อวี้เยี่ยนพูดว่า “ทำไมเจ้าหญิงไม่พิจารณาหาพ่อเลี้ยงให้องค์ชายสักหน่อย? หากเหมือนเป็นคนอย่างคุณชายเหลียนก็ไม่เลว ก็ดีกว่าคนหลังนะเพคะ ถ้าหากพบท่านพ่อแท้ๆ องค์ชายแล้ว บ่าวก็ไม่มีอะไรพูด”
เฉินเสียนไม่แน่ใจว่า ซูเจ๋อจะชอบเจ้าน่องน้อยจริงหรือไม่ คนที่ชอบทำเรื่องแบบนั้นได้ มักจะไม่ค่อยชอบเด็ก
แต่ว่าเฉินเสียนยังจำได้ สถานการณ์ของซูเจ๋อที่สอนเด็กๆ ในสวนเล็กๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมกันมากแต่ยังเข้ากันได้
เฉินเสียนครุ่นคิด นิสัยของเจ้าน่องน้อยเงียบมากขนาดนั้น ควรจะเข้ากับซูเจ๋อได้มากกว่านี้
เฉินเสียนพูดว่า “พ่อแท้ๆ ขององค์ชายยังไม่มาเรียกร้องลูกชายของเขาจนถึงตอนนี้ ไม่แน่อาจจะไม่รู้เลยว่ามีลูกชาย เป็นเพียงลมทำชอบทำตัวพัดผ่าน คนเลวแบบนี้ไม่เอาก็ยังจะดีกว่า หรืออาจจะรู้ว่ามีลูกชายแต่ไม่กล้าที่จะยอมรับ นั้นก็เป็นคนขี้ขลาดตาขาว จะเอามาทำอะไร?”
อวี้เยี่ยนพูดไม่ออก
พูดออกมาขนาดนั้นแล้ว เฉินเสียนไม่บังคับขอให้อวี้เยี่ยนเข้าใจนาง เพียงแค่หวังว่าซูเจ๋อจะไม่ถูกคนรอบข้าของตัวเองเข้าใจผิด
เฉินเสียนถาม “ใช่แล้ว เหลียนชิงโจวล่ะ? หลังจากที่กลับมาไม่มีโอกาสไปพบเขาเลย ไม่รู้เขาเป็นอย่างไร?”
อวี้เยี่ยนพูด “ก่อนหน้าที่จะได้รับข่าว คุณชายเหลียนก็ไม่ได้อยู่เมืองหลวงแล้ว เขาได้ออกจากเมืองหลวงแล้วเพคะ”
“ออกจากเมืองหลวง? ได้บอกหรือไม่ว่าจะไปที่ไหน?”
“ไม่ได้บอกเพคะ เหมือนจะไปทำกิจการที่อื่นแล้ว” อวี้เยี่ยนอดกลั้นแล้วอดกลั้นอีก แต่ก็กลั้นไว้ไม่ได้ “คุณชายเหลียนเป็นคนดีคนหนึ่ง ถ้าเขารู้ว่าองค์ชายจะถูกคนในวังหลวงจับตัวไป เขาก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่ดี เพียงแค่…..องค์หญิง เอ้อร์เหนียง……”
คำพูดถึงตรงนี้ ก็ถูกเฉินเสียนหยุดไว้ แล้วพูดว่า “วันนี้ตอนกลางวันพูดว่าอย่างไร หลังจากที่เรื่องผ่านไปแล้วจะไม่พูดถึงมันอีก ตอนนั้นไม่พูดให้เข้าใจและชัดเจน ก็เก็บไว้ในท้องต่อไปเถอะ”
มีเรื่องอะไรก็ต้องพูดต่อหน้า เวลาผ่านไปเฉินเสียนก็ไม่อยากจะฟังแล้ว
อวี้เยี่ยนจึงเก็บคำพูดกลับเข้าไป และจะไม่พูดอีกต่อไป
ตื่นนอนวันรุ่งขึ้น เฉินเสียนได้บ้วนปากหลายครั้ง
สวนสระวสันตฤดูก็กลับมาเป็นปกติ
ตอนเช้าฉินหรูเหลียงมาอีกครั้ง ทั้งยังนำซุปไก่มาหนึ่งหม้อ
เมื่อเขาก้าวเข้าปากประตูมา ก็เห็นเฉินเสียนกำลังนั่งขาสั่นอยู่ในห้อง เห็นเขาก็ด่าขึ้นทันที “คนสารเลว เจ้ายังกล้ากลับมาอีก?”
ฉินหรูเหลียงเห็นนางกำลังอารมณ์ไม่ดี ก็อดที่จะอารมณ์ดีไม่ได้ และหัวเราะพูดว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมข้าถึงไม่กล้ามาล่ะ?”
อวี้เยี่ยนและแม่นมซุยยืนเรียงแถวอยู่หน้าเฉินเสียนในห้อง ถ้าฉินหรูเหลียงจะพยายามทำอะไรอีกครั้ง คงจะไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน
ทะเลาะกับเฉินเสียนเป็นชีวิตประจำวัน ไม่รู้จะนับว่าเป็นความสุขในช่วงที่มีความทุกข์หรือไม่
ฉินหรูเหลียงมองดูเฉินเสียน และชี้ไปที่มุมดวงตาของตัวเอง พูดว่า “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือ? ใต้ตาถึงได้เป็นคล้ำๆ”
ไม่พูดขึ้นมันก็ดีแล้ว และเมื่อพูดขึ้นมาเฉินเสียนก็เริ่มโกรธ
ฉินหรูเหลียงหัวเราะและพูดว่า “เมื่อคืนข้านอนหลับสบาย”
เฉินเสียนหรี่ตาลงพูด “ช่วงนี้ดูเหมือนท่านจะชอบหัวเราะนะ ถูกซุปไก่ทำให้สมองเบลอแล้วกะมั้ง”
“หลายปีที่ผ่านมาข้าไม่เคยจะได้หัวเราะเลย ทำไม มีเพียงแค่ท่านที่จะหัวเราะได้?”เขาได้ยื่นซุปไก่ให้อวี้เยี่ยนพร้อมพูดว่า “เอาไปเททิ้ง”
อวี้เยี่ยนมองดูแม่นมซุย แม่นมซุยหยักหน้าเบาๆ นางถึงได้รับหม้อซุปแล้วเดินออกไป นำเอาซุปไก่ไปเททิ้งที่แปลงดอกไม้
อวี้เยี่ยนออกไปแต่แม่นมซุยยังคงอยู่ที่นั่น ฉินหรูเหลียงจะทำอะไรก็คงจะยาก นอกจากนี้เฉินเสียนยังคงระมัดระวังมากขึ้น
เฉินเสียนเหลือบมองไปที่ซุปที่เคี่ยวข้นในมือของอวี้เยี่ยน และเย้ย “ไก่ตายตัวนี้ ช่างน่าสงสารจริงๆ หนึ่งวันไก่หนึ่งตัว ท่านไม่คิดว่ามันสิ้นเปลืองรึ ดอกไม้ในแปลงดอกไม้ของข้าช่างน่าสงสารจริง”
ฉินหรูเหลียงว่า “งั้นพรุ่งนี้ข้าเปลี่ยนเป็นตุ๋นนกพิราบแทน?”
เฉินเสียนทำตาขาวใส่เขา เหลือบมองมือของเขาแล้วถามว่า “อุ้งมือของท่านดีขึ้นแล้วรึ? ”
ฉินหรูเหลียงก็มองไปที่มือของเขาและพูดว่า “ไม่ดี”
“ท่านหลอกใคร เมื่อวานเห็นมีกำลังตั้งมาก”
ฉินหรูเหลียงพูด “เมื่อวานคือความรักที่แข็งแกร่ง ประสิทธิภาพเลยไม่ธรรมดาหน่อย”
เฉินเสียนเตะออกไปหนึ่งที และเขาก็หลบไปด้านข้างทันเวลา ฉินหรูเหลียงว่า “พูดดีๆ ก็พูดดีๆ ท่านลงไม้ลงมือทำไมกันเล่า?”
เฉินเสียนพูด “เขาเริ่มรักษาให้ท่านตั้งแต่เมื่อไหร่? ท่านถึงปิดบังข้าจนถึงตอนนี้”
ไม่ยากสำหรับนางที่จะรู้ว่านอกจากซูเจ๋อแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถช่วยเขารักษามือของเขาได้อีก
“ผ่านการฝังเข็มหลายรอบแล้ว ฟื้นตัวแค่นิดหน่อย หากต้องการฟื้นตัวเต็มที่ ยังต้องรักษาอีกสักพัก”
“เพียงแค่การฝังเข็มก็สามารถทำให้ท่านหายได้? ”
เฉินเสียนชำเลืองมองนางและพูดว่า “เพียงแค่การฝังเข็มได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ที่ท่านไม่รู้ ได้มีการใช้มีดบางเปิดบาดแผลตั้งหลายรอบ เพียงแค่ปากแผลเล็ก ยากต่อการมองเห็น จากนี้ไปยังต้องฝังเข็มถึงจะสามารถหายดีได้ เพียงแต่หลังจากกลับเข้าเมืองหลวงแล้ว ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
ต้องเป็นซูเจ๋อที่รักษาบาดแผลให้เขา และแน่นอนมีเพียงแค่ซูเจ๋อเท่านั้นที่รู้จักว่าจะฝังเข็มให้เขาเช่นไร
ตั้งแต่ฉินหรูเหลียงกลับมาเมืองหลวง เฉินเสียนก็ไม่พบร่องรอยใดๆ เลย หากเมื่อวานไม่รู้สึกถึงความแรงของมือของเขา ยังคงคิดว่ามือทั้งสองข้างของเขาคงไร้ประโยชน์จริงๆ
เฉินเสียนว่า “ท่านนี่แสดงได้ดีจริงๆ” คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายนาง ทุกคนทั้งหมดเป็นนักแสดงไปแล้วหรือ!
