ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 315 ท่านมาได้อย่างไร

เฉินเสียนมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เห็นว่าชาวบ้านด้านหน้านั้นเหมือนว่านิ่งอึ้งไป ไม่รู้เลยสักนิดว่าควรจะไปหลบที่ไหน

เธอรีบดึงชาวบ้านคนนั้นวิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว วิ่งไปได้ไม่นาน ก็ลื่นล้มลงไปบนโคลนเลนอีก ทั้งสองลื่นไปข้างหน้าด้วยกัน พอตรวจดูก็เห็นว่าได้หลบผ่านจุดสำคัญนั้นมาแล้ว

ดินโคลนด้านบนตกลงมา มีส่วนหนึ่งที่ตกลงมาบนตัวเฉินเสียน

ทั้งสองลื่นออกจากทางเดินโคลนมาไกลพอสมควร

ทหารติดตามด้านหลังและทหารคุ้มกันอยากจะพุ่งข้ามไปก็คงไม่ทันการเสียแล้ว โคลนจำนวนมากไหลถล่มลงมา พวกเขาได้แค่ต้องถอยไปด้านหลัง

สุดท้ายทั้งเนินเขาถล่มลงเกือบครึ่ง โคลนเลนที่พึ่งมาใหม่ปกคลุมทางเดินล่างเนินเขาจนมิด

เฉินเสียนและชาวบ้านเดินทางมาฝั่งนี้สำเร็จ แต่ทหารติดตามและทหารคุ้มกันเมืองกลับถูกขวางไว้อีกฝั่ง ไม่สามารถผ่านไปได้

สีหน้าของชาวบ้านซีดเซียว มีความรู้สึกว่ารอดตายมาได้อย่างไม่เคยนึกมาก่อน ทำให้เขาไม่ได้สติอยู่นาน

เฉินเสียนลุกขึ้นมาจากพื้น ปัดโคลนที่อยู่บนตัว โคลนที่อยู่ด้านหลังค่อนข้างเยอะ ด้านหน้าเหมือนว่าชาวบ้านตกลงมารองอยู่ด้านล่างเธอ

เฉินเสียนถาม:“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

ชาวบ้านลุกจากพื้นขึ้นมา ลื่นเล็กน้อย แล้วส่ายหน้าอย่างแข็งทื่อ อย่างกับรูปปั้นดินเหนียว

เฉินเสียน:“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

ชาวบ้านเงยหน้ามองสภาพที่อยู่ตรงหน้า ตกใจกลัวจนเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา

เมื่อครู่เขาตอบสนองช้า ถ้าหากไม่ใช่เพราะเฉินเสียนดึงเขาได้ทันเวลา บางทีเขาคงถูกดินถล่มทับตายไปแล้ว

ชาวบ้านเหมือนจะยังตะลึงอยู่ ขณะที่พูดก็สั่นไปด้วย “ข้าน้อย……ขอบ พระทัย……องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียนหันไปถามทหารติดตามที่อยู่อีกฝั่ง:“พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เป็นไรกันใช่หรือไม่?”

ทั้งสี่คนที่อยู่อีกฝั่งไม่ได้มีอะไรร้ายแรง อย่างมากก็แค่ทั้งตัวเต็มไปด้วยโคลน แต่เส้นทางถูกทับไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถข้ามมาได้

เฉินเสียน:“สถานการณ์ในหมู่บ้านเร่งด่วน ข้าเข้าไปในหมู่บ้านก่อน พวกเจ้าก็กลับไปทางเดิมเถอะ”

ทหารติดตาม:“องค์หญิงโปรดรอก่อนพ่ะย่ะค่ะ รอให้เปิดเส้นทางนี้ได้ กระหม่อมจะเข้าหมู่บ้านพร้อมกับองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” ขณะที่พูดประโยคนี้ ทหารคุ้มกันเมืองทั้งสองคนหมุนกลับไปทางเดิมอย่างรีบร้อน ไปพากองช่วยเหลือสนับสนุนมา

เฉินเสียนมองท้องฟ้า แล้วพูด:“รอเปิดเส้นทางเสร็จ ไม่แน่ว่าฟ้าอาจจะมืดแล้ว เช่นนั้นก็เสียเวลาเปล่าสิ”

หลังจากนั้นเฉินเสียนก็ให้ชาวบ้านนำทาง เดินไปยังหมู่บ้านที่อยู่ข้างหน้าต่อ ทหารติดตามสองคนที่อยู่ด้านหลังไม่สามารถข้ามมาได้ ทำได้เพียงมองด้วยความรีบร้อน

พอเดินผ่านเนินโค้งนี้ เดินตามทางลำธารไปอีกที เดินต่ออีกไม่ไกล ก็สามารถมองเห็นหมู่บ้านได้รางๆแล้ว

หมู่บ้านถูกฝนชะล้างจนเงียบสงัด

ในขณะที่เข้าประตูหมู่บ้านมา จู่ๆก็ได้ยินเสียงสุนัขเห่า

ชาวบ้านไล่สุนัขตัวใหญ่นั้นไป แล้วตะโกนเสียงดัง:“มีคนมาช่วยพวกเราแล้ว!”

หลังจากนั้นหมู่บ้านที่เดิมทีเงียบสงบก็ฟื้นคืนขึ้นมา มีชาวบ้านทยอยกันออกมาดูอย่างรีบร้อน

ถึงแม้ว่าทั้งตัวของชาวบ้านจะเต็มไปด้วยโคลนแต่ก็ยังบดบังความดีใจและความหวังไม่มิด เขาเดินไปที่กลุ่มชาวบ้านแล้วพูด:“คุกเข่าลง รีบคุกเข่าลง!”

ชาวบ้านนำคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินเสียน แล้วเรียกเธอด้วยความเคารพ“องค์หญิงจิ้งเสียน” ชาวบ้านเหล่านี้ถึงรู้ ว่าคนที่ชาวบ้านคนนั้นพากลับมามีฐานะถึงองค์หญิง

ชาวบ้านเหล่านี้ไม่เคยได้ออกไปเจอโลกภายนอก ต่างก็พากันคุกเข่าแล้วก้มหัว

เฉินเสียนมองสถานการณ์:“รีบลุกขึ้นเถอะ พาข้าไปหาคนป่วยก่อน”

มีชาวบ้านประมาณครึ่งหนึ่งที่ติดเชื้อจากโรคระบาด ชาวบ้านที่เป็นผู้สูงอายุร่างกายอ่อนแอติดก่อน แล้วค่อยๆแพร่กระจายไปยังร่างกายของชาวบ้านที่ร่างกายแข็งแรง

เฉินเสียนบอกพวกเขา ห้ามดื่มน้ำในแม่น้ำเซียงชั่วคราว รอผ่านไปสักพัก อีกไม่กี่วัน รอให้น้ำสะอาดขึ้นแล้วค่อยดื่มค่อยใช้ อีกอย่างคือห้ามดื่มห้ามใช้น้ำดิบ

ชาวบ้านเริ่มตระหนักรู้ ว่าโรคระบาดนี้เกิดจากแหล่งน้ำ

หลังจากนั้นชาวบ้านก็ไปที่นาตักน้ำมาชำระล้างโคลนให้ แล้วย้ายหม้อเหล็กขนาดใหญ่ออกมา ใช้หินก่อกำแพงเป็นเตาชั่วคราว เอาเครื่องปรุงยาใส่ลงไปในหม้อต้ม

คนที่มีอาการหนัก ให้ไปรวมไว้อีกที่หนึ่ง และเฉินเสียนจะฉีดยาทีละคนเพื่อยับยั้งอาการติดเชื้อ

