ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 330 หูยังคงแดงก่ำ ดีเสียจริง

เฉินเสียนใจสั่นสะท้าน หลุบเปลือกตาลง เทียบกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องใบแปะก้วยเหลืองทองอร่ามกับสารทฤดูเข้าสู่เหมันตฤดูนี้ลักษณะท่าทางของเธอยังอ่อนโยนสว่างไสวงดงามกว่าเลย

เพียงแต่เธอแน่วแน่ไม่เงยหน้าขึ้นมา ให้ซูเจ๋อมองเห็น

นิ้วมือของซูเจ๋อทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นพาดผ่านปัดเส้นผมที่อยู่ข้างไหล่ของเฉินเสียน นิ้วมือนุ่มละมุนยกขึ้นเอื้อมเข้าใกล้บริเวณหูของเธอ ราวกับต้องการนำผมที่หล่นอยู่ข้างหูทัดไว้รวมกัน

เฉินเสียนเอียงศีรษะ เก็บกลั้นอารมณ์ไว้ในใจแล้วกล่าวขึ้นว่า “ ทำแค่พอเหมาะพอควรก็หยุดเถอะ มีคนมาแล้ว”

เข้ามาภายในจวนเป็นสาวใช้สองคนก่อนหน้านี้ พวกนางกะเวลาประมาณดู เวลานี้เฉินเสียนน่าจะอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นเลยพากันมาดู วางแผนไว้ว่าจะหวีผมแต่งหน้าแต่งตัวให้กับเฉินเสียน

การอาบน้ำไม่ต้องการพวกนางปรนนิบัติ การแต่งตัวยังไงก็ต้องการแหละ

พอพวกนางเข้ามาภายในเรือน ได้มองเห็นเฉินเสียนกับซูเจ๋อยืนอยู่ภายในเรือน

บนผมดำขลับของเฉินเสียนใช้ดอกปิ่นหยกม้วนขึ้น ประณีตงดงาม กลับกันชัดเจนเลยว่าสิ่งของเครื่องประดับปิ่นปักผมสีเงินสีทองเหล่านั้นที่หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำส่งมาไร้รสนิยมอยู่บ้างเล็กน้อย

ซูเจ๋อไม่ได้สัมผัสหูของเฉินเสียน และไม่ได้ทัดผมที่หล่นมารวมไว้ด้วยกัน มองอย่างนี้แล้วอาจจะใกล้ชิดไปหน่อย ไม่เหมาะสมตามประเพณีเลย

แต่ทว่าสาวใช้มองอย่างตกตะลึง มือของซูเจ๋อพันรอบชุดโปร่งสบายของเฉินเสียนอยู่ และดึงลากบริเวณตรงกลาง พยายามที่จะปกคลุมทิวทัศน์มากมายของเฉินเสียนไว้

เช่นนี้ยิ่งเพิ่มความไม่เหมาะสบตามประเพณี

ในสายตาผู้คนมากมาย ซูเจ๋อเป็นขุนนาง จะดึงลากชุดขององค์หญิงตามอำเภอใจได้อย่างไรกันเล่า

แต่ซูเจ๋อกล่าวกับสาวใช้ที่ชะงักงันอยู่นั้นว่า“ชุดขององค์หญิงขาดแล้ว พวกเจ้ามีเข็มกับด้ายหรือไม่?”

สาวใช้ดึงสติกลับมา พิจารณาเงียบๆ ที่แท้ก็ชุดขาด เช่นนั้นใต้เท้าซูท่านนี้พันชุดขององค์หญิงถึงแม้จะไม่เหมาะสมตามประเพณี แต่ทว่ามีเหตุผลที่อภัยให้ได้

ด้วยเหตุนี้สาวใช้เลยเก็บอาการ ตอบกลับว่า “มีเจ้าค่ะ บ่าวจะไปเอามาให้นะเจ้าคะ”

สาวใช้ไม่กล้าชักช้า หากว่าล่าช้าเสียเวลางานเลี้ยงตอนเย็น ใต้เท้าหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำจะโมโหไม่มีความสุขได้

ไม่นานสาวใช้ก็ได้เอาเข็มกับด้ายมา

สรุปว่าชุดของตัวเองขาดหรือไม่นั้น แน่นอนว่าเฉินเสียนเข้าใจอย่างชัดเจนดี

ซูเจ๋อบอกว่าขาด หากให้สาวใช้มาเย็บซ่อมให้ แล้วพบว่าไม่ได้ขาด ก็ไม่ใช่ว่าแฉโพยแล้วหรือ

ครั้นแล้วเฉินเสียนเลยรับเข็มกับด้ายจากสาวใช้มา กล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าออกไปเถิด ข้าทำเอง”

“แต่ว่า…….”สาวใช้กล่าว“มีเหตุผลที่ไหนกันเล่าที่จะให้องค์หญิงเย็บซ่อมชุดเอง ให้บ่าวทำให้เถิดเพคะ”

เฉินเสียนไม่ได้โกรธแต่มีความเคร่งขรึมกล่าวขึ้นว่า “ข้าไม่คุ้นชินที่มีคนมาปรนนิบัติ เรื่องเหล่านี้ข้าทำเองได้ ออกไป”

สาวใช้สองคนถูกทำให้ตื่นตระหนก จำใจต้องตอบรับว่า“เพคะ ”จึงถอยออกไปอย่างว่าง่ายตามระเบียบ มารออยู่ด้านนอกเรือน ทั้งสองคนต่างใช้แววตาที่รู้เป็นนัยกัน คนหนึ่งในนั้นก็ออกไปจากตรงนั้นก่อนอย่างเงียบเชียบ

หลังจากที่สาวใช้ไปแล้ว แต่ทว่าไม่เห็นซูเจ๋อปล่อยมือออก เฉินเสียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า“ตอนนี้ปล่อยมือได้แล้ว”

ซูเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เย็บชุดเป็นหรือไม่?”

เฉินเสียนกล่าวว่า “เอาเข็มกับด้ายมาเพียงแต่ทำไปอย่างนั้นแหละ ไม่มีชุดขาดข้าจะเย็บได้อย่างไรกันเล่า?”

ซูเจ๋อเปิดเปลือกตาขึ้น มองเธออย่างลึกซึ้ง ใจเธอเอื่อยเฉื่อยราวกับถูกสิ่งของยัดเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ลมหายใจก็หยุดไปพักหนึ่งทันที

ฟังเขาพูดอย่างตั้งใจว่า“อย่างไรก็ยังต้องเย็บ นำชุดทั้งสองด้านเย็บเข้ากัน จะสามารถปกปิดได้มากหน่อย ข้าเป็นคนใจแคบ ครึ่งหนึ่งก็ไม่สามารถให้บุคคลอื่นมองเห็นได้”

เฉินเสียนชะงักงัน

ซูเจ๋อหยิบเข็มกับด้ายจากมือของเธอ แล้วกล่าวอีกว่า“ข้าทำเอง”

เฉินเสียนหัวเราะแล้วกล่าวขึ้นว่า“ท่านทำได้หรือ?”

ซูเจ๋อพยักหน้าเล็กน้อย เข็มกับด้ายที่อยู่ในมือแทงทะลวงเข้าไประหว่างชุดของเธอแล้ว กล่าวขึ้นว่า“ข้าน่าจะคล่องมือทำราบรื่นกว่าท่านนะ”

ซูเจ๋อเคยคุ้นเคยกับเข็มเงิน ถ้าไม่เช่นนั้นก็ความอดทนไม่พอหรอก นี่เป็นเข็มเย็บปักถักร้อยไม่ใช่เข็มเงินสักหน่อย โดยพื้นฐานชายหนุ่มไม่ทำสิ่งเหล่านี้หรอก ไม่ก็ความละเอียดไม่เพียงพอ ไม่ก็ความอดทนไม่มากพอ

แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาซูเจ๋อละเอียดเกลี้ยงเกลามีความอดทนเพียงพอ

