ถึงวรรณวิมลจะขอโทษวรกัญญาลงหนังสือพิมพ์และออกโทรทัศน์แล้ว แต่แทนที่เธอจะพูดการกระทำของตนเองอย่างชัดเจน กลับทำให้คนอื่นๆเข้าใจผิดว่าเป็นเพราะวรกัญญาบีบบังคับเธอ เธอไม่มีทางเลือก จึงต้องขอโทษ
ดังนั้นตอนนี้คนทั้งพระนครจึงมองวรกัญญาในแง่ลบไปแล้ว เหมือนรังแกคนที่อ่อนแอกว่า
เลขารวบรวมคำวิพากษ์วิจารณ์ในหนังสือพิมพ์กับบนอินเทอร์เน็ตบางส่วน มาให้วรกัญญาดู
แต่วรกัญญาไม่ได้ใส่ใจ เธอแค่พูดกับเลขาเล็กน้อย ให้พวกเขาไปจัดการ เผยแพร่วิดีโอส่วนหนึ่งลงไปในอินเทอร์เน็ต
คนในพระนครจำนวนหนึ่งมีเรื่องที่ต้องทำแล้ว ก็คือการสืบหาผู้หญิงที่อยู่ในวิดีโอ ถึงวิดีโอจะไม่ได้ชัดเจนมาก แต่กลับมีคนรู้เรื่องราวในขณะนั้น โดยเฉพาะหลังจากที่วรรณวิมลล้มลงมาเองแล้วแสร้งทำเป็นปวดท้อง ทุกคนต่างก็โมโหมาก
วรรณวิมลโดนค้นหาออกมาอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกคนที่โดนใส่ร้ายก็ถูกค้นหาออกมาเช่นกัน เปิดโปงเรื่องที่วรรณวิมลพูดออกมาทีละเรื่องๆ
วรรณวิมลคิดไม่ถึงว่าวรกัญญาจะใช้วิธีอย่างนี้ แล้วก็ไม่คิดว่าซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นจะเป็นของโจนส์กรุ๊ปด้วย วิดีโอนั้นถ่ายตนเองเอาไว้อย่างแจ่มแจ้ง เรื่องนี้ต่อให้มีปากก็คงพูดได้ไม่ชัดเจน
แค่ปล่อยวิดีโอออกไป วรรณวิมลก็ไม่กล้าออกไปชอปปิ้งอยู่นานเลย เพราะแค่เธอออกนอกบ้าน ก็จะมีคนจุ้นจ้านคอยจับตาดูอยู่ที่ทางเข้า แล้วปาไข่ใส่เธอ
“อ่อนเอ้ย ทำไมถึงไม่ออกไปเดินเล่นข้างนอกนานเลยล่ะ?” ในวันปกติวรรณวิมลชอบออกไป ชอปปิ้งมากๆ เธอไม่ชอบอยู่ในห้องกับย่านิ่ม เธอค่อนข้างดูถูกคนที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอก เหมือนไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อตนเองสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ในบ้านยังคงเป็นย่านิ่มที่ตัดสินใจทุกอย่าง ทั้งบ้านจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของบ้านนอก
ย่านิ่มเห็นว่าหลายวันนี้วรรณวิมลเอาแต่อยู่บ้านดูทีวีอย่างสงบ เธอจึงรู้สึกแปลกใจมาก
ภายในบ้านมีแค่เธอกับสิริกรที่คอยดูแลอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ส่วนคนอื่นๆถ้าสามารถไม่กลับมาได้ก็คงไม่กลับมากันหรอก
“คุณย่าคะ นานแล้วที่หนูไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนคุณย่ากับคุณแม่เลย หนูจึงอยากอยู่บ้านเป็นเพื่อนพวกคุณค่ะ” แค่กะพริบตาวรรณวิมล ก็แต่งเรื่องโกหกออกมาได้หนึ่งเรื่องแล้ว
