คำตอบของเซิ่งอี่เจ๋อคือสีหน้ามึนตึง
หญิงสาวพยายามหัวเราะขณะที่เซิ่งอี่เจ๋อยังคงไม่ยินดียินร้าย บรรยากาศในห้องน่ากระอักกระอ่วนใจมาก โชคดีที่ ณ ตอนนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นช่วยเธอไว้พอดี
ฉือหยวนเฟิงถือจานผลไม้เข้ามา ยิ้มไปพูดไป “ลุงอันบอกให้เอาผลไม้มาให้น่ะ”
อันซย่าซย่ารีบหยิบแอปเปิลขณะที่เซิ่งอี่เจ๋อหน้าบอกบุญไม่รับ “ฉันสอนไม่ไหวแล้ว ตานายล่ะ!”
ฉือหยวนเฟิงกระโดดขึ้นลงอย่างตื่นเต้นดีใจขณะร้องตอบ “โอเค โอเค!”
มีอะไรในโลกนี้ที่พี่อี่เจ๋อไม่สามารถรับมือได้ด้วยเหรอ
อันซย่าซย่าพลิกสมุดไปๆ มาๆ อย่างเชื่อฟังพลางยอมรับ “ฉันไม่รู้วิธีแก้ปัญหาข้อนี้”
ฉือหยวนเฟิงรีบอธิบายคำถามให้เธอฟัง เด็กสาวก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นก็เขียนคำตอบหลังจากที่เขาอธิบายจบ ฉือหยวนเฟิงอวด “พี่ๆ ซย่าซย่าสอนง่ายออก เป็นเพราะพี่ใช้วิธีการที่ไม่ถูกกับเขาหรือเปล่า”
เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มอย่างรู้ทัน “เอ้างั้นลองอีกวิชาซิ”
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่ไม่อาจบอกได้ ฉือหยวนเฟิงรู้สึกเหงื่อตกเมื่อได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เขาหยิบเอาหนังสือเรียนวิชาฟิสิกส์ออกมาแล้วถามซย่าซย่า “ตรงไหนที่ไม่เข้าใจหรือ”
อันซย่าซย่ากระแอมก่อนจะชี้ส่งๆ ไปที่คำถามข้อหนึ่ง “ข้อนี้”
ฉือหยวนเฟิงมองดู มันเป็นโจทย์เรื่องวงจรไฟฟ้าซึ่งสำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องง่ายมากๆ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ชี้ไปที่หลอดไฟฟ้าเหนือศีรษะ “ซย่าซย่า รู้หรือเปล่าว่าหลอดไฟในบ้านของเธอถูกต่อไว้แบบขนานหรือแบบอนุกรม”
อันซย่าซย่ายิ้มแห้งๆ “แหะๆ”
ฉือหยวนเฟิงไม่อยากเชื่อเลย ว่าหลังจากอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้ฟังอยู่เป็นนาน อันซย่าซย่าก็ยังไม่เข้าใจเลยแม้แต่สักนิดเดียว
สิบนาทีต่อมา ฉือหยวนเฟิงก็นอนพังพาบอยู่กับโต๊ะ “สอนไม่ไหวแล้ว! ให้ผมตายยังดีซะกว่า! ไว้ชีวิตผมเถอะ!”
อันซย่าซย่าถูศีรษะตัวเอง รู้สึกเหมือนถูกว่าอย่างแรงอีกรอบ
เซิ่งอี่เจ๋อต่อว่าอย่างแรงโดยไม่ยั้งปาก “อันซย่าซย่า เธอเข้ามาเรียนที่นี่ได้ยังไงเนี่ย อาจารย์เขาเขียนเลขศูนย์ให้เธอเกินมาตัวนึงหรือยังไง”
อันซย่าซย่ารู้สึกเจ็บปวดมากจากคำพูดของเขา หญิงสาวไล่ทั้งสองคนออกไปจากห้องอย่างโกรธๆ “ฉันจะนอนแล้ว! บาย!”
ภายนอกห้อง
ฉือหยวนเฟิงนิ่วหน้าขณะถาม “พี่ ดูจากความสามารถของซย่าซย่าแล้ว… พี่ยังจะสอนเขาอยู่อีกไหม”
เซิ่งอี่เจ๋อเดินก้าวยาวๆ จากไปพลางตอบตามตรงโดยไม่หันหลังกลับไป “ฉันจะสอนเขาเอง ทำไมจะไม่สอนล่ะ”
ฉือหยวนเฟิงรู้สึกว่าภาพเงาดำโครงร่างของเซิ่งอี่เจ๋อตรงหน้าช่างดูเหมือนนักบุญจริงๆ!
พี่อี่เจ๋อนี่สุดยอดไปเลย!
นับถือ!
นับถือจริงๆ!
วันจันทร์
หลังจบพิธีสะบัดธงแล้ว อันซย่าซย่าก็กลับมาเข้าห้องเรียน ซบหน้าลงบนโต๊ะของตัว
ซูเสี่ยวมั่วเดินเข้ามาหาเธอและถึงกับช็อกเมื่อเห็นอันซย่าซย่าผู้อิดโรยกับถุงใต้ตาปูดๆ ของเธอ “โอ๊ยตายแล้ว อันซย่าซย่า เธอไปขุดเหมืองมาเหรอ โทรมเป็นซากขนาดนี้!”
อันซย่าซย่าจ้องมองไปที่จอมปีศาจข้างกายเธอพลางพ่นลมออกมาอย่างโมโห “ก็เพราะสองวันมานี้ฉันติวหนังสือหนักมากน่ะสิ! ทุกวันเต็มไปแล้วความทรมาน! และคนที่ติวหนังสือให้ฉันก็ประหลาดคนด้วย!”
หลังจากบ่นจบแล้วเธอก็รู้สึกโล่งขึ้นทันที แววตาเย็นชาของเซิ่งอี่เจ๋อมาหยุดอยู่ที่เธอ หญิงสาวเปลี่ยนคำพูดในฉับพลัน “ไม่ๆๆ คนที่ทรมานฉันทั้งหล่อแล้วก็ฉลาดด้วย!”
ซูเสี่ยวมั่วยิ้มกริ่ม มุมปากเธอโค้งขึ้น “ดูเหมือนเธอจะโทรมยับเยินเลย… อ้อ จริงสิ หนุ่มหล่อที่อยู่ห้องดีเพิ่งแอดคิวคิวฉันมา เขาอยากสารภาพรักกับเธอน่ะ แต่เขาไม่กล้าบอก เขาอยากเจอเธอเพื่อกินข้าวกลางวันด้วยกันที่โรงอาหารน่ะ คิคิ ยัยซย่าจอมบื้อ ฤดูใบ้ไม้ผลิของเธอมาถึงสักที!”
อันซย่าซย่าตกตะลึงขณะตอบ “อะไรนะ”
ซูเสี่ยวมั่วทุบหัวเธอ “ฉันเห็นรูปเขาแล้ว ไม่ได้ขี้เหร่เลยนะ ฉะนั้นอย่าลืมไปโชว์ตัวตอนมื้อเที่ยงด้วยล่ะ ประโยชน์อะไรที่จะเป็นวัยรุ่นแต่ไม่ได้เดตกับใครเลยน่ะ! ใครจะรู้ นี่อาจจะลงเอยด้วยการเป็นรักแท้ของเธอก็ได้นะ!”
ซูเสี่ยวมั่วตื่นเต้นมาก แต่กลับช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงสายตาเย็นเยียบที่พุ่งตรงมาที่เธอ…