เจียงโม่หานค่อยๆ หันไป จ้องมองหนานเฉิงด้วยสายตาล้ำลึก มองอยู่สักพักก่อนจะพูดว่า “นายเป็นห่วงเธอเหรอ”
หนานเฉิงลดสายตาลง “ผมกับเธออยู่ข้างกายคุณมาด้วยกัน คิดมาตลอดว่าเธอเป็นเพื่อน แค่รู้สึกนิดหน่อยครับ”
“เธอ…สมควรตาย”
พูดจบเจียงม่หานก็หันกลับไปอีกครั้ง เมืองยังคงเจริญรุ่งเรือง ไฟนีออนยังคงส่องแสง ท้องถนนยังคงคับคั่ง ไม่ใช่เพราะใครหายไปแล้ว
มันจะแตกต่าง เพียงหัวใจต่างหากที่เปลี่ยนแปลง
เหมือนกับเขาในตอนนี้
ที่เป็นเหมือนศพเดินได้
ไม่มีวิญญาณ มีเพียงร่างกายเปลือกนอก
“หนานเฉิง นายมีเรื่องอะไรที่เคยทำไปแล้วเสียใจภายหลังไหม” น้ำเสียงของเขากดต่ำมาก
หนานเฉิงตอบกลับ “มีครับ”
“เล่าให้ฟังหน่อย”
เขาพูดราวกับว่ากำลังมองหาความสมดุล
ก็ยังมีคนที่เหมือนกับเขา เสียใจกายหลั่ง เสียดายและเสียใจ
“ชอบผู้หญิงคนหนึ่งครับ แต่ เธอไม่ชอบผม” หนานเฉิงตอบกระชับสั้นๆ
“ทำไมไม่สู้” เจียงโม่หานหันไปถามเขา
ความสุขขึ้นอยู่กับการต่อสู้เพื่อให้ได้มาของตัวเองไม่ใช่เหรอ
หนานเฉิงส่ายหน้า “ผมไม่อยากบั่งคับ และไม่อยากให้เธอลำบากใจ เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ผมก็ยิ่งมีความสุข ถ้าวันหนึ่งเธอไม่มี
ความสุข แล้วกลับมาหาผม ผมก็จะยินดียอมรับ”
เจียงโม่หานมองเขาอยู่นาน เธอมีความสุข เขาก็จะมีความสุขงั้นเหรอ
ถ้าไม่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองซอบ มองดูเธอรักกับชายอื่น จะสามารถอวยพรโดยไร้ซึ่งความไม่เสียดายและเสียใจได้จริงเหรอ
เมื่อฟังคำพูดของหนานเฉิงแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัว
ถ้าเขาชอบใครสักคน เขาหวังว่าจะได้อยู่กับคนคนนั้น
เขาคิดเสมอว่าถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ เขาจะเริ่มต้นใหม่กับเธออย่างแน่นอน
แต่…เธอจะไม่ปรากฏตัวบนโลกใบนี้อีกแล้วไม่ใช่เหรอ
เป็นเขา ที่ทำให้เธอตาย
ถ้าเขาไม่ขอหย่า หลิงเวยก็อาจไม่กล้าลงมือ
เขาเสียใจภายหลัง เสียใจอย่างสุดซึ้ง
ทว่า สิ่งเดียวโลกนี้ไม่สามารถย้อนกลับได้ก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว
“ประธานเจียงครับ เรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว คุณอย่าไปคิดถึงมั่นอีกเลยครับ” หนานเฉิงไม่รู้ว่าควรปลอบใจเขาอย่างไร
เพียงแต่ไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนี้
“หัวใจ จะขึ้นอยู่กับตัวคนได้ยังไง” ยิ่งไม่อยากคิดมากเท่าไร ก็ยิ่งซัดเจนมากเท่านั้น
“ไปเถอะ” เขาออกก้าวเดิน หนานเฉิงตามไป
อีกด้าน กู้เสียนกับจงเหยียนซีทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว ขณะที่กู้เสียนเตรียมตัวจะกลับ ก็มองไปที่เธอ “วันนี้คุณมีแผนอะไรไหม”
จงเหยียนซีพูดลวกๆ ว่า “โครงการยังไม่เสร็จ ทำงานอยู่ในโรงแรม”
กู้เสียนยิ้มครู่หนึ่ง “งั้นเย็นนี้ผมลิกงานแล้ว เรานัดทานข้าวเย็นก้นไหม เพราะยังไงอาหารเช้านี่คุณก็เลี้ยงแล้ว”
จงเหยียนซีพิงประตู “ในหัวของคุณคิดแต่เรื่องกินเหรอ อาหารเช้าเพิ่งกินเสร็จ ก็คิดว่าตอนเย็นจะกินอะไรซะแล้ว รู้ไหมว่าคุณเป็นอะไร”
กู้เสียนถาม “เป็นอะไร”
“ถังข้าว”
ถั่งข้าว?