เฉินเสียนไม่เคยคิดเลยว่า วันไหนซูเจ๋อจะมายืนตรงหน้าของตัวเอง แล้วเย็บชุดให้กับตัวเอง เพียงแค่กลัวว่าผู้อื่นจะมอง เลยต้องการเย็บส่วนหน้าของชุดทั้งสองข้างของเธอนั้นเข้าด้วยกัน จะได้ปิดบังทรวดทรงองเอวทรวงอกที่มีเหลือล้นของเธอให้มากขึ้นหน่อย

เฉินเสียนชะงักงันมองท่าทางเขาที่ใจจดใจจ่อ รู้สึกหน้าอกร้อนวูบวาบ

เขาเย็บรอยเข้าหากันได้ดีเป็นอย่างมาก เส้นด้ายสีแดงปกปิดอยู่ด้านในชุด มองไม่ออกว่ามีรอยอะไรเลย

“เสร็จแล้ว”

พอเป็นอย่างนี้ ชุดสีแดงนี้ก็ชุดเจนว่าสุภาพมากขึ้น เพียงแค่เฉินเสียนไม่ได้มีการเคลื่อนไหวรุนแรงมาก ชุดก็ไม่มีทางลื่นปริเปิดออกได้หรอก

เฉินเสียนหายใจเข้าปอดลึกๆ

ซูเจ๋อเก็บด้ายกับเข็มอย่างช้าๆไม่วอกแวกตื่นตระหนก ตอนที่เงยหน้ามองเธอ แววตาชะงักนิ่ง บีบเปลือกตาแคบเข้า แววตาลึกซึ้ง น้ำเสียงราวกับกระซิบเสียงต่ำสุดข้างหูว่า“หูยังคงแดงก่ำ ดีเสียจริง”

ชัดเจนว่ายังเป็นเพราะเขาเลยทำให้เธอมีอาการเขินอายได้ เป็นเพราะเขาที่ทำให้เธออารมณ์ผันแปรและความรู้สึกแปรปรวนได้

ซูเจ๋อควรจะดีใจมีความสุข เฉินเสียนไม่สบอารมณ์เล่นแง่ แต่ภายในใจก็ยังรักเขา ตอนที่เขาเข้าใกล้ ถึงได้ปรากฏเปิดเผยให้เห็นปฏิกิริยาที่รักคนคนหนึ่งควรจะมีออกมา

เฉินเสียนหันหลัง กล่าวพูดออกมายังมีความอ่อนหวานนุ่มนวล เม้มริมฝีปากกล่าวขึ้นว่า“มั่นใจตัวเองให้น้อยหน่อย”

แสงอาทิตย์ค่อยๆเบาบางลง สีท้องฟ้ายามเย็นมาทาบทับ

ใบแปะก้วยในเรือนวางแผ่ละเอียดอร่ามอยู่บนพื้น

ถึงเวลางานเลี้ยงตอนเย็น ด้านนอกสถานที่พักรับรองมีเกี้ยวมาจอดเทียบสองหลัง

เฉินเสียนกับซูเจ๋อแยกกันนั่งคนละหลัง จากนั้นได้เข้าไปนั่งด้านในและมุ่งหน้าไปทางจวนของหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำ

จวนไม่ได้ไกล พอเข้ามาประตูใหญ่นั้น ก็สัมผัสได้ถึงความร่ำรวยมั่งคั่งของจวนนี้ ไม่ด้อยกว่าจวนแม่ทัพที่อยู่ในเมืองหลวงเลย

สถานที่พักรับรองและทัศนียภาพการกระจายน้ำของเจียงหนาน อยู่ที่นี่สะท้อนให้เห็นถึงความเพียงพอ สาวน้อยที่ผ่านไปผ่านมา สวมใส่เสื้อผ้าสีฟ้าอมเขียวบางเบา แต่ละคนล้วนสมบูรณ์แบบ งดงามมีน้ำมีนวล

