เฉินเสียนจ้องมองไปที่ตุ๊กตาไม้นั้นด้วยความงุนงง หลังจากนั้นก็เรียกแม่นมซุยเข้ามา
เฉินเสียนยังไม่ทันจะถาม แม่นมซุยก็รู้ได้โดยทันที “กราบบังคมทูลองค์หญิง ตอนนี้ใต้เท้ากำลังเดินทางกลับมาจากศาลยุติธรรมต้าหลี่แล้วเพคะ”
เฉินเสียนพยักหน้า ในใจนั้นเป็นกังวลอย่างยิ่ง แต่ใบหน้านั้นไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ
หลังจากนั้นแม่นมซุยก็คุกเข่าลง
เฉินเสียนกล่าวถาม “เอ้อร์เหนียงทำอะไรน่ะ?”
แม่นมซุยสะอึกสะอื้น “บ่าวรู้ว่าองค์หญิงพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยใต้เท้า ตอนนี้ใต้เท้าได้รับความช่วยเหลือแล้ว บ่าวเลยไม่รู้จะขอบคุณยังไง จึงทำได้เพียงโค้งคำนับองค์หญิง”
หลังจากนั้นเธอก็โค้งศีรษะลงจนหน้าผากแตะพื้น
เฉินเสียนขมวดคิ้วและกล่าว “เอ้อร์เหนียง ลุกขึ้นเถอะ”
อวี้เยี่ยนก็ทนดูไม่ได้ รีบเข้าไปยกพยุงแม่นมซุยลุกขึ้น และกล่าว “องค์หญิงบอกให้ท่านลุกขึ้น ท่านอยากให้องค์หญิงโมโหหรืออย่างไรที่ไม่ยอมลุกขึ้น?”
แม่นมซุยตาแดงน้ำตาคลอ “บ่าวดีใจที่สุดเลย”
เฉินเสียนมองดูหนังสือในมือ ความรู้สึกที่กำลังคิดถึงใครคนหนึ่งอยู่นั้นช่างทำให้เธอทั้งรู้สึกเหงาและเรียบง่าย เธอคิด ความรู้สึกแบบนี้ช่างดีเหลือเกิน อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกกลัวอีกต่อไป ไม่กล้าแม้แต่จะนอนตอนกลางคืน
เธอกล่าวอย่างเรียบ ๆ “ถึงแม้ไม่มีเจ้า ข้าก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเขา หากจะขอบคุณ ข้าควรขอบคุณเขา ที่ทำให้ข้ากล้าก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ทำให้ข้าไม่กลัว และทำให้ให้ข้าและเจ้าได้มาพบเจอกันเป็นนายบ่าว”
แม่นมซุยกล่าว “บ่าวจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับใช้องค์หญิงเพคะ”
เฉินเสียนส่ายหน้า และกล่าวว่า “ถึงแม้เขาจะกลับมาบ้านแล้ว แต่บ้านก็ถูกรื้อค้น เหลือไว้เพียงแค่เปลือก ไม่รู้ว่าจะมีใครทำกับข้าวให้เขารับประทาน จะมีใครทำความสะอาดที่นอน บาดแผลของเขาจะมีใครดูแลไหม ใครจะต้มยาให้เขา และยังมีชีวิตประจำวันต่าง ๆ นานาใครจะจัดการให้เขา”
เฉินเสียนยิ้มและกล่าว “กังวลใจเรื่องความเป็นความตายของเขาไปแล้ว ข้าก็ยังไม่วางใจยังกังวลใจเรื่องพวกนี้”
แม่นมซุยกล่าว “ในใจผูกพันกับใครอีกคน ก็ต้องเป็นกังวลใจเป็นธรรมดา เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ปล่อยไปได้”
เฉินเสียนกล่าว “เอ้อร์เหนียง ข้าตัดสินใจว่าอยากให้เจ้ากลับไปช่วยข้าดูแลเขาหน่อย คนรอบกายเขาไม่มีแม้แต่คนเดียว เจ้ากลับไปข้าจะได้วางใจได้บ้าง ทางนี้ข้ายังมีอวี้เยี่ยน เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป”
แม่นมซุยอึ้งและกล่าวว่า “แต่ว่าตั้งแต่วันแรกที่ใต้เท้าให้บ่าวมาที่นี่ องค์หญิงก็คือนายของบ่าว ก่อนหน้านี้ใต้เท้าก็ตัวคนเดียว การใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ก็จัดการด้วยตัวเอง พ่อบ้านเพียงแค่ดูแลเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ส่วนองค์หญิงทางนี้มีเพียงอวี้เยี่ยนคนเดียวเกรงจะดูแลองค์หญิงได้ไม่ดีเท่าที่ควร องค์หญิงได้โปรดอย่าให้บ่าวไปเลยนะเพคะ!”