ช่วงนี้แค่เป็นคนที่เล่นอินเทอร์เน็ต ต่างก็รู้เรื่องของวรรณวิมลกันทั้งนั้น แต่ย่านิ่มกับสิริกรเป็นคนไม่รู้หนังสือ แล้วก็เล่นอินเทอร์เน็ตไม่เป็น ดังนั้นพวกเธอจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ดูสิ ฉันจะพูดยังไง ก็ยังเป็นอ่อนของพวกเราที่เชื่อฟัง รู้จักอยู่บ้านเป็นเพื่อนพวกเราด้วย บ้านในตอนนี้เงียบเหงาเกินไปจริงๆ” ย่านิ่มถอนหายใจ
ตอนที่ตนเองเพิ่งมา รู้สึกว่าภายในบ้านครึกครื้นใช้ได้เลย แต่ตนเองอยู่มาหลายปีนี้ คนในบ้านก็กลับไปกันหมด ห้องที่กว้างขวางจึงเหลือแค่เธอกับสิริกร แทบไม่ได้แตกต่างจากที่บ้านนอกเลย แค่มีคนทำอาหารให้พวกเขากินก็เท่านั้น
“คุณย่า หนูต้องอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าอยู่แล้วค่ะ เพียงแต่พวกเพื่อนของหนูมีแต่เรื่องไร้สาระ ชอบให้หนูออกไปเล่นสนุกกับพวกเขาตลอดเลย หนูก็รู้สึกไม่ดี คุณย่าคะ เป็นเพราะหนูไม่ดีเอง หนูควรจะอยู่เป็นเพื่อนคุณย่ากับคุณแม่ให้มากๆหน่อย” วรรณวิมลกำลังกอดแขนของย่านิ่ม ออดอ้อนออเซาะ
ย่านิ่มตกหลุมพรางเล่ห์เหลี่ยมของเธอแล้ว รู้สึกว่าวรรณวิมลเป็นหลานสะใภ้ที่ดีที่สุดเลย
เฮ้อ ถ้าปีนั้นมุกดาไม่หายตัวไปอย่างกะทันหัน ก็คงไม่ทำให้ธินิดาแท้งลูกหรอก ถ้าไม่แท้ง เธอก็จะได้เป็นทวดแล้ว ในบ้านก็จะมีชีวิตชีวาขึ้นอีกหน่อย
“อ่อนเอ้ย เมื่อไหร่เธอจะมีลูกล่ะ เธอกับธวัชแต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้ว ท้องของเธอไม่มีการเคลื่อนไหวสักนิดเลยเหรอ?” ตอนนี้ย่านิ่มไม่สนใจความรู้สึกของวรรณวิมลแล้ว จึงถามขึ้นมาทันทีว่าทำไมเธอถึงไม่อยากมีลูก
ในใจของวรรณวิมลก็ร้อนรน เธออยากมีลูกเพื่อเป็นหลานชายคนโตของตระกูลสุวรรณเลิศ แต่ท้องนี้กลับไม่แสดงความสามารถออกมา ตั้งหลายปีแล้ว ก็ไม่มีวี่แววสักนิดเลย
“เรื่องนี้หนูก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะยังไม่มีวาสนามั้งคะ” วรรณวิมลไม่กล้าบอกนายหญิง ว่าเธอเคยแท้งไปตั้งหลายครั้งแล้ว
เนื่องจากเธอผ่าตัด ธีร์ธวัชจึงดีกับเธอขนาดนั้น คิดว่าเธอเป็นหยกที่ยังไม่ได้เจียระไน รู้เรื่องในอดีตของเธอที่ไหนกันล่ะ
วรรณวิมลไม่ได้พูดเรื่องที่ตนเองเจอมุกดาให้ย่านิ่มฟัง เธอยังไม่ชัดเจนว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มุกดากลายเป็นวรกัญญา รอให้เธอไปสืบหาแล้ว ค่อยว่ากันอีกที
“เฮ้อ พวกเธอรีบๆหน่อยนะ ยิ่งมีลูกเร็วก็ยิ่งดี พวกเธอสามสิบกว่ากันแล้ว ถ้ายังไม่มีอีกจะกลายเป็นมีลูกตอนอายุเยอะนะ” ย่านิ่มอายุแปดสิบกว่าแล้ว เธอก็รีบร้อนน่ะสิ
“ค่ะ หนูทราบแล้ว แต่หนูมีเงินใช้จ่ายในแต่ละวันน้อยแค่นั้นเอง อยากกินของดีๆก็คงยาก จะท้องได้ยังไงล่ะคะ” วรรณวิมลถือโอกาสให้ย่านิ่มเพิ่มเงินค่าขนมให้ตนเองอีกสักหน่อย