หากไม่มีทรัพย์สินเบี้ยจำนวนมากเป็นฐาน จะมีเรือนแบบนี้ได้อย่างไรกันเล่า

อีกทั้งทหารยามในเรือนที่ยังเข้มงวดกวดขันเป็นอย่างมาก ราวกับว่าทุกสิบก้าวจะต้องมีทหารยามคนหนึ่งเข้ากะอยู่ เหตุการณ์ต่างๆเช่นนี้เทียบได้กับภายในพระราชวังเลย

นี่หากไม่ได้กระทำเรื่องที่ขัดความชอบธรรมเท่าไหร่ จะพิสดารอลังการมาถึงสถานภาพนี้ได้อย่างไรกันเล่า

งานเลี้ยงเย็นนี้จัดที่สวนลูกแพร์ สวนลูกแพร์สถานที่ใหญ่โต ห้องโถงกว้างขวาง เป็นสถานที่ที่ใช้ต้อนรับแขกมาเยือนโดยเฉพาะ

เฉินเสียนกับซูเจ๋อยังไม่ได้เข้าไปในสวนลูกแพร์เลย ได้ยินเสียงดนตรีเสื่อมทรามดังออกมา และยังมีเสียงหัวเราะของหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำกับสหายร่วมงานด้วย

เดิมทียังคึกครื้นเสียงดังอื้ออึง พิธีที่ดื่มเหล้เมามายสนุกสนานนี้ รอจนเฉินเสียนได้ยกฝีเท้าเข้าไปในห้องโถง ทั้งหมดต่างเงียบสงบลง

แววตาที่แบ่งแยกความถูกผิดออกมาอย่างชัดเจนเปล่งประกายราวกับเปลวไฟ กวาดมองห้องโถงใหญ่อย่างเรียบเฉย ชายกระโปรงสีแดงพลิ้วไหวผ่านธรณีประตูมา เฉินเสียนเหยียดกระดูกสันหลังตรง เดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยและล้ำค่า

ชุดกระโปรงที่หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำสั่งคนเอาไปให้เธอสวมใส่ เดิมเป็นชุดที่เปิดเผย หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำก็อยากจะดู หากองค์หญิงจิ้งเสียนสวมใส่ชุดที่เปิดเผยเนื้อหนังอย่างนี้ออกมาประจักษ์ต่อสายตาผู้คนมากมาย จะมีสถานการณ์อย่างไรกันเล่า

แต่คาดไม่ถึง จะทำให้เธอแต่งออกมาได้ท่าทางสุภาพสุขุมนุ่มลึกเช่นนี้

อย่ามองตอนกลางวันที่ต้อนรับเฉินเสียนเข้ามาในเมืองเลย สีหน้าที่หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำแสดงออกหัวเราะเยาะเย้ย โดยความเป็นจริงแล้วเขาไม่เคยเห็นองค์หญิงจิ้งเสียนในสายตาตั้งแต่ไหนแต่ไรมา

ใครก็รู้ว่าองค์หญิงจิ้งเสียนเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ก่อนหน้านี้ องค์จักรพรรดิไม่ได้ให้ความสำคัญกับเธอเลย ตอนนี้ราวกับว่าเธออยู่ที่เจียงหนานออกแรงอย่างเต็มที่ ได้รับจิตใจร่วมของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ องค์จักรพรรดิถึงได้มีพระราชโองการเร่งให้เธอกลับเมืองหลวงด่วน

คาดว่าหลังจากกลับเมืองหลวงแล้วก็ไม่มีผลดีอะไรเลย

เพราะฉะนั้นหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำถึงไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยเช่นนี้

ขนาดเชิญเฉินเสียนกับซูเจ๋อมาที่จวนของเขา เขาก็ไม่เคยเลี่ยงอะไรเลย

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามตอนนี้เป็นเวลาที่อดอยากขาดแคลน ด้านนอกเมืองผู้ลี้ภัยเป็นกอง แต่ในจวนนี้ใช้รูปแบบชีวิตฟุ่มเฟือยผ่านไปวันๆ

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset