เฉินเสียนพูดขึ้นอย่างเบาว่า“ซูเจ๋อเขา ตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังดูแลไม่ได้เลย แล้วยังจะไปรบกวนอะไรเขาในเวลานี้ วันนี้ข้าแค่เข้าพระราชวัง รอให้เขาอาการดีขึ้นก่อนแล้วค่อยมาปรึกษาหาหรือกัน จักรพรรดิไม่สามารถมากำหนดการเป็นการตายของข้าได้ ดังนั้นจึงคิดหาวิธีทางที่จะกักบริเวณข้าเอาไว้ โชคดีคือข้าจะได้ไปอยู่กับเจ้าน่องน้อย เพียงแค่ได้เข้าใกล้เจ้าน่องน้อย เรื่องราวก็คงไม่เลวร้ายไปกว่านี้”
ฉินหรูเหลียงเม้มปาก หันกลับมามองที่เฉินเสียนแล้วพูดว่า“ที่นั้นคือพระราชวัง เจ้าอาจจะเหมือนกับเจ้าน่องน้อย เมื่อเข้าไปแล้วก็ยากที่จะได้ออกมา”
เฉินเสียนเอ่ย “ถ้าเกิดเข้าไปเผชิญหน้าอย่างรุนแรง นั่นมันยากมาก”เธอหัวเราะให้กับฉินหรูเหลียงเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า“รอให้ข้าได้เข้าไปในพระราชวังก่อน ได้รู้สถานการณ์อย่างแน่ชัด ไม่แน่อาจจะมีวิธีทางหลบหลีกก็ได้และทำให้ข้ากับเจ้าน่องน้อยออกมาได้อยากราบรื่น ”
เมื่อฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนสบายใจ แต่ตอนนี้นอกเหนือจากจะปฏิบัติตามพระราชโองการ เธอก็ไม่มีวิธีทางอื่นแล้ว
เฉินเสียนเดินผ่านฉินหรูเหลียง แล้วค่อยๆเดินออกจากโถงบุปผาไป หิมะสีขาวในลานบริเวณเรือนปกปิดภาพเงาของเธอไว้ อ่อนโยนและพร่างพรานสะดุดตา
เธอพูด“ข้ากลับสวนสระวสันตฤดูก่อนนะ”
ทั้งจวนก็ไม่ได้มีคนจำนวนมากอะไร เรื่องที่องค์หญิงจิ้งเสียนกำลังจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปประทับอยู่ที่พระราชวัง ไม่นานผู้คนก็รู้กันอย่างทั่วถึง
เมื่อเฉินเสียนเข้ามาในสวนสระวสันตฤดู อวี้เยี่ยนและแม่นมซุยต่างก็เป็นกังวล ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
เฉินเสียนให้พวกเขาไปเก็บข้าวของ ทั้งสองคนจึงเข้าใจว่าครั้งนี้ต้องออกไปจากที่นี่อย่างแน่นอน
อวี้เยี่ยนและแม่นมซุยต่างก็พักอยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว สิ่งเล็กๆน้อยต่างๆมากมายที่นี่เป็นพวกเธอที่คอยจัดการดูแล เมื่อบอกว่าจะย้ายออกจากนี้ก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์อย่างยิ่ง
อวี้เยี่ยนกำลังเก็บข้าวของของเฉินเสียน เหมือนกับครั้งแรกเมื่อสองปีก่อนตอนที่เฉินเสียนแต่งงานเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพ ก็นำข้าวของใส่ลงในหีบใบนี้เช่นกัน
สิ่งของเยอะแยะมากมาย หีบนั้นบรรจุของไม่หมด อวี้เยี่ยนที่กำลังปาดน้ำตาในใจก็คิดหาช่องทาง เฉินเสียนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วพูดว่า “เอาเพียงเสื้อผ้าไปเปลี่ยนแล้วซัก ของอย่างอื่นในห้องไม่ต้องเก็บไปหรอก”
อวี้เยี่ยนเก็บข้าวของอย่างลุกลี้ลุกลน เก็บไม่เรียบร้อย แม่นมซุยถอนหายใจแล้วพูดว่า“อวี้เยี่ยน ให้ข้าทำเถอะ”
แม่นำมซุยรับช่วงต่อ เก็บข้าวของอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เธอวางเสื้อผ้าและเครื่องประดับของเฉินเสียนลงในหีบ เมื่อเห็นหีบยังเหลือที่ว่างอยู่ก็เลือกใส่สิ่งของคุ้มค่าที่น่าจดจำไม่กี่อย่างลงไปด้วย
เธอเก็บของไปด้วยพูดไปด้วยว่า“อวี้เยี่ยนยังเด็ก รับไม่ได้ที่จะต้องออกจากที่นี่ไปอย่างเศร้าเช่นนี้”
เฉินเสียนหยิบหน้ากากออกมาจากกล่องใบเล็ก ใช้นิ้วลูบลงไปอย่างเบามือแล้วส่งให้กับแม่นมซุย พูดขึ้นว่า“เอ้อร์เหนียง นำสิ่งนี้ไปด้วย”
จากนั้นเธอก็นำตุ๊กตาหุ่นกระบอกไม้สองตัวใส่ลงไปในชั้นล่างสุดของหีบ
หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว เฉินเสียนเดินออกจากประตูก็พบกับฉินหรูเหลียงที่ยืนอยู่ในเรือน ไม่รู้ว่าเขามารออยู่นานเท่าไหรแล้ว
เขามองมาอย่างนิ่งๆ แม่นมซุยนำสิ่งของที่เป็นความทรงจำของเฉินเสียนใส่ลงไปในหีบทีละเล็กน้อย เหลือไว้เพียงสิ่งของที่ไม่สำคัญ
เฉินเสียนเดินออกมานอกชายคาแล้วพูดว่า“เจ้ามาได้อย่างไร เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่จากไปโดยไม่บอกลาเจ้าหรอก ก่อนจากไปข้าต้องไปบอกกับเจ้าอยู่แล้ว”
ฉินหรูเหลียงเงียบไปอยู่นาน จึงพูดขึ้นว่า“ข้ารู้ว่าข้าไม่สามารถขัดขวางท่านไว้ได้ ตอนนี้ข้าก็ไม่มีความสามารถที่จะรั้งให้ท่านอยู่ที่ได้”
เฉินเสียนขมวดคิ้ว แต่กลับยิ้ม“เจ้าจะมาสะบัดสะบิ้งเช่นนี้ทำไม ข้าเพียงถูกองค์จักรพรรดิกักบริเวณให้อยู่ในพระราชวังก็เท่านั้นเอง”
ฉินหรูเหลียงถาม“แล้วหลังจากนี้ท่านยังจะกลับมาหรือไม่?ถ้าในอนาคตคำสั่งถูกยกเลิกแล้ว ท่านจะกลับมาหรือไม่?”
เฉินเสียนเม้มปากแล้วยิ้มอย่างเย็นชา
ฉินหรูเหลียงพูด“คงไม่กลับแล้วสินะ เมื่อไปแล้วจากนี้ก็คงไม่กลับมาอีกแล้ว สวนสระวสันตฤดูแห่งนี้ก็คงไม่มีผู้หญิงที่ชื่อเฉินเสียนอีกต่อไป”
เฉินเสียนพูด“ให้มันดีๆหน่อย เจ้าจะพูดเรื่องเศร้าทำไมกัน”
ฉินหรูเหลียงฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เมื่อเช้าเห็นได้ชัดว่าข้ายังโกรธท่านอยู่เลย แต่ตอนนี้ข้ากลับอยากจะรั้งให้ท่านอยู่ ข้าไม่สบายใช่หรือไม่”
“คนเราเมื่อมีความจริงใจต่อกันต้องได้พบกันอีกในวันหน้า ต่อไปภายหน้าก็ไม่ใช่จะไม่พบกันอีก”
ฉินหรูเหลียงมองไปที่เธอแล้วเอ่ยว่า “เฉินเสียน ในใจของท่าน ท่านเคยคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของท่านมาบ้างหรือไม่?”
เฉินเสียนรู้สึกมึนงง ยิ้มบางแล้วตอบว่า“เมื่อก่อนสำหรับข้า ที่นี่เป็นเพียงแค่ที่พักพิงเท่านั้น แต่วันนี้ก็นับว่าเป็นบ้านของข้า ”เธอหยักไหล่พยายามทำตัวสบายๆแล้วพูดว่า“แม้ว่าเมื่อก่อนจะมีแต่เรื่องที่ทำให้ไม่มีความสุขมากมาย แต่ก็ไม่ใช่เป็นความทรงจำที่เลวร้ายทั้งหมด”
ฉินหรูเหลียงพูด“ข้าก็คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของข้ามาโดยตลอด แต่เมื่อถึงเวลากลางคืน ท่านได้ให้ตะเกียงแก่ข้า คอยข้ากลับมากินข้าว ข้าเพิ่งจะเข้าใจถึงความรู้สึกที่อบอุ่นของบ้านอย่างแท้จริง การรับรู้ของข้ามันอาจจะสายเกินไป ”
ถ้าเขาปราดเปรียวสักหน่อย ไวต่อการรับรู้สักนิด ในตอนแรกก็คงไม่ทำร้ายกับเธอมากมายเช่นนั้น เขาควรจะวางเกียรติยศแล้วมารักทะนุถนอมเธอเอาไว้ให้ดี
“ฉินหรูเหลียง”เฉินเสียนชำเลืองหันไปมองเขา“หลังจากนี้เจ้าอย่ายึดติดกับการอยู่คนเดียว เจ้าต้องรู้จักปรับตัว”
“อย่ามาพูดถึงข้าเลย ท่านไม่เหมือนกันรึ?”
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไร ข้ากว่าจะค้นหาเส้นทางนี้เจอมันไม่ง่ายเลย แต่เจ้าพลาดโอกาสนั้นนานแล้ว ยืนกรานที่จะย้อนกลับไปในเส้นทางนั้น เจ้าควรจะต้องเดินหน้าต่อไป ถึงจะได้พบกับโอกาสที่ดีๆ”
“รอให้ข้าให้เห็นพวกท่านร่วมกันฝันฝ่าอุปสรรคและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เมื่อฟ้าหลังฝนแล้วก้าวต่อไปข้างหน้าได้ไม่สิ้นสุด ข้าถึงจะวางใจที่ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างสบายใจ”
ฉินหรูเหลียงยื่นมือเข้าไปโอบกอดที่เอวของเฉินเสียน นำเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอด
มันเป็นเพียงครั้งเดียวที่เฉินเสียนไม่ต่อต้าน และยื่นมือมากอดเขากลับ
ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นเบาๆในขณะที่กอดเธอว่า“เฉินเสียน ข้ารู้ว่าทำผิดไปแล้ว ถ้าเกิดย้อนเวลากลับไปเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง ข้าฉินหรูเหลียงจะทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเชื่อใจท่าน ปกป้องท่าน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีโอกาสที่จะย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่ได้ ไม่เป็นไร ข้าได้เพียงแต่ต้องถอยออกมา ขอท่านมีความสุขก็พอแล้ว ”
เฉินเสียนเบิกตาค้าง ในตาเริ่มชุ่มชื้นแล้วเอ่ยว่า“คำพูดที่พูดออกมาจากปากเจ้า ดวงอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว”
“ซูเจ๋อสามารถทำให้ท่านได้รับความสุข ท่านก็ไปกับเขาเถิด”ฉินหรูเหลียงพูด “แม้ว่าในตอนเริ่มแรกเขาจะคิดร้ายกับข้าและท่าน แต่สุดท้ายข้าก็ไม่ได้แพ้ให้กับเขา แต่ข้าแพ้ให้กับตัวข้าเอง เขาสามารถได้รับความรักจากท่าน เขาเป็นคนที่โชคดี ”
ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไร คำขอร้องของฉินหรูเหลียงนั้นก็กลายเป็นการขอเรื่องง่ายๆ จากจุดเริ่มต้นที่ไม่มีการยอมแพ้ไม่เลิกลาความคิดต่อกัน ก็ค่อยๆกลายเป็นความเข้าใจและการช่วยเหลืออย่างเต็มที่
บางทีการได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ถูกต้องในการได้รักใครสักคน
เขารู้ว่าซูเจ๋อนั้นทุ่มเทเพื่อผู้หญิงคนนี้อย่างสุดชีวิต แล้วเขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ก็ทำเพื่อชายคนนั้นอยากไม่ห่วงชีวิตตัวเองเช่นกัน เขาไม่อยากจะยอมรับ แต่ในเมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ เขาไม่มีทางที่จะตามทันได้
ฉินหรูเหลียงพูด“รอภายหน้า ได้เห็นว่าท่านกับเขาอยู่ร่วมกันด้วยตาของข้าเอง ข้ารู้ว่าพวกท่านจะสามารถครองรักกันไปตลอดชีวิต เฉินเสียน ข้ารู้สึกสบายใจที่ได้ปล่อยมือจากท่านแล้ว”
เฉินเสียนยิ้มทั้งหน้าตาแล้วเอ่ยว่า “อืม ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นวันนั้นโดยเร็วที่สุดแน่นอน ฉินหรูเหลียง ขอบคุณนะ”