เธอจับชายเสื้อของเขา คลำหาไปจนทั่ว ซูเจ๋อค่อยๆ ตื่นขึ้น นัยน์ตาของเขาปนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “อาเสียน ท่านฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่ได้สติ ลวนลามข้าอย่างงั้นหรือ?”
เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยความร้อนใจ : “ท่านบาดเจ็บตรงไหนกันแน่! ทำไมท่านถึงไม่ยอมบอก!”
“ก็แค่บาดแผลผิวเผิน”
เฉินเสียนลูบคลำไปจนถึงแขนเสื้อของเขา จึงเพิ่งเห็นว่าทั้งแขนเสื้อของเขาเปียกชุ่มไปหมด เธอจึงรีบนำมาดม แล้วจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักหน่วงว่า : “เลือดไหลขนาดนี้ยังจะบอกว่าเป็นแค่บาดแผลผิวเผินอีกหรือ?”
เธอลูบตั้งแต่แขนไปจนถึงไหล่ของเขา จนเจอกับพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
เฉินเสียนรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว เธอพูดขึ้นว่า : “ซูเจ๋อ อย่าเพิ่งหลับ ให้ข้าจัดการกับบาดแผลของท่านเสร็จก่อนค่อยหลับ ได้ยินหรือเปล่า?”
“ได้ ข้าจะไม่หลับ”
เธอจึงรีบฉีกชายเสื้อของตัวเอง แล้วออกไปเอาหิมะที่สะอาดห่อใส่ผ้า ละลายมันด้วยความอุ่นของฝ่ามือ นำมาทำความสะอาดบาดแผลที่มืดสนิทให้กับเขา
เฉินเสียนกลัวว่าซูเจ๋อจะหลับไป เพราะไม่ว่าเธอจะทำยังไง ซูเจ๋อก็ไม่ร้องเจ็บแม้แต่นิดเดียว
เธอจึงพูดกับเขาว่า : “บนร่างกายยังมีบาดแผลอื่นอีกหรือเปล่า?”
“มีแต่ไม่ได้ลึกมาก เลือดหยุดไหลไปเองแล้ว”
นิ้วมือของเฉินเสียนสั่นเทา พยายามข่มความเจ็บปวดในหัวใจไว้ : “เจ็บหรือเปล่าทำไมท่านไม่ร้องเจ็บเลย”
ซูเจ๋อหัวเราะเบาๆ ไร้ซึ่งเสียง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านเคยได้ยินข้าร้องเจ็บตอนไหนกัน? มันก็แค่เจ็บนิดหน่อย เพราะการปกป้องของท่าน ข้าจึงจะกลายเป็นคนสำออยไปแล้ว”
เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “คนเราเป็นกันแบบนี้นี่แหละ ข้าเองก็ถูกปกป้องมาโดยตลอดไม่สำออยเหมือนกันหรอกหรือ?”
เธอรีบช่วยเขาพันแผลด้วยผ้าสะอาดจนแขนขาพันกันไปหมด จู่ๆ ซูเจ๋อก็ยื่นนิ้วมือที่เย็นเฉียบสัมผัสไปยังใบหน้าของเธอ จึงได้รู้ว่าดวงตาของเธอนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
เฉินเสียนรีบหัวเราะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เมื่อครู่นี้ไม่ทันได้ระวังเศษหิมะจึงโดนใบหน้าเข้า ท่านคิดว่าข้าร้องไห้อย่างงั้นหรือ?”
“ใช่ ข้านึกว่าท่านร้องไห้”
เฉินเสียนกัดฟันแน่น พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้าเปล่าเสียหน่อย ท่านจะต้องไม่เป็นอะไรนะ”
ซูเจ๋อสัมผัสน้ำที่เปียกชื้นบนใบหน้านั่น ค่อยๆ เอามาชิม แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “หิมะนี่รสชาติค่อนข้างเค็ม”
เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “ต่อมรับรสของท่านมีปัญหาอย่างแน่นอน ซูเจ๋อ กลางคืนอย่าหลับลึกจนเกินไป เวลาที่ข้าเรียกท่านจะต้องตื่น รับปากข้าได้หรือเปล่า?”