ที่สำคัญคือมีอวี้เยี่ยนอยู่ แม่นมซุยเลยไม่วางใจ ไม่ใช่ไม่ไว้วางใจอวี้เยี่ยนดูแลองค์หญิงได้ไม่ดี แต่เธอไม่ไว้วางใจกลัวว่าอวี้เยี่ยนเอะอะก็พาฉินหรูเหลียงเข้ามาที่บ้าน
แม่นมซุยและอวี้เยี่ยนมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเรื่องผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นท่านราชบุตรเขย เรื่องนี้จึงทำให้ทั้งสองต่างก็ระมัดระวังซึ่งกันและกัน ราวกับไม่สามารถผ่อนคลายได้แม้แต่น้อย
เธอต้องพยายามอย่างหนักเพื่อใต้เท้าของเธอ แน่นอนว่าจะไม่ยอมให้ฉินหรูเหลียงฉวยโอกาสนี้ไปได้
เฉินเสียนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ไล่เจ้าออกไป ข้าเพียงแค่ให้เจ้าไปดูแลเขาแทนข้าหน่อย อย่างน้อยก็รอให้บาดแผลของเขาหายดีขึ้นแล้วค่อยกลับมา”
แม่นมซุยกล่าว “แต่ใต้เท้าไม่ต้องการใครดูแลนะเพคะ เขาอยู่ตัวคนเดียวลำพังจนชินแล้ว หากบ่าวกลับไป เขาคงไม่ให้บ่าวเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดแน่นอนเพคะ ส่วนเรื่องบาดแผลของใต้เท้านั้น ใต้เท้ามีทักษะการแพทย์ที่ดี สามารถรักษาตัวเขาเองให้หายดีได้แน่เพคะ!”
เฉินเสียน “…” เมื่อสักครู่แม่นมซุยยังร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งอยู่เลย แต่ตอนนี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เฉินเสียนไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าแม่นมซุยนั้นกำลังกังวลใจเรื่องอะไร
แม่นมซุยเข้าใจใต้เท้าของเธอดี ใต้เท้าก็คงไม่คิดอยากจะให้เธอกลับไป ถึงแม้เธอก็เป็นห่วงเป็นกังวลอย่างมากเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของใต้เท้า แต่ตอนนี้หากวางลำดับความสำคัญสลับกัน จะทำให้เสียหายเพราะเรื่องเล็กน้อย
แม่นมซุยกล่าว “องค์หญิง บ่าวคนเดียวไม่สามารถรับใช้นายสองคนได้นะเพคะ”
“ข้าสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้ ไม่ได้จะส่งเจ้ากลับไปซะหน่อย”
แม่นมซุยกล่าวอย่างจริงจัง “หากต้องการอยากจะให้บ่าวกลับไปจริง ๆ ไม่อย่างนั้นลองส่งข้อความไปบอกใต้เท้า ดูว่าเขาต้องการหรือไม่ต้องการ หากใต้เท้าเห็นด้วย บ่าวก็จะกลับไปดูแลรับใช้”
แม่นมซุยดื้อรั้นมากในเรื่องนี้ เฉินเสียนก็ไม่รู้จะทำเช่นไรกับเธอดี เธอมีวิธีของตัวเองในการส่งข่าวไปให้ซูเจ๋อ ก็ปล่อยเธอไป
ในเวลาค่ำคืน เฉินเสียนอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องและยังไม่หลับ อวี้เยี่ยนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ภายนอกได้ยินเสียงเดินของแม่นมซุย แต่ก็ไม่เห็นว่าเธอจะเข้ามา ได้ยินเพียงเสียงกระซิบกระซาบของเธอ “องค์หญิงรีบออกมาดูว่าใครมาหาเพคะ?”
ใครมาหาหรือ? เข้าออกในสวนสระวสันตฤดูได้ก็คงมีเพียงคนเหล่านั้น พ่อบ้าน คนรับใช้ในจวนฉิน และยังมีฉินหรูเหลียงผู้ไม่ยอมจากไปไหน นอกจากนี้จะยังมีใครอีก?
