ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 479 รอมีเวลา ข้าจะฟังท่านอธิบายช้าๆ

เฉินเสียนได้ยินคำนั้นแล้วหมุนตัวกลับมา นวดคลึงกำปั้น บิดคอ หมุนตัวเดินกลับไป แล้วกล่าวว่า“ดูเหมือนว่าเมื่อครู่ไม่สามารถทำให้เจ้าเข็ดหลาบเลยสินะ”

ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยมองซูเจ๋อและกล่าวกระตุ้นอย่างลึกซึ้งให้เกิดความสนใจว่า “ก็ไม่รู้ว่าวันนี้เชื้อเชิญองค์หญิงจิ้งเสียนมา แท้ที่จริงแล้วผิดหรือถูก”

ตั้งแต่ซูเจ๋อเข้ามาที่บานประตูนี้ ท่านอ่องของเป่ยเซี่ยก็พินิจพิเคราะห์เขาอย่างละเอียดออยู่บ้าง ครั้งก่อนที่งานเลี้ยงพระราชวังห่างกันไกล ตรงกลางยังมีองค์ชายหกสอดแทรกอยู่ ด้วยเหตุนี้ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยเลยไม่ได้พิจารณามองอย่างละเอียด

แต่ทว่าครั้งนี้มองอย่างละเอียดแล้ว

ซูเจ๋อดื่มเคารพเขาหนึ่งจอก กิริยาท่าทางสุขุมนุ่มลึกมาก

ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยกล่าวว่า “ครั้งนี้มาต้าฉู่เป็นครั้งแรก เมื่อก่อนน่าจะไม่เคยพบเจอกับใต้เท้าซู แต่มองดูแล้วคุ้นหน้าคุ้นตาใต้เท้าซูเป็นอย่างมาก”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “ข้ากระหม่อมซูก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”

ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านแซ่ซู ข้าก็แซ่ซู ประมาณว่ามีแซ่เดียวกัน เพราะฉะนั้นเลยมีความรู้สึกคุ้นเคยสินะ ”ดื่มชาหนึ่งกลืน แล้วกล่าวต่ออีกว่า “ไม่ทราบว่าใต้เท้าซูเรือนอยู่แห่งใด ท่านพ่อท่านแม่น่าจะมีชีวิตที่แข็งแรงอยู่ แล้วภูมิลำเนาอยู่ที่แห่งใดกัน?”

ซูเจ๋อกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ข้ากระหม่อมซูตัวคนเดียว ไม่มีท่านพ่อท่านแม่ไม่มีภูมิลำเนา ได้รับความกรุณาของจักรพรรดิองค์ก่อน อยู่เป็นสหายข้างกายองค์หญิงตลอดมาพ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ”ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยอุทายออกมาด้วยความเสียดาย แล้วกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ องค์หญิงจิ้งเสียนอยู่ที่ต้าฉู่ เคราะห์ดีที่ได้ใต้เท้าซูดูแล ”สีหน้าของเขามีความอ้างว้างว้าเหว่เล็กน้อย “แต่นี้ต่อไป ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับใต้เท้าซูด้วยนะ”

ด้านนอกเฉินเสียนกับองค์ชายหกบิดพัวพันจนยากที่จะแยกออกจากกัน มองอย่างนั้นแล้วองค์ชายหกเป็นผู้ที่แพ้ย่อยยับป่นปี้ เจ็บจนร้องด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

หากยังไม่ไปจับทั้งสองคนนั้นแยกจากกัน เกรงว่าจะต้องเกิดเรื่อง

ตอนที่ซูเจ๋อกับท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยออกมาแยก องค์ชายหกยังร้องเสียงดังใจคอไม่ดีขึ้นว่า “เลือดออก เลือดออกแล้ว!แย่แล้ว ใช่หรือไม่ว่าข้าเสียโฉมแล้ว!เฉินเสียน หากท่านทำข้าเสียโฉมนะ ดูว่าข้าจะให้ท่านรับผิดชอบ!”

จริงๆ ในหิมะไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีคราบเลือดออกมากมายเลย

ซูเจ๋อใช้แขนข้างหนึ่งอุ้มเฉินเสียนมาไว้ในอ้อมกอด แยกรักษาระยะห่างกับองค์ชายหก เฉินเสียนยังพยายามถีบเตะบนตัวขององค์ชายหก แต่ถีบเตะได้เพียงอากาศ แล้วกล่าวว่า “ร้องโหยหวนอีก ข้าจะทำให้ตายเลย!”

ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยรีบไปดูบาดแผลขององค์ชายหก เห็นบนใบหน้าของเขามีเลือดจริง แต่มองอย่างละเอียดไม่เห็นว่ามีปากแผล ด้วยเหตุนี้เลยใช้มือข้างหนึ่งลูบคลำที่ใบหน้าขององค์ชายหก เห็นคราบเลือดด้านล่างอย่างผิวเผินก็ยังคงปกติดีไม่ได้รับบาดเจ็บ

ครั้นแล้วท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยเลยหันไปมองซูเจ๋อ กล่าวว่า “เลือดนี่ไม่ใช่ขององค์ชายหก”

ซูเจ๋อแววตาอึมครึม อดไม่ได้ที่จะจับมือของเฉินเสียนมาดูอย่างละเอียด มองเห็นหลังมือเธอไม่รู้ว่ากระทบที่ใดแล้ว คราบเลือดลายพร้อย ไม่หยุดที่จะไหลย้อยลงมา

ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยเห็นสถานการณ์เช่นนั้น เลยรีบเรียกคนของตัวเองมาพาเฉินเสียนไปจัดการทำแผล กล่าวขึ้นว่า “พวกท่านไปเถิด องค์ชายหกมีข้าดูอยู่ที่นี่”

ครั้งนี้เฉินเสียนไม่สามารถหลุดจากมือซูเจ๋อได้ เขาไม่ยอมให้ปฏิเสธเลยกุมที่ข้อมือของเธอ

มาถึงภายในห้อง คนรับใช้หยิบกล่องยาออกมา นิ้วมือของซูเจ๋อรับกล่องยาไว้ แล้วจึงสั่งให้คนรับใช้ออกไปได้

ซูเจ๋อเช็ดคราบเลือดออกให้กับเฉินเสียน บนหลังมือนั้นมีบาดแผลที่ไม่ลึกมากอยู่

ตอนรอซูเจ๋อทำความสะอาดบาดแผลของเธอ เธอเพิ่งจะมารู้ตัวอีกทีก็มีความรู้สึกเจ็บและชาเล็กน้อย

“ทำอย่างไรมาหรือ?”ซูเจ๋อถาม

เฉินเสียนกล่าวว่า“ไม่รู้ บางทีเมื่อครู่หมัดหนึ่งคงต่อยโดนกระเบื้อง ไม่ได้ใส่ใจ”

ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างเงียบ

กลิ่นอายลมหายใจของซูเจ๋อเหมือนจะก่อกวนเฉินเสียนอยู่บ้าง

เธอชอบกลิ่นหอมของไม้กฤษณาบนตัวของเขา เมื่อก่อนทำให้เธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความสงบสบายใจ แต่ทว่าวันนี้เวลานี้เธอรู้สึกจิตใจวุ่นวายเหมือนเสียวซาบซ่าน ไม่สามารถสงบใจได้เลย

เธอใจลอยมองซูเจ๋อที่ทายาให้กับเธออยู่ และหลังจากนั้นพันผ้าพันแผลอย่างนุ่มนวล ไม่ง่ายที่เธอจะอดทนได้เพื่อไม่ไปกอบกุมมือของเขา

บนมือของเขา ชัดเจนว่ามีความอบอุ่นที่ตัวเองโหยหา

ซูเจ๋อกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “เมาหรือ?”

เฉินเสียนกระตุกริมฝีปากขึ้น ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ข้าอยากเมา แต่บังเอิญมีสติชัดเจนอย่างมาก”

ซูเจ๋อผูกเงื่อนผ้าพันแผลที่หลังมือเธอเสร็จ การกระทำหยุดชะงัก นานมากได้กล่าวขึ้นว่า “หากรู้มาก่อนว่าวันนี้ท่านไม่อยากให้ข้าปรากฏตัว ข้าก็จะไม่มาแล้ว”

เฉินเสียนเจ็บปวดใจทันที

เขากล่าวว่า “ครั้งก่อนตอนที่อยู่โรงเรียนไท่ ไม่เห็นว่าท่านจะเป็นเช่นวันนี้เลย ข้าประมาทสะเพร่าสิ่งใดแล้วหรือ?”

เฉินเสียนยากที่จะพูด เธอควรที่จะพูดอะไรหรือ?

ซูเจ๋อเอื้อมมือผลักกล่องยาที่อยู่ตรงหน้าออกไป มือข้างหนึ่งบีบข้อมือเฉินเสียอย่างแข็งกร้าว ดันทุรังดึงเธอเข้ากอดแน่นอยู่ในอ้อมกอด

เฉินเสียนตัวแข็งทื่ออิงเขาอยู่ เขากล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “เหตุใดถึงต่อต้านข้าอย่างกะทันหันเช่นนี้”

ใจหนึ่งเธออยากกอดเขามาก ใจหนึ่งควบคุมตัวเองไม่ให้ไปกอดเขา ร่างกายนี้เหมือนกับอยู่เหนือการควบคุมของตัวเอง แข็งทื่อราวกับไม่เหมือนตัวเองเลย

เฉินเสียนกล่าวว่า “หากว่าข้ายังสามารถต่อต้านท่านได้ ตอนนี้ก็ควรจะออกแรกผลักท่านออกไปแล้ว”

แต่เธอไม่สามารถทำได้

บนใบหน้าของเฉินเสียนมีความยุ่งเหยิงกับความเจ็บปวดทุกข์ระทมอยู่อย่างเบาบาง กล่าวอีกว่า “บางทีข้าควรที่จะผลักท่านออก ช่วงนี้ข้าเพิ่งจะพบว่า สองปีมานี้ ข้าอาจจะถูกท่านหลอกลวงจนหัวปั่น”

ซูเจ๋อเกร็งหลังมือตึงเปรี๊ยะ

เฉินเสียนหลับตาลง กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ซูเจ๋อ ข้ารู้อะไรหมดแล้ว แต่ข้ายังคงยินยอมให้โอกาสข้ากับท่านหนึ่งครั้ง รอตอนที่ข้ากับท่านมีเวลาที่มากเพียงพอ ข้าจะฟังท่านอธิบายช้าๆ ท่านต้องรู้นะ เจ้าน่องน้อยคือเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า หากท่านไม่ต้องการเขา ทางที่ดีก็อย่าต้องการข้าเลย”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “ข้าจะไขว่คว้าเวลาและโอกาสนี้ไว้นะ”

เย็นนี้หม้อไฟเนื้อแกะไม่ได้กินกันเท่าไหร่ องค์ชายหกสร่างเมา ด่าโวยวายอยู่พักหนึ่ง แต่ตอนที่เห็นหลังมือของเฉินเสียนพันผ้าพันแผล ดวงตาก็เป็นประกาย น้ำเสียงก็เบาลงไป

หลังจากที่ซูเจ๋อกับเฉินเสียนออกมา กินโจ๊กช่วงขึ้นแปดค่ำเดือนสิบสอง ก็กลับไป

ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยมองแผ่นหลังของซูเจ๋อ ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

องค์ชายหกมองแผ่นหลังของเฉินเสียนที่เดินจากไป บ่นพึมพำว่า “หญิงผู้นี้ เป็นผู้ที่โหดเหี้ยมจนทำให้คนเป็นทุกข์เสียจริงๆ”

ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยอมยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าว่าองค์ชายหกยังคงชอบมาก”

องค์ชายหกกล่าวว่า “ยังไม่มีผู้ใดกล้าทำกับข้าเยี่ยงนี้ องค์หญิงจิ้งเสียนเป็นคนแรก ”ทั่วทั้งตัวของเขาตอนนี้ยังมีความแสบร้อนเล็กน้อย แต่มองเห็นเลือดของเฉินเสียนที่อยู่ในหิมะ ความโมโหในใจก็เลือนหายลดลง

ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยกล่าวว่า “หากองค์ชายหกชื่นชอบ ก็อาจจะไร้ลู่ทาง ในใจขององค์หญิงจิ้งเสียนบรรจุไว้ มีเพียงผู้นั้น กลัวว่าจะบรรจุจนเต็ม ไม่สามารถรับท่านได้”

ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ เรื่องความในใจของชายหญิงวัยรุ่นเขาจะดูไม่เข้าใจได้อย่างไรกันเล่า เขาก็เคยเข้าใจซาบซึ้งชำนาญเรื่องความในใจเช่นกัน

องค์หญิงจิ้งเสียน ลูกสาวของสหายเก่าเขา รักชายวัยรุ่นแซ่ซูนั้นอย่างมากมาย

องค์ชายหกแสดงความไม่พอใจ กล่าวว่า “ผู้ใดบอกว่าข้าไร้ลู่ทาง? แม้ในใจขององค์หญิงบรรจุผู้อื่นไว้ แต่ผู้อื่นนี้ หนึ่ง เขาไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลที่สูงศักดิ์ และสองก็ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล จะเหมาะสมกับองค์หญิงได้อย่างไร? อีกทั้งข้าได้ยินมาว่าชายผู้นี้เป็นราชครูขององค์หญิงตั้งแต่ทรงยังเด็ก อนาคตหากเปิดเผยให้สาธารณะชนรับรู้ เขาจะคบหากับองค์หญิงได้อย่างไรกัน นั่นเป็นการฝ่าฝืนระเบียบการปฏิบัติตนสามประการและจารีตห้าประการเลยนะ เพราะฉะนั้นอนาคตผู้ที่จะสามารถผูกพันได้ จำเป็นต้องมีฐานะตำแหน่งที่คู่ควรกัน”

ท่านอ๋องของเป่ยเซี่ยมองเขา แล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าท่านมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก”

องค์ชายหกยิ้ม ในแววตาปรากฏความเจ้าเล่ห์แพรวพราวเล็กน้อยกับลักษณะหน้าตาที่ไร้ความผิดของเขา กล่าวว่า “แน่นอน ข้าจะต้องได้มาอย่างแน่นอน”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset