คุณปู่ฟ่านไม่รู้ว่าโม่ถิงได้ข้อมูลติดต่อเขามาแล้ว แม้จะมีน้อยคนนักที่ที่จะรู้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขา
ประมาทฝีมือโม่ถิงไม่ได้แม้แต่น้อย
“ประธานโม่คงโทรมาเพราะฉันเชิญภรรยาเขาไปดื่มกาแฟวันนี้แน่” ชายสูงวัยเอ่ยอย่าไม่อ้อมค้อม
“ผมได้ยินว่าผู้อาวุโสฝานต้องการหาคู่ค้าทางธุรกิจอยู่ ผมว่ามั่นใจว่าคุณคงไม่ได้สนใจโครงการขนาดเล็กของภรรยาของผมหรอกครับ ทำไมคุณไม่มาร่วมมือกับผมแทนล่ะครับ”
“ผู้หญิงมักมองว่าโลกนี้สวยงามไร้พิษภัยอยู่แล้ว ผมเลยอยากให้เป็นอย่างนั้นต่อไปครับ เรื่องบางอย่างพวกเราสามารถจัดการกันเงียบๆ เองได้ในฐานะผู้ชายด้วยกัน ไม่อย่างนั้นทั้งสองฝ่ายจะเดือดร้อนกันเปล่าๆ นะครับ คุณว่ายังไงล่ะครับ ผู้อาวุโสฝาน”
“ไหนๆ ประธานโม่ก็พูดขนาดนี้แล้ว ผมจะว่ายังไงได้อีกล่ะครับ ผมเองก็ขยับตัวไม่ค่อยได้แล้ว นี่เป็นโลกของคนหนุ่มสาวกันแล้วล่ะครับ…”
โม่ถิงไม่ได้โต้ตอบอะไรก่อนวางสายไป
อย่างไรก็ตามอีกฟากของคุณปู่ฟ่าน ประธานฟ่านนั่งอยู่ข้างๆ เขา
แม้ว่าคุณปู่ฟ่านจะไม่ได้แสดงสีหน้าออกมามากนัก แต่อย่างไรเสียเขาเองก็ถูกถังหนิงต่อว่าในตอนเช้าและยังถูกโม่ถิงท้าทายในตอนค่ำอีก เมื่อควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ประธานฟ่านก็เอ่ยกับเขา “ทำไมปู่ต้องทนด้วยล่ะครับ ใช่ว่าเราเอาชนะพวกเขาไม่ได้สักหน่อย!”
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใครล่ะ คิดว่าโม่ถิงใช้ความรุนแรงในการสร้างไห่รุ่ยขึ้นมาเหรอ ช่วยคิดให้ดีก่อนเถอะ เจ้าโง่ วิธีการของโม่ถิงน่ากลัวกว่าแกเยอะ”
“ฮึ่ย ผมเองก็อยากลองนี่” ประธานฟ่านคำรามในลำคอ “ถ้าเขาน่ากลัวขนาดนั้นจริง เขาจะปล่อยให้ผู้หญิงมาอยู่เหนือเขาได้ยังไงกันครับ”
“มันคือสิ่งที่เรียกว่าการทุ่มเทให้ภรรยาต่างหาก!” ชายสูงวัยไม่ได้เห็นด้วยกับการเอาใจผู้หญิงมากเกินไป แต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้าน
“อีกอย่าง ผมไม่เชื่อว่าเขาจะน่ากลัวขนาดนั้นหรอกครับ ปู่ พักผ่อนเถอะ” ประธานฟ่านกล่าวก่อนเดินออกจากห้องนอนของคนอายุมากกว่าไป
ถึงภาพลักษณ์ของโม่ถิงจะดูแข็งแกร่งและไม่มีใครกล้าไปลองดีกับเขา ก็ยังเป็นไปได้ที่มันจะเหมือนกับฟองสบู่ที่รอวันแตก ประธานฟ่านจึงอยากจะเห็นว่าโม่ถิงจะมีอำนาจสักเพียงไหนกัน
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สิ่งที่ประธานฟ่านต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะโม่ถิงได้หมดความอดทนกับเขาเสียแล้ว
กลางดึกที่เงียบสงัด โม่ถิงต่อสายหาลู่เช่อ “ฉันมีบางอย่างให้นายทำเดี๋ยวนี้”
…
ถังหนิงห่างหายไปจากวงการมาพักใหญ่อย่างไม่รู้ตัว…
ทว่าตอนนี้ศิลปินของจู้ซิงมีเดียทั้งเป็นที่ชื่นชอบและเฉิดฉาย
ซิงหลานเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด เธอคว้ารางวัลเพลงชั้นนำกลับบ้านไปได้หลายเวทีในรวดเดียว ทั้งยังเป็นเจ้าของเกือบทุกเพลงที่ติดชาร์ต รวมถึงได้รับการเชิญให้ไปแสดงและเขียนเพลงปิดท้ายหนัง ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงซิงหลาน นักร้องเสียงทรงพลังในวงการเพลง แทบทุกคนก็จะนึกถึงถังหนิงขึ้นมา
พร้อมทั้งลัวเซิงและลัวอิงหงค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นไปในเส้นทางของตัวเอง ในขณะที่ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอีกครั้งในวงการภาพยนตร์
ซย่าหันโม่ ผู้ทรยศ จู้ซิงมีเดียนั่นเอง
เธอมีชายที่ร่ำรวยคอยหนุนหลังให้กลับมาทำงานแสดงอีกครั้ง แม้ว่าชื่อเสียงของเธอในวงการนี้จะไม่ได้ดีมากนัก ทางผู้จัดก็ยังชอบในตัวเธอเพราะสามารถทำเงินได้มากแม้จะรับบทนักแสดงสมทบเท่านั้น ใครจะไม่ชอบบ้างล่ะ
บังเอิญที่ในครั้งนี้ซย่าหันโม่ได้เข้ามาร่วมแสดงสมทบในภาพยนตร์เรื่องเดียวกับลัวเซิง
แต่ลัวเซิงรังเกียจคนหักหลังและแสดงท่าทีไม่พอใจซย่าหันโม่อย่างโจ่งแจ้งกลางงานหลายครั้ง
ทว่าซย่าหันโม่กลับเข้ามาในวงการราวกับเป็นคนละคนกันเมื่อก่อนที่รู้ไม่ทันคนอื่น
เธอทั้งแต่งหน้าหนาและสูบบุหรี่ในเวลาส่วนตัว
ลัวเซิงเห็นเธอเป็นอย่างนั้นอยู่สองครั้ง แต่ทำเพียงมุ่นคิ้วใส่ก่อนเดินจากไปด้วยความรังเกียจ
ทว่าครั้งล่าสุดที่เขาเห็นเช่นนั้น ซย่าหันโม่ก็สูบบุหรี่ต่อหน้าต่อตาเขา
“ผมว่าคุณไม่ควรมาแสดงหนังนะ กลับบ้านไปสูบบุหรี่แทนจะดีกว่า ยังไงคุณเองก็มีคนคอยหนุนหลังคุณอยู่ที่บ้านแล้วนี่”
ทุกคนต่างตกอยู่ในความประหม่า หากแต่ซย่าหันโม่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอได้ละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองไปหมดแล้ว
“ฉันทำผิดกับถังหนิงเอาไว้ก็สมควรโดนอย่างนี้แล้วล่ะ”
“คนที่คุณทำผิดด้วยคือหลินเฉี่ยนต่างหาก” ลัวเซิงเอ่ยแก้ “ผมไม่รู้ว่าคุณจะมาซ้อมครั้งนี้ด้วยความคิดยังไงหรอกนะ แต่ผมมั่นใจว่าคุณคงได้ยินแล้วว่าผมเป็นนักแสดงนำของภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่าโผล่หน้ามาให้ผมเห็นอีก…”
“ลัวเซิง เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้แล้วไปเถอะ”
ลัวเซิงแจ้งหลงเจี่ยเรื่องซย่าหันโม่ แต่หลงเจี่ยกลับได้แต่ไหวไหล่อย่างดูถูกดูแคลน “แค่ตั้งใจทำงานของนายให้ดีก็พอ อย่าปล่อยให้คนอื่นมามีผลกระทบกับนายแล้วจับไต๋นายได้ มันไม่คุ้มหรอก”
“โอเคครับ หลงเจี่ย ผมจะพยายามควบคุมตัวเองให้ได้”
ลัวเซิงเกลียดการทำงานกับคนที่นิสัยแย่
ว่าแต่ซย่าหันโม่เป็นคนไม่ดีขนาดนั้นเลยหรือ คงไม่ใช่เช่นนั้นเสียทีเดียว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นปัญหาที่แท้จริง เธอไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ภาพลักษณ์ภายนอกของเธอจึงยิ่งเป็นการทำให้คนอื่นเหยียบย่ำดูถูกเธอกว่าเดิม
ไม่นานข่าวที่ลัวเซิงกับซย่าหันโม่ทำงานร่วมกันก็มาถึงหูถังหนิง พอเป็นเรื่องของซย่าหันโม่เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ถังหนิงได้รับบัตรเชิญ
เธอค่อนข้างแปลกใจที่คนคนนี้ยังจำตัวเองได้
เป็นบัตรเชิญจากบรรณาธิการของทีคิว หลินเหว่ยเซิน เธอกำลังจะแต่งงาน!
สิ่งที่มาพร้อมกับบัตรเชิญคือหน้าปดฉบับเดือนตุลาคมที่มีเธอปรากฏอยู่ เมื่อเห็นใบหน้าของตัวเองอยู่บนปก ถังหนิงแทบรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง
ถึงแม้พวกเขาจะห่างหายกันไปนาน แต่เมื่อก่อนชายคนนี้ก็ได้ช่วยเธอเอาไว้ มันเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจลืมได้ลง
“ผมได้ยินว่าเป็นการแต่งงานครั้งที่สองแล้วนี่”
“คุณนี่รู้มากจริงๆ ” ถังหนิงว่าโม่ถิงเข้าให้ “ฉันไม่ได้อยู่ในวงการแฟชั่นมานานแล้วนะคะ…”
“มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะไปร่วมงานแต่งหรอกเหรอครับ” โม่ถิงหัวเราะพร้อมสวมกอดเธอเอาไว้ อย่างไรเสียครั้งหนึ่งหลินเหว่ยเซินก็ได้ออกมาปกป้องเธอต่อหน้าทุกคน
ถังหนิงพยักหน้า ทว่าคาดไม่ถึงว่างานนี้จะเกือบทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเธอ
ความจริงแล้วเหตุผลที่เขาเชิญถังหนิงไม่ได้เพียงเพราะให้เธอมาเป็นสักขีพยาน แต่ยังรู้ว่าเธอกำลังพยายามสร้างหนังไซไฟเรื่องเยี่ยมอยู่ และเขาบังเอิญมีเพื่อนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ จึงคิดแนะนำเขาให้กับถังหนิงเผื่อว่าจะสามารถช่วยเธอได้
เขาหวังดีกับเธอ แต่น่าเสียดายที่มีคนในวงการเข้าร่วมงานนี้มากเกินไป
บางครั้งวงการบันเทิงก็ดูเหมือนจะกว้างขวาง หากแต่ในความเป็นจริงนอกจากคนดังหน้าใหม่ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาตลอดเวลา ส่วนใหญ่ทุกคนก็รู้จักกันดี เพราะถึงอย่างไรพวกเขาต่างก็เจอหน้ากันผ่านสื่ออยู่บ่อยครั้ง
และหนึ่งในคนเหล่านั้นก็คือประธานฟ่าน…