“พอได้”
“พอได้น้องเจ้าสิ!”หากไม่ใช่แม่นมซุยกับอวี้เยี่ยนขวางไว้ เกรงว่าเฉินเสียนจะต้องกระโดดออกไปตีฉินหรูเหลียง
ฉินหรูเหลียงไม่ล่อนางเล่นแล้ว มีท่าทีจริงจังพูดขึ้นว่า “ซุปนี้หลังจากที่ส่งมาได้สามถึงห้าวัน ท่านก็ควรที่จะนอนป่วยอยู่บนเตียงแล้ว”
“หลังจากนั้นล่ะ ท่านจะทำอย่างไร?”เฉินเสียนระงับอารมณ์ลง และถามขึ้น
“ข้าต้องการให้ท่านป่วย นี้คือแผนหลบหนีโดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจรู้ทัน”
เฉินเสียนคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ท่านกำลังขอให้ข้าป่วยตายเอาตัวรอดรึ? ข้ากลับมาเพื่อที่จะช่วยเจ้าน่องน้อย ตอนนี้เจ้าน่องน้อยอยู่ในวังหลวง หากข้าป่วยตายแล้วก็สิ้นปัญหา แต่ข้าตายไป เจ้าน่องน้อยจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วัน?
พวกนี้ยังไม่ต้องพูดถึง โสมกับหลูหลีคือจักรพรรดิมอบให้ ข้าได้ถูกพิษนี้หรือไม่ หมอหลวงตรวจไม่รู้? ท่านคิดว่าจักรพรรดิจะเหลือโอกาสให้ข้างั้นหรือ เขาต้องการให้ข้าตายจนถึงที่สุด แม้ว่าข้าจะมีลมหายใจเฮือกสุดท้าย เขาก็ต้องใช้มีดมาแทงซ้ำอย่างไม่รอช้า ดังนั้นภายใต้สายตาของเขาจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่ข้าจะรอดพ้นจากความตายนี้?”
ฉินหรูเหลียงรู้ดี ว่าจะปิดฟ้าข้ามทะเล อาจจะยากมากและมากที่สุด
เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าอย่างนั้นได้เพียงแค่รอสามถึงห้าวันก่อน ข้าจะเข้าวังหลวงขอน้อมรับผิด”
“ขอน้องรับผิดที่ขัดราชโองการ?” เฉินเสียนพูด “การต่อต้านราชโองการเป็นการก่อกบฏครั้งใหญ่ ถ้าท่านไป นี่ไม่ใช่ทอดทิ้งชีวิตของคนในครอบครัวโดยไม่เหลียวแลหรอกหรือ”
ไม่เพียงแต่เขาจะไม่มีวันที่จะมีชีวิตที่สงบสุข บางทีจวนแม่ทัพทั้งหมดก็จะมีความเกี่ยวข้องไปด้วย
ชื่อเสียงและโชคลาภในอดีตหายไปในพริบตา และเขาจะกลายเป็นคนที่มีมลทิน
เฉินเสียนไม่ต้องการให้ฉินหรูเหลียงต้องทำอะไรแบบนี้เพื่อนาง
ฉินหรูเหลียงพูดอย่างเฉยเมย “เมื่อต้องใช้คน จำเป็นต้องมีคนอยู่ทัพหน้าเพื่อที่จะยอมเปิดทางให้เขา และอาจจะถูกทอดทิ้งเมื่อรอถึงตอนที่ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกับรองเท้า หรือที่เรียกกันว่าเสร็จนาฆ่าโค เสร็จศึกฆ่าขุนพล นับตั้งแต่ในอดีตจนมาถึงปัจจุบัน”