“ถึงยังไงต่อไปบ้านนี้ก็เป็นของพวกเธออยู่แล้ว เธอน่าจะกินของดีๆหน่อยสิ ฉันจะเพิ่มค่าขนมให้เธอ เป็นเดือนละสี่หมื่นแล้วกัน ส่วนอาหารในบ้านฉันจะจัดการให้ดีขึ้นหน่อย ถ้าเธอยังไม่อยากมีลูกอีก ก็แก่แล้วนะ” ครั้งนี้ย่านิ่มทุ่มสุดตัว
คนในครอบครัวนี้ใช้ชีวิตอยู่ดีกินดีจนติดเป็นนิสัย ตนเองก็ลำบากจนชินแล้ว พวกเขาคงไม่ชินกับชีวิตของตนเองแน่ๆ ย่านิ่มก็รู้ว่าในครอบครัวนี้ไม่ได้ขัดสนเงินทอง เธอไม่จำเป็นต้องประหยัดอยู่แล้ว
“จริงเหรอคะ? เยี่ยมเลยค่ะ คุณย่า หนูรู้ว่าคุณย่าใจดีที่สุด หนูจะให้เหลนจ้ำม่ำๆกับคุณย่าแน่นอนค่ะ” แค่วรรณวิมลได้ยินว่าเงินค่าขนมของตนเองเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหมื่น เธอก็ดีอกดีใจ ชีวิตของเธอจะยิ่งอุดมสมบูรณ์มีสีสันมากขึ้นแล้ว
อุดอู้อยู่ในบ้านมาตั้งหลายวัน วรรณวิมลเห็นว่าเงินค่าขนมของตนเองเข้าบัญชีแล้ว เธอจึงอยากออกไปเดินเล่น โดยเฉพาะกลับไปตระกูลบุญเยี่ยมซะหน่อย
วรรณวิมลขับรถของเธอ ครู่เดียวก็จะถึงตระกูลบุญเยี่ยมแล้ว ไปตระกูลบุญเยี่ยมไม่ได้ไกลมาก เพียงแค่ทะลุผ่านเมืองใกล้ๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของตระกูลสุวรรณเลิศ
วรรณวิมลมองสิ่งของบนรถที่ซื้อไว้ให้ครอบครัว เธอมีความสุขมาก ชอบความรู้สึกที่ได้รับความสนใจจากคนในครอบครัว พี่สะใภ้ของเธอเป็นคนที่มีอำนาจคนหนึ่ง ถ้าเธอไม่ได้ซื้อของกลับไป ก็จะโดนพี่สะใภ้หัวเราะเยาะเอาได้
ตอนที่ติดไฟแดง วรรณวิมลจอดอยู่ที่ริมถนน มองคนพวกนั้นกำลังเดินข้ามทางม้าลายกันอย่างขวักไขว่
ในทันทีที่ปรากฏไฟเขียวขึ้น ตอนที่วรรณวิมลเตรียมจะพุ่งออกไป เหมือนเธอจะเห็นธีร์ธวัช ซึ่งธีร์ธวัชกำลังจูงผู้หญิงท้องโตคนหนึ่งอยู่
รถด้านหลังบีบแตรอย่างแรง วรรณวิมลจึงทำได้เพียงออกรถไปก่อน แต่ทว่าเธอจอดรถไว้ที่ข้างทาง เพื่อยืนยันว่าผู้ชายคนเมื่อครู่ใช่ธีร์ธวัชหรือเปล่า เธอจึงโทรไปหาธีร์ธวัช
“ฮัลโหล ธวัช คุณอยู่ไหนคะ?” วรรณวิมลถามธีร์ธวัชด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ผมทำงานอยู่ที่บริษัทไง ที่รัก คุณเป็นอะไรไป? คิดถึงผมเหรอ อีกเดี๋ยวผมก็จะเสร็จงานแล้ว ผมก็คิดถึงคุณ” ธีร์ธวัชพูดกับวรรณวิมล
“ตอนนี้ฉันอยู่ใกล้ๆบริษัทคุณ ฉันจะไปหาคุณนะคะ” วรรณวิมลพูดจบก็ตัดสายไปเลย
คนเมื่อครู่ต้องเป็นธีร์ธวัชแน่ๆ ท่าทางการเดินของเขาวรรณวิมลคุ้นเคยดี
ธีร์ธวัชกำลังจูงผู้หญิงท้องอยู่ หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ เขาก็ลนลาน วรรณวิมลอยากไปรับเขาที่บริษัท เขาจึงโทรไปหาคนที่บริษัททันที