียงกล้ามเนื้อทลายเป็นผุยผงได้
ตอนนี้เย่เทียนเฉินต้องใช้พลังพิเศษระดับจอมราชันถึงจะสามารถหยุดรถหุ้มเกราะเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ล้อขนาดใหญ่ของรถหุ้มเกราะเสียดสีกับพื้นจนเกิดประกายไฟขึ้น ไม่อาจรุดหน้าไปได้แม้เพียงนิด
ตู้ม!
มือขวาของเย่เทียนเฉินออกแรงเบาๆ พลังพิเศษที่ปะปนไปด้วยพลังสายฟ้าเล็กน้อยสาดกระจายไปทั่วทั้งคันรถ ทำให้ล้ออันใหญ่มหึมาทั้งหกของรถหุ้มเกราะพลันแตกกระจายไปในพริบตา ระเบิดจนแตกไปทั้งหมด อยากจะไปก็ไปไม่ได้แล้ว
“ดูแล้วของที่ประเทศMของพวกแกสร้าง ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย?” เย่เทียนเฉินปัดฝุ่นบนมือ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ยะ…ยิงพร้อมกัน ฆ่าไอ้หมอนี่…”
ทหารบางคนที่ตอบสนองกลับมาตะโกนอย่างตะกุกตะกัก เพียงแต่ตอนที่พวกเขายังไม่ได้ยิงปืนออกไป เย่เทียนเฉินก็เร่งความเร็วถึงขีดสุด พุ่งเข้าไปในพริบตา กระโดดขึ้นสูงสิบกว่าเมตร ทำให้ผู้คนตกตะลึงและรู้สึกเหนือสามัญสำนึกเป็นอย่างมาก ราวกับกำลังโบยบินอยู่อย่างไรอย่างนั้น พลันพุ่งเข้าไปยังภายในของทำเนียบขาว
บีชยืนอยู่บนอาคารสูง เมื่อเห็นฉากนี้ก็ตกตะลึงจนชะงัก เดิมทีเขาคิดว่าชายวันรุ่นชาวตะวันออกคนนี้ จะเป็นคนที่มีฝีมือแข็งแกร่งใกล้เคียงกับราชันนักรบแห่งประเทศจีน ตอนนี้ได้เห็นความสามารถของเย่เทียนเฉิน เขาถึงได้ปฏิเสธความคิดของตนเอง เห็นได้ชัดว่า เย่เทียนเฉินเกินขอบเขตของทหารที่เก่งกาจทั่วๆ ไปแล้ว เป็นไปได้มากว่าจะเกินระดับความสามารถของมนุษย์ไปแล้ว มิน่าล่ะประธานาธิบดีโฮบาม่าจึงสั่งให้โทมัสลงมือให้ได้
ตลอดทางทางที่เย่เทียนเฉินพุ่งไปเข้าไปในทำเนียบขาวไม่พบกับการขัดขางใดๆ เลย นี่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เมื่อเขามาถึงสถานที่ที่มีน้ำพุอันใหญ่โตที่ทั้งงดงามและเปล่งประกายบริเวณด้านบนของอาคารบริหารของทำเนียบขาว ก็พบกับชายชราคนหนึ่งถือไม้เท้าอยู่ในมือ กำลังมองมายังเขาด้วยรอยยิ้ม
ชายชราผู้นั้นอายุราวเจ็ดสิบปี ผมและเคราล้วนเป็นสีขาวหมดแล้ว ในมือขวาถือไม้เท้าอยู่ด้ามหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้ามีความเมตตาอ่อนโยน มองไม่ออกถึงความโหดร้ายใดๆ
แต่เย่เทียนเฉินกลับยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากชายชราคนนี้สิบเมตร และมองไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เย่เทียนเฉินรู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังงานที่ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านบนร่างของชายชรา เดิมทีสถานที่เฉกเช่นทำเนียบขาว ทั้งตัวเองก็ก่อเรื่องเข้ามาซะใหญ่โตเช่นนี้ ถ้าบอกว่ายังมีชายชราธรรมดาๆ คนหนึ่งอยู่ที่นี่ แม้แต่คนโง่ก็คงไม่เชื่อ
“ผมชื่อโทมัส ไม่ทราบว่าปีศาจตะวันออกคนนี้มีชื่อว่าอะไร?” ชายชรามองเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวถาม
……………………………………………..