ภายในรถตู้
มือถือของเซิ่งอี่เจ๋อมีเสียงปี๊บดังขึ้นครั้งหนึ่ง
เขาปัดดูก็พบข้อความเข้า
ชายหนุ่มเหลือบมอง พบว่าคำพูดในนั้นดูพิลึกชอบกล
อันซย่าซย่านั่งใกล้เขามากที่สุดและเห็นข้อความผ่านๆ เธอตื่นเต้นกับข่าวซุบซิบ “ว้าว ฝานซิง ใช่หลีฝานซิงหรือเปล่า เดี๋ยวนี้เธอดังมากเลยนะ คนเขายังตั้งฉายาให้เธอว่าเป็น ‘เทพธิดาแห่งโรงเรียน’ ด้วย!”
เซิ่งอี่เจ๋อตอบเธอเพียงแค่ “อ้อ” เขาลบข้อความทิ้ง จากนั้นก็หลับตาลงเพื่อพักผ่อน
ความคิดเรื่องสายตาอันเป็นประกายของอันซย่าซย่า ตอนที่พูดถึงหรงเช่อนั้นทำเขาไม่เป็นสุขเลย
ไม่เป็นสุขมาก
ไม่เป็นสุขมากๆ เลยด้วย
ไม่เป็นสุขจนเขาอยากจะสั่งสอนบทเรียนให้ยัยนี่เสียหน่อย
“ทำไมไม่ยอมคุยกับฉันล่ะ นายเป็นคนประเภทที่น่ารำคาญที่สุดที่จะคุยด้วยเลยนะ…” หญิงสาวพึมพำ
เธอไม่ได้คำตอบอยู่เป็นนาน และในตอนที่เธอตัดสินใจว่าจะไม่ใส่ใจเขาอีกต่อไปแล้ว น้ำเสียงเฉยชาของเขาก็ดังขึ้น “ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นยังไงหรือชอบอะไร จำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะให้ฉันคุยกับเธอเรื่องเขางั้นเหรอ”
อันซย่าซย่าเบิกตาโต “นายความจำดีจะตาย ทำไมจำเธอไม่ได้ล่ะ” อีกอย่าง หลีฝานซิงก็ออกจะดัง!
ฉือหยวนเฟิงเข้ามาร่วมวงด้วย “จริงนะ! พี่อี่เจ๋อไม่เคยจำคนที่เขาไม่สนใจได้หรอก”
“อย่างนั้นเหรอ…” อันซย่าซย่าพยักหน้า ท่าทางยังสับสนอยู่นิดๆ ทันใดนั้นเธอก็ขยับเข้าไปใกล้เซิ่งอี่เจ๋อยิ่งขึ้นพลางโบกมือน้อยๆ ไปมา “เซิ่งอี่เจ๋อ นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”
“…” ชายหนุ่มเงียบอยู่อึดใจ จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นแล้วดันมือเล็กๆ ของเธอไปติดกับพนักพิงข้างหลัง ดุเธอด้วยเสียงแผ่วต่ำ “คนโง่ควรจะนอนให้มาก พูดให้น้อย!”
อันซย่าซย่าทำเสียงร้องงี้ดเบาๆ เหมือนลูกหมาที่ทำความผิด
เหอจยาอวี๋มองออกไปนอกหน้าต่าง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูขมขื่นเล็กน้อย
หลีฝานซิง เขาดูเหมือนจะจำชื่อนั้นได้นะ
ก็เธอไม่ใช่เหรอที่เป็นตัวการหลักทำให้ฉีเหยียนซีกับเซิ่งอี่เจ๋อแตกคอกัน
ฉีเหยียนซียังต้องพยายามเอาชนะความเกลียดของเขาอยู่เลย ทว่าเซิ่งอี่เจ๋อ…กลับจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของนางเอก
ช่างน่าสมเพชจริงๆ
—
วันอาทิตย์ช่างเป็นวันว่างที่หาได้ยาก
อันซย่าซย่าออกไปเที่ยวหาซื้อของกับซูเสี่ยวมั่ว
ซูเสี่ยวมั่วซื้อหนังสือการ์ตูนเป็นตั้งพร้อมกับของอื่นๆ ขณะที่อันซย่าซย่าซื้ออัลบั้มใหม่ของหรงเช่อ พอรู้สึกว่ากระเป๋าสตางค์เริ่มร่อยหรอ อันซย่าซย่าก็สวมสีหน้าหดหู่ใจ แต่ซูเสี่ยวมั่วกลับกระตุ้นถามเธอด้วยความคิดแรงกล้า “ซย่าซย่า เธออยากหาเงินใช้เองไหม”
“มากเลยแหละ!” เธอพยักหน้า ไม่มีใครอยากอยู่ด้วยเงินของพ่อแม่ตลอดไปหรอก
ซูเสี่ยวมั่วยิ้มร้ายกาจใส่เธอพลางกระซิบที่ข้างหู “มาเขียนแฟนฟิกให้หรงเช่อเป็นเคะผู้หล่อเหลากับเซิ่งอี่เจ๋อเป็นเมะผู้ดุดันสิกันไหม…”
และคำอธิบายที่ตามมาหลังจากนั้นยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น จนทำเอาหญิงสาวหน้าแดงแปร๊ด!
มันฟังดูไม่ดีเลยล่ะ!
“เธอรู้ไหมใครเสนอความคิดนี้ให้ฉัน มู่หลีไง! หล่อนเป็นคนวางโครงเรื่อง ฉันดูแลเรื่องภาพวาดแล้วเธอก็เขียนบท พวกเรามาแบ่งกำไรกัน ตกลงไหม” ซูเสี่ยวมั่วยิ้มกริ่ม
หลังจากลังเลอยู่นาน อันซย่าซย่าก็ละทิ้งศีลธรรมในใจให้กับความยั่วยวนของเงิน!
“ตกลง! ฉันจะคิดเรื่องทันทีเลย!”
แล้วทั้งสองสาวก็แตะมือตกลงกัน
—
ระหว่างมื้อค่ำ อันซย่าซย่าก็ถูกถาโถมด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเมื่อเห็นเซิ่งอี่เจ๋อ
ความคิดที่ให้เขาเป็นตัวละครในนิยายแฟนฟิกทำให้อันซย่าซย่ารู้สึกละอายยิ่งกว่าเคย…
เด็กสาวหนีกลับเข้าห้องหลังจากทานอาหารไปได้เพียงไม่กี่คำ
อันอี้เป่ยมองตามหลังเธอไปและนึกประหลาดใจ “ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเด็กนั่นจะกินน้อยเป็น!”
ป่าป๊าอันยิ้ม
เซิ่งอี่เจ๋อนิ่วหน้า
ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าสายตาที่อันซย่าซย่ามองเขามันดูทะแม่งๆ นะ
ยัยคนนี้! เธอต้องมีอะไรที่ปิดบังเขาอยู่สักอย่าง!