“อรุณสวัสดิ์” เหอจยาอวี๋ยิ้มให้อย่างสุภาพ พอเห็นขนมปังไส้เนื้อในมือซูเสี่ยวมั่ว เขาก็ถามอย่างเป็นกันเอง “ยังไม่กินมื้อเช้าเหรอ”
ซูเสี่ยวมั่วหน้าแดงปลั่งในทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของเขา แต่ความกล้าที่เธอสู้อุตส่าห์รวบรวมมาเพื่อทักทายเขาก็หายไปไหนหมดแล้วไม่รู้ เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
“เอ่อ… จ้ะ เปล่า ฉันยังไม่ได้… เอ้อ! อยากชิมไหม นี่…” เธอยัดเยียดขนมปังใส่มือเขาอย่างลนลานแล้วก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เหอจยาอวี๋ถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ มองไปยังขนมปังก้อนกลมขาวในมือ เขาลังเลว่าจะกินหรือไม่กินมันดี
ฉือหยวนเฟิงเป็นคนสุดท้ายที่ลงจากรถ เขาคว้าขนมปังจากในมือเหอจยาอวี๋ตอนเดินผ่าน กัดดูคำหนึ่งก่อนเอ่ยชม “ว้าว อันนี้อร่อยดีนะ”
เหอจยาอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกเสียดายนิดๆ ที่ไม่ได้กินขนมปังก้อนนั้น
–
อันซย่าซย่าสะพายเป้หลัง เรือนผมยาวๆ ของเธอพลิ้วไหวไปมาในสายลม เธอดูเหมือนรูปวาดของสาวสวยคนหนึ่งเมื่อมองดูจากเบื้องหลังซึ่งไม่มีใครอยากละสายตาจากภาพนั้น
เซิ่งอี่เจ๋อเดินตามหลังเธอ มองดูผลมพลิ้วๆ และชายกระโปรงนักเรียนสะบัดไปมาจากการเคลื่อนไหวของเธอ ชายหนุ่มจึงกราดตามองไปรอบๆ และสังเกตเห็นว่านอกจากพวกสาวๆ ที่กำลังส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดและกรีดร้องเพราะการมาของเขาแล้ว พวกนักเรียนชายทุกคนต่างมองอันซย่าซย่าเป็นตาเดียว
ใบหน้าเขาเครียดขึ้นมาทันทีพลางเร่งเท้าตามอันซย่าซย่าไปทันเพียงแค่ก้าวยาวๆ ไม่กี่ก้าว เขาพูดเสียงเย็นชา “รวบผมขึ้น”
อันซย่าซย่าตะลึงกับการปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันของเขา เธอจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาดำขลับดูสดใส “ทำไมมาอยู่ตรงนี้ ฉันบอกแล้วไงว่าค่อยตามมาทีหลัง… นี่ อยู่ห่างๆ ฉันเลยนะ ฉันไม่อยากเป็นศัตรูตัวฉกาจของนักเรียนหญิงทั้งโรงเรียนนะ!”
เซิ่งอี่เจ๋อเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น แล้วก็ยิ้มเผล่ออกมา จากนั้นเขาก็โอบไหล่เธออย่างรักใคร่แล้วก็ล็อกคอเอาไว้พร้อมกับขู่ “รวบผมขึ้น!”
อันซย่าซย่าอยากจะร้องไห้จริงๆ ในตอนนี้ หมอนี่ช่างเกะกะระรานนัก! ถึงขั้นมายุ่งวุ่นวายกับทรงผมของเธอด้วยเหรอ!
ยังไงก็ตามเธอกลับไม่กล้าบ่น และต้องค้นกระเป๋าเป้หายางรัดเพื่อเอาออกมารวบผม
ดวงอาทิตย์ในยามเช้ากำลังส่องแสงอบอุ่น กลิ่นจางๆ ของดอกช่อมาลีหอมกรุ่นอยู่ในบรรยากาศของโรงเรียนในช่วงปลายเดือนกันยายน เซิ่งอี่เจ๋อเฝ้าดูขณะที่หญิงสาวรวบผมขึ้น เผยให้เห็นกรอบหน้าสวย ดวงตาของเธอดูซื่อบริสุทธิ์ขณะที่เธอหันกลับมามองเขาพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนหวาน
ความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นภายในใจของเขาและแผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
เขานิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิด เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นว่ามีนักเรียนชายกำลังมองมาที่อันซย่าซย่าเพิ่มขึ้นอีก
ให้ตายสิ… นี่มันหนักกว่าให้เธอปล่อยผมอีก!
อันซย่าซย่ายังเงยหน้ามองเขา พลางถามอย่างสับสน “ตอนนี้เป็นไง”
“เธอดูขี้เหร่” เซิ่งอี่เจ๋อวิจารณ์อย่างปากไม่ตรงกับใจ อันซย่าซย่าควันออกหู แทบอยากจะกัดเข้าให้สักที!
ฮึ! เจ้าปีศาจ! ฉันจะจดชื่อนายเอาไว้ในบัญชีรอสาป!
หญิงสาวเดินสาวเท้าไปยังห้องสอบโดยมีเซิ่งอี่เจ๋อเดินตามมาไม่ห่างนัก
ทั้งคู่ไม่มีใครสังเกตเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันภายในดวงตาเย็นชาดำมืดคู่หนึ่ง ซึ่งกำลังมองดูทั้งสองจากห้องสอบบนชั้นสอง
ไม่เจอกันนานเลยนะ เซิ่งอี่เจ๋อ
อันซย่าซย่าและเซิ่งอี่เจ๋อเดินเข้าห้องสอบด้วยกัน อันซย่าซย่าวางกระเป๋าเป้เอาไว้ในตู้สำหรับเก็บของด้านนอกห้องก่อนจะผลักประตูเปิดเข้าไป
ซ่า—
ถ้วยน้ำที่ถูกวางเอาไว้บนแผ่นไม้เหนือบานประตูคว่ำลงมา
อันซย่าซย่าไม่ทันมีโอกาสได้ขยับ แต่โชคดีที่เซิ่งอี่เจ๋อซึ่งอยู่ข้างหลังเธอขยับตัวอย่างรวดเร็ว เขาลากเธอเข้าสู่อ้อมแขนก่อนรีบถอยหลังอย่างว่องไว
อันซย่าซย่ามองดูฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างสั่นเทาหลังจากเสียงหล่นกระทบพื้นดังก้อง
มีก้อนน้ำแข็งอยู่ในน้ำบนพื้นด้วย ใครๆ ก็คงนึกภาพออกว่ามันจะรู้สึกอย่างไรถ้าหากโดนน้ำเย็นจัดราดทั้งตัวในช่วงที่เริ่มหนาวเย็นแบบนี้
เสียงผิวปากหวือดึงความสนใจของอันซย่าซย่า เธอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นผู้ชายวัยรุ่นผมสั้นสีน้ำตาลกับรอยยิ้มร้ายๆ เขาถามอย่างยั่วเย้า “ไง ชอบของขวัญของฉันไหม”