ทำไมฟังดูเป็นคำที่ไม่ค่อยดีเลย
ถึงเขาจะร่ำเรียนมามาก แต่ยังมีคำมากมายที่ขาไม่เข้าใจ ภาษาจีนช่างกว้างขวางและลึกซึ้ง บางครั้งคำเดียวมีหลากความหมาย
ขาเหลือบมองจงเหยียนซี แล้วเอาโทรศัพท์มือถือออกมา ค้นหาความหมายของคำว่าถังข้าวในไปตู้ หลังจากอ่านจบก็ถามกลับว่า “คุณ
เคยเห็นถังข้าวที่สง่างามขนาดผมด้วยเหรอ”
จงเหยี่ยนซียื่นปาก “ก็คุณไม่ใช่เหรอ”
กู้เสียน “.
“ไม่พูดกับคุณแล้ว” เขาไม่สามารถพูดภาษาจีนกลางของเธอได้ เพราะไม่เข้าใจคำศัพท์มากมายเท่าเธอ
โดยเฉพาะพวกคำด่า
“ผมไปแล้วนะ”
กู้เสียนเดินออกไป จงเหยียนซียิ้ม “งั้นฉันไม่ต้องส่งคุณใช่ไหม”
“เป็นคนที่ไร้น้ำใจไร้คุณธรรมจริงๆ ผมเป็นคนช่วยชีวิตคุณนะ นิดก็ไม่รู้จักตอบแทน ช่วยคุณไปเสียเปล่า” เขาส่งเสียงหึอย่างเย็นชา
จงเหยียนซี ”
เธอจดจำน้ำใจนี้ได้ตลอดโอเคไหม
ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเขาเป็นเหมือนน้องชายเหรอ
ห้องนอนกับห้องน้ำของเธอ แต่หนแต่ไรมาไม่เคยให้ใครยืมใช้ โดยเฉพาะเพศตรงข้าม
กู้เสียนยืนอยู่หน้าลิฟต์และกดปุ่ม
ผ่านไปครู่หนึ่งประตูลิฟต์ก็เปิดออก เขากำลังจะเข้าไป แต่ข้างในมีคนสามคน คนที่อยู่ด้านหน้าคือกวนจิ้ง
กู้เสียนชะงักไปครู่หนึ่ง และจากนั้นก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ยืนอยู่หน้าลิฟต์ไม่รู้จะตอบอย่างไร
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ว่า…
กวนจิ้งเหลือบมองเขา และไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แค่คิดว่าเขาแปลก เขาออกมาแล้ว แต่ไม่ยอมเข้าลิฟต์ไป
เขานำคนสองคนไปยังห้องของจงเหยียนซีแล้วเคาะประตู
เมื่อกู้เสียนเห็นเขาเคาะประตู ดวงตาก็พลันเบิกกว้าง
เขาไปเคาะห้องของจงเหยียนซีทำไม
เขาเป็นคนดีหรือคนเลว
จะเป็นคนที่พยายามจะทำร้ายเธอหรือเปล่า
ขณะนี้สมองเขาคิดมากมายสรตะ
ในช่วงเวลาที่ประตูห้องเปิดออก เขารีบกดลิฟต์ที่กำลังจะปิด แล้วเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน ประตูลิฟต์ปิดลง เขาไม่ได้กดปูมชั้นหนึ่ง แต่กดที่ชั้นล่างของอาคาร เขาลงจากลิฟต์เพื่อหาบันได แล้วเดินขึ้นไปอีกครั้ง และ
ระหว่างขั้นตอนเหล่านี้เขาโทรหาจงเหยียนซีไปด้วย
กลัวว่าเธอจะประสบพบเจอคนเลว ถ้าไม่มีใครรับสาย เขาจะเรียกตำรวจหรือไม่ก็จะบุกเข้าไปเอง
ถ้ามีคนรับสาย ก็แสดงว่าคนนั้นไม่ได้มาทำร้ายเธอ
แต่ถ้าไม่ใช่คนที่ทำร้ายเธอ แล้วเธอจะรู้จักผู้ชายคนนั้นได้ยังไง
แต่เคยให้เธอดูรูปแล้ว
ในใจเขามีความคิดมากมาย
จงเหยียนซียังคิดว่ากู้เสียนไปแล้วกลับมาอีก เมื่อเปิดประตูจึงพูดว่า “ทำไมคุณกลับมา…”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นว่าเป็นกวนจิ้ง
“คุณอากวน”
กวนจิ้งมองเธอแล้วถามว่า “คิดว่าฉันเป็นใคร”
พูดอย่างนั้นแล้วสายตาก็มองเข้าไปในห้อง อาหารเช้าบนโต๊ะยังไม่เก็บ เป็นอาหารเช้าสองที่ เห็นได้ช้ดว่ากินด้วยกันสองคน
เขายกมือขึ้นดูนาฬิกา เพิ่งหกโมงสี่สิบเก้านาที
ไม่เหมือนการมาทานอาหารเช้าเป็นพิเศษ
มีคนค้างคืนที่นี่งั้นเหรอ