เพียงการเคลื่อนไหวนั้นและประโยคเดียวกันสะกดทุกสายตาในกองถ่าย
หัวใจของแฟนเกิร์ลอย่างอันซย่าซย่าซึ่งเคยเต้นแรงเพื่อหรงเช่อผู้เดียวเท่านั้นถึงกับหยุดเต้นในทันที
การถ่ายภาพโปรโมตในสตูดิโอไม่ยุติธรรมกับเซิ่งอี่เจ๋อเลย เพราะในตอนนี้ในฉากนี้นั้นเธอได้ตระหนักแก่ใจในที่สุดว่า ชุดเสื้อผ้าแนวโบราณแบบนี้เหมาะกับเซิ่งอี่เจ๋อที่สุด
เขาดูดีและมีดวงตาที่ส่องประกายวาววับ เมื่อรวมเข้ากับสไตล์การแสดงแบบเนิบๆ เขาก็ได้สร้างภาพอันน่าเชื่อถือในฐานะโอรสผู้อ่อนวัยและหล่อเหลาขององค์จักรพรรดิสวรรค์
เขาช่างดูมีเสน่ห์… หล่อเหลา…
อันซย่าซย่ายกมือทั้งสองข้างขึ้นทาบอกพลางเฝ้าดูฉากนั้นด้วยความตกตะลึง
การถ่ายทำฉากนั้นใช้เวลาไม่นานนัก มันเป็นฉากที่เยี่ยหวนไปหาเซียนฉางหรงเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องเพลงกระบี่ ฉางหรงจึงมอบหมายงานหนึ่งให้กับเยี่ยหวนเพื่อทดสอบความสามารถของเขา
ผู้กำกับอดขมวดคิ้วไปกับทักษะการแสดงของหรงเช่อไม่ได้ ทว่าความชื่นชมของนักลงทุนที่มีต่อชายหนุ่มผู้นี้ทำให้เขาเองก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่ถอนหายใจและบอกกับตัวเองว่า “ทนๆ เอาหน่อย”
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาอ่อนลงเมื่อใบหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อเข้ามาในจอภาพ
นอกจากกิริยาท่าทางและอารมณ์ของเขาแล้ว เด็กคนนี้ก็อายุแค่สิบเจ็ดปีเท่านั้น อีกไม่นานหรอก เขาจะต้องมีอนาคตที่สดใสแน่นอน!
ผู้กำกับหยิบเอาโทรโข่งขึ้นมาก่อนประกาศ “แจ้งทุกฝ่ายทราบ ฉากต่อไปคือการรำกระบี่ของเยี่ยหวน เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อี่เจ๋อ เธอพร้อมไหม”
เซิ่งอี่เจ๋อพยักหน้าเป็นการตอบ จากนั้นเขาก็กราดมองไปทั่วห้องแล้วสายตาก็หยุดลงที่เด็กสาวซึ่งกำลังเบิกตาโพลงอยู่ในมุมมุมหนึ่ง
ดวงตาดำขลับอันสดใสเบิกกว้างและเธอเผลอกำมือเล็กๆ ทั้งสองข้างโดยไม่ทันรู้ตัวขณะที่มองดูเขาด้วยความเคลิบเคลิ้ม
ริมฝีปากชายหนุ่มขยับเป็นรอยยิ้ม ซึ่งกระชากหัวใจผู้หญิงทุกคนในที่นั้น
โอ๊ย! พวกเธอเหล่านั้นน่ะอยากจะลดเลขอายุให้สาวขึ้นสักสิบหรือยี่สิบปี และหาแฟนน่ารักๆ แบบนี้สักคนซึ่งพวกเธอจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปเลยทีเดียว!
กล้องยังคงบันทึกภาพต่อไป
ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีดำในชุดดำล้วนถือกระบี่อยู่ในมือข้างหนึ่ง ด้วยการตวัดแขวนเล็กน้อย คมกระบี่ก็สะท้อนเจิดจ้าท่ามกลางแสงอาทิตย์ขณะที่เขาวาดกระบี่ผ่านกลีบดอกท้อที่กำลังโปรยปราย
กระบี่ตวัดผ่านอากาศแล้วกลีบดอกท้อก็ล่องลอยไปตามสายลม เพลงกระบี่อาจมีไว้สำหรับคู่รัก ทว่าการแสดงออกทางใบหน้าของเขาช่างเยือกเย็นเกินกว่าที่จะมองข้ามไปได้
ขณะที่กระบี่วาดลงมาด้วยเพลงสุดท้าย ใบกระบี่ก็สะท้อนแสงแวววาวอย่างเยือกเย็น กลีบดอกท้อร่วงหล่นลงที่ปลายแหลมทำให้เกิดเป็นภาพอันงดงามอย่างน่าทึ่ง
“ดี! ดี! ดี!” ผู้กำกับตะโกนสามคำนั้นออกมาเพราะตื่นเต้นเกินกว่าจะพูดว่า “คัต!”
เซิ่งอี่เจ๋อเก็บกระบี่เข้าฝักอย่างไม่แยแสขณะที่พวกแฟนๆ ก็คอยส่งเสียงอยู่ข้างๆ ฉาก เรือนผมยาวดำขลับของเขาพลิ้วไหวอยู่ในสายลม จากนั้นก็ค่อยตกลงช้าๆ ราวกับการลูบไล้อันแผ่วเบา
อันซย่าซย่ารู้สึกว่าหัวใจของเธเต้นรัวและแรงขึ้น จนต้องกดมือไว้กับอกเหนือตำแหน่งหัวใจด้วยความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง
ตุบๆ ตุบๆ …
หัวใจเธอเต้นระรัวมากจนแทบจะกระเด็นกระดอนออกมาจากอก
เธอเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าถูกสยบราบคาบด้วยบุคลิกของเยี่ยหยวนหรือ… เธอเกิดหลงรักเซิ่งอี่เจ๋อเข้าแล้ว
“นี่ มาแอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงนี้น่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนก่อนจะผลักอันซย่าซย่า
หญิงสาวหลุดจากภวังค์และหันไปมองยังต้นตอของเสียงนั้น ผู้หญิงคนนี้ดูท่าทางคุ้นๆ ยังไงไม่รู้…
อ้อ ไม่ใช่ฉีฉีเหรอ— คนที่เจ้ากี้เจ้าการสั่งงานเธอจนหัวหมุนระหว่างการถ่ายรูปคราวก่อนน่ะ
“มีอะไรให้ช่วยเหรอคะ” อันซย่าซย่าถามอย่างสุภาพ
“มีสิ! เธอไม่เห็นหรอกเหรอว่าทุกคนเขายุ่งขนาดไหน กล้าดียังไงมายืนลอยชายอยู่ได้!” ฉีฉีว่ากล่าวอันซย่าซย่าก่อนจะสั่ง “ไปสั่งมื้อเที่ยงแบบใส่กล่องให้ทุกคนสิ!”
หญิงสาวมองไปรอบๆ และนับได้คร่าวๆ ว่าน่าจะมีเกือบร้อยคนรวมทั้งนักแสดงและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เธอจะขนอาหารกล่องทั้งหมดกลับมาด้วยตัวเธอเองได้ยังไง
อย่างไรก็ตาม ฉีฉีฉากหลบไปทันทีหลังจากออกคำสั่งกับเธอแล้ว อันซย่าซย่าได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ เดินคอตกไปหาเซิ่งอี่เจ๋อซึ่งกำลังนั่งพักอยู่ข้างฉาก
“เอ่อ… เซิ่งอี่เจ๋อ…” เธอจิ้มแขนเขา