แต่สามารถทำให้น้ำเสียงของแม่นมซุยทั้งรีบร้อนและตื่นเต้นได้แบบนี้ เฉินเสียนนึกออกเพียงซูเจ๋อ ไม่มีใครอื่นแล้ว
แต่วันนี้ซูเจ๋อเพิ่งจะกลับจากศาลยุติธรรมต้าหลี่กลับไปที่บ้าน เขาเพ่ิ่งจะได้กลับมาเป็นผู้บริสุทธิ์และได้รับอิสระ ได้รับข่าวคราวมาจากนครหลวงเช่นนี้ เขาจะมาที่นี่ได้อย่างไร?
เฉินเสียนทำได้แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่กล้าคาดหวังมากเกินไป
เฉินเสียนวางหนังสือลง และเดินไปที่หน้าประตู กล่าวถามออกไป “ใครมาน่ะ คงไม่ใช่ซู…”
หลังจากนั้น พูดยังไม่ทันจบ เฉินเสียนลืมตาขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ มองไปเห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มของแม่นมซุย และมีร่างเพรียวบางยืนอยู่ที่มุมกำแพงภายใต้แสงสลัวข้างหลังของเธอ
เฉินเสียนใจสั่น พูดยังไม่ทันจบประโยคก็รู้สึกสำลักในลำคอ
แสงไฟสีเหลืองอมน้ำตาลส่องทั่วกรอบประตู และเธอเห็นหิมะโปรยปรายอยู่นอกชายคา แสงไฟที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้น
เธอคิดว่านั่นคือภาพลวงตา ที่ถูกสลักไว้บนกำแพง ลวดลายการวาดเส้นตื้นลึกที่ปรากฏคือสิ่งที่เธอนึกถึงในใจเสมอมา
เฉินเสียนวิ่งออกมาจากในห้อง คิดว่าเมื่อเธอยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ภาพลวงตานั้นจะหายไป แต่ไม่เลย เธอเห็นคนตรงหน้ายังคงอยู่ที่เดิมในระยะที่เกล็ดหิมะปลิวผ่าน
รอยยิ้มจาง ๆ ระหว่างคิ้วของเขาช่างอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ
เฉินเสียนยืนจ้องมองเขาอยู่ที่ใต้กำแพง เขาสวมเสื้อคลุมแขนกว้าง ปักลายเมฆและนกกระเรียนที่ด้านหน้า ชุดขุนนางเหมือนกับปกติตอนที่เขาใส่ตอนสอนหนังสือที่โรงเรียนไท่ มันทำให้เขาสง่างาม บริสุทธิ์ราวกับหยก
เฉินเสียนรู้สึกเบลอและสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
เป็นซูเจ๋อจริง ๆ ด้วย คนที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะคาดหวังก็กลับกลายมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เหมือนกับหิมะที่ค่อย ๆ ตกลงมาจากบนฟากฟ้า
ในโลกนี้มีใครอีกบ้างที่จะบริสุทธิ์ไม่มีที่ติเหมือนอย่างเขา ดูแล้วแทบจะไม่มีจริง
ร่างของซูเจ๋อพิงกับกำแพง ทำให้กำแพงขาวนี้ดูมีทัศนียภาพที่สวยงามมากขึ้น เขายกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ไม่รู้จักข้าแล้วหรือ?”
เฉินเสียนงึมงำ ๆ ก่อนที่จะตั้งสติได้และอดยิ้มไม่ได้ แววตาที่เปล่งประกายไปด้วยความอบอุ่น และกล่าวว่า “ซูเจ๋อ ใช่ท่านจริง ๆ ด้วย ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
“ข้าแค่ผ่านมา เลยแวะมาเยี่ยมเยียนท่าน”
คำนี้ดูเหมือนว่าช่างง่ายดาย แต่ใครจะรู้ว่าลำบากมากมายแค่ไหน
เฉินเสียนก้าวไปข้างหน้าและขยับเข้าใกล้ เขย่งเท้าเล็กน้อย เอื้อมมือไปปัดหิมะที่ตกลงมาระหว่างไหล่ของเขา ผมที่เหมือนหมึกนั้นประไหล่ของเขา เป็นความนุ่มที่นำความเย็นเล็กน้อย
เธอกล่าวด้วยความเป็นห่วง “ท่านควรจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านเพื่อพักฟื้นอาการบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เพิ่งจะกลับมาได้แค่วันเดียว ทำไมถึงออกมาข้างนอกอย่างนี้ล่ะ”
ซูเจ๋อชอบความสนิทสนมและพฤติกรรมที่อ่อนโยนของเธอ และกระซิบเบา ๆ “อาการบาดแผลไม่ได้สาหัสอะไร ยังไงก็ต้องเข้าไปที่วังอีกครั้ง เพื่อขอบพระทัยองค์จักรพรรดิ”