เฉินเสียนถอดเสื้อคลุมชั้นนอกออกมา เพื่อจะนำไปห่มให้กับซูเจ๋อ
แต่กลับถูกซูเจ๋อปฏิเสธเสียก่อน : “ท่านใส่ไว้เถอะ ข้าไม่หนาว”
เฉินเสียนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยๆ สวมกอดซูเจ๋อ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “งั้นข้าจะกอดท่านไว้ อุ่นขึ้นมาบ้างหรือเปล่า”
“อืม”
เธอเองไม่รู้ว่าสรุปแล้วซูเจ๋อได้หลับหรือเปล่า ราตรีนี้ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาวเย็น ถึงแม้ว่าเธอจะสวมเสื้อผ้าค่อนข้างหนา แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี
เศษกิ่งไม้ไม่สามารถต้านลมเย็นที่พัดเข้ามาในถ้ำได้
ค่ำคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน
เฉินเสียนขยับร่างกายที่หนาวจนแข็งทื่อของเธอ ลองสัมผัสร่างกายของซูเจ๋อ ปรากฏว่าตัวของเขานั้นเย็นชืดไปทั้งตัว ราวกับน้ำแข็งแกะสลักก็ไม่ปาน
เฉินเสียนเริ่มกังวลใจ เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของซูเจ๋อ แต่เขาไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ ขนตาของเขาราวกับว่าถูกน้ำแข็งเคลือบไว้ ไม่ไหวติงแม้แต่นิดเดียว
ใบหน้าของเขาเย็นสนิท ลมหายใจจากจมูกของเขาแทบจะไร้ซึ่งความอุ่น
“ซูเจ๋อ……ซูเจ๋อ ท่านตื่นเร็วเข้า……”
เฉินเสียนเงี่ยหูแนบแผ่นอกฟังเสียงเต้นหัวใจของเขา มันเต้นอย่างแผ่วเบาเช่นกันราวกับว่าจะหยุดเต้นได้ทุกขณะ
“ซูเจ๋อ ท่านรับปากข้าแล้ว ห้ามหลับลึกจนเกินไป เวลาข้าเรียกท่านก็จะต้องตื่น……”
เฉินเสียนรู้ดีว่าร่างกายของเขาไม่ได้ทำขึ้นมาจากเหล็กกล้า เขาเองก็เหนื่อยเป็น และรู้สึกหมดทั้งแรงกายและแรงใจได้ เธอไม่ได้เพิกเฉยต่อรูปร่างหน้าตาของเขาที่ผ่ายผอมกว่าเมื่อก่อนมาก และยิ่งไม่ได้ละเลยว่าเขานั้นไม่ได้ตื่นตัวเหมือนเมื่อก่อน
เธอกลัวเหลือเกิน กลัวซูเจ๋อที่ค่อยๆ อ่อนแอลงไปทีละนิด……
และเธอก็เชื่อเขาไปจริงๆ นึกว่าเขาไม่กลัวความหนาวเย็น
บางทีเขาอาจจะไม่กลัวความหนาวเย็นจริงๆ เมื่อก่อนเขาเคยอบอุ่นแม้อยู่ในเหมันตฤดูที่หนาวเหน็บที่สุด แต่ตอนนี้ร่างกายของเขากลับค่อยๆ เริ่มแข็งเพราะความหนาวเย็น
เวลาที่เฉินเสียนหนาว เขาสามารถถอดชุดคลุมออกมาห่มบนตัวของเฉินเสียนได้ทันทีแต่เขากลับไม่ยอมให้เฉินเสียนถอดเสื้อมาห่มบนตัวเขา
เขายอมให้ตัวเองทนหนาว แต่จะไม่ยอมให้เฉินเสียนหนาวอย่างเด็ดขาด
“ซูเจ๋อ ท่านตื่นก่อน……” เฉินเสียนสัมผัสใบหน้าของเขา แล้วกอดเอวของเขาเต็มแรงแต่เขากลับพิงผนังถ้ำอย่างสงบ ในอิริยาบถที่ไร้เดียงสาที่สุด
ความกลัวก่อตัวขึ้นท่วมท้นในใจของเฉินเสียน เฉินเสียนที่กลัวจนแทบบ้า จับมือของซูเจ๋อขึ้นมา แล้วกัดลงไปที่หลังมือของเขาเต็มแรง เธอพูดขึ้นเสียงอู้อี้ทั้งๆ ที่ยังกัดมือเขาอยู่ : “ซูเจ๋อ ข้ามิอาจจะสูญเสียท่านได้ และข้าคงจะทรมานเจียนตาย……”
“อาเสียน เบาๆ หน่อย เจ็บ”
น้ำเสียงที่อ่อนล้าและแผ่วเบาของซูเจ๋อดังขึ้นในหูของเฉินเสียน จนเกือบจะทำให้บ่อน้ำตาของเธอไหลทะลักพรั่งพรูออกมา
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า จ้องมองซูเจ๋อ แล้วพูดขึ้นพึมพำว่า : “ซูเจ๋อ ท่านตื่นแล้วหรือ? ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือเปล่า?”
ซูเจ๋อโอบไหล่ของเฉินเสียนไว้ รั้งเบาๆ ให้ศีรษะของเธอซบเข้าอ้อมกอดของเขา
เฉินเสียนได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอยังคงรู้สึกโศกเศร้าอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอซบหน้ากับแผ่นอกของเขาอย่างแนบแน่น พูดขึ้นอย่าสุขุมว่า : “ซูเจ๋อ ท่านจะจากข้าไปไม่ได้นะ สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือการถูกท่านหลอก เรื่องที่เคยรับปากข้าไว้ก็อย่าผิดสัญญากับข้านะ”
“ข้าไม่ได้หลอกท่าน เมื่อครู่ข้าก็แค่เหนื่อยเกินไป จึงหลับค่อนข้างลึก”
เฉินเสียนถามขึ้นว่า : “แล้วตอนนี้ท่านเป็นยังไงบ้าง?”
ซูเจ๋อหัวเราะเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ดีขึ้นมากแล้ว ข้าแค่บาดเจ็บภายนอกเท่านั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วงมากหรอก”
“หนาวหรือเปล่า?”
“ไม่รู้สึกอะไร”
เฉินเสียนสูดลมหายใจเข้าลึก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หดหู่ว่า : “มันเป็นเพราะว่าท่านหนาวจนร่างกายแข็งทื่อไปหมด จึงไม่รู้สึกอะไรสักอย่าง เพราะไม่มีความอบอุ่น จึงไม่รับรู้ถึงความหนาวเย็น”
เธอยกมือของซูเจ๋อขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของเธอ แล้วค่อยๆ ขยับลงไปที่ต้นคอ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า : “แล้วตอนนี้ล่ะ รู้สึกหรือยัง?”
เธอรับรู้ได้ถึงความเยือกเย็นของฝ่ามือซูเจ๋อ ซูเจ๋อเองก็คงจะรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของเธอ
ซูเจ๋อพยายามดึงมือของเขากลับ ราวกับว่าเขากำลังอดทนที่จะไม่สัมผัสเธอ
แต่เฉินเสียนกลับจับแน่นไม่ยอมปล่อย
ซูเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า : “อาเสียน ปล่อยเถอะ ทำแบบนี้ท่านจะหนาวเอาได้”
เฉินเสียนกัดฟันแน่นพูดขึ้นเสียงเบาว่า : “ท่านเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะมาเป็นห่วงว่าข้าจะหนาวหรือไม่หนาวอีกเหรอ ทั้งตัวของท่าน มีตรงไหนบ้างที่อบอุ่น?”
พูดจบเธอก็ปล่อยมือของซูเจ๋อ คุกเข่าลงต่อหน้าเขา ถอดชุดคลุมชั้นนอกของตัวเองออก แล้วปูลงที่พื้น
เฉินเสียนก้มหน้าลงเล็กน้อย วางมือลงบนคอเสื้อ ใช้ปลายนิ้วปลดเบาๆ กระดุมก็คลายออกจากกัน
จากนั้นเธอก็เปิดคอเสื้อออก
ด้านนอกถ้ำเงียบสนิท
ซูเจ๋อพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ : “อาเสียน ท่านจะทำอะไรน่ะ?”
เฉินเสียนพูดขึ้นเสียงเบาว่า : “ท่านมองไม่เห็นหรือ ก็ถอดเสื้อไง”
ชุดกระโปรงดั่งกลีบบุปผา ที่ถูกปลดออกมาทีละชั้น
ซูเจ๋อรีบเอื้อมไปหยุดมือที่กำลังถอดชุดนั่น ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงค่อยพูดขึ้นเสียงเบาว่า: “อาเสียน ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
“ไม่จำเป็นอะไร” เฉินเสียนนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ข้าเองก็หนาวเหมือนกัน ได้ยินมาว่าวิธีกำจัดความหนาวเย็นที่ได้ผลที่สุดสำหรับคนสองคนก็คือเนื้อแนบเนื้อ ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า”