จู่ๆในหมู่บ้านก็ปรับสภาพขึ้นมาได้ มีควันโขมง บรรยากาศคึกคัก เสียงคนเสียงสุนัขมีมาไม่ขาดสาย

ท้องฟ้าเริ่มมืด ในหม้อเหล็กร้อนระอุ เฉินเสียนกำลังต้มยาหม้อแล้วหม้อเล่า แล้วใช้กระบวยตักแจกส่งออกไป

ในเวลานี้ก็มีชาวบ้านพูดขึ้นมาจากด้านหลัง:“องค์หญิงจิ้งเสียนพ่ะย่ะค่ะ มีคนมาหาพระองค์พ่ะย่ะค่ะ!”

เฉินเสียนนึกว่าเป็นทหารติดตามและทหารคุ้มกันเมืองที่เปิดเส้นทางได้แล้ว ไม่แปลกใจเท่าไรที่พวกเขาตามมาที่หมู่บ้านในภายหลัง

เฉินเสียนกำลังจะเรียกพวกเขาให้เข้ามาช่วย เธอคนเดียวทำค่อยไม่ทัน แต่พอหันกลับไปมองคนที่มา ท่าทางเธอก็หยุดไปชั่วขณะ

คนที่มาไม่ใช่ทหารติดตามและก็ไม่ใช่ทหารคุ้มกันเมือง ไม่ใช่คนอื่นใด แต่เป็นซูเจ๋อ

มีแค่เขาคนเดียว

ชายเสื้อสีดำมีคราบโคลนเป็นลายพร้อย เขายืนอยู่ตรงนั้นมองเฉินเสียนด้วยความนิ่งเงียบ แสงยามโพล้เพล้ทั้งสี่ทิศรวมเข้าด้วยกัน ไฟตรงกลางเตาระยิบระยับขึ้นมา

บรรยากาศเงียบไปชั่วขณะ

เฉินเสียนขมวดคิ้วแล้วนึกขึ้นได้ เธอไม่อยากเจอซูเจ๋อในเวลานี้ แต่ทำไมเขาถึงมักจะโผล่มาต่อหน้าเธอ

เธอไม่อยากจะไปคิดมากสักพัก ให้เธอได้ช่วยคนในหมู่บ้านนี้อย่างสบายใจไม่ได้หรือ

ชาวบ้านที่นี่ไม่รู้ว่าซูเจ๋อคือใคร มีความสัมพันธ์อย่างไรกับเฉินเสียน แต่บรรยากาศเหมือนไม่มีชีวิตชีวา ผู้หญิงหลายคนในหมู่บ้านต่างอาบน้ำร้อนมาก่อน พวกเขามองออก เลยไม่ได้พูดอะไรมากความ

ชาวบ้านที่นำทางซูเจ๋อมา เห็นว่าทั้งสองไม่คุยกัน เลยถามอย่างตรงไปตรงมา:“องค์หญิงจิ้งเสียน พระองค์ไม่รู้จักเขาหรือ?”

เฉินเสียน:“ไม่ ข้ารู้จัก”

หลังจากนั้นพวกผู้หญิงก็ดึงชาวบ้านที่นำทางมาออกไป อ้างว่าให้ไปส่งยา แล้วเดินออกไป

เฉินเสียนหันหน้ากลับมา ไม่ได้มองเขาอีก พูดเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น:“ท่านมาได้อย่างไร”

ซูเจ๋อ:“ได้ยินว่าบนเส้นทางเกิดเหตุขึ้นนิดหน่อย ข้าเลยมาดู”

“คนอื่นๆล่ะ?”

“ยังขุดลอกเส้นทางอยู่ ถล่มมาค่อนข้างหนักทีเดียว อาจจะต้องรอสองวันถึงจะทำความสะอาดแล้วเปิดเส้นทางได้”

“อ้อ ข้าเกือบลืม ท่านมีวิชาตัวเบา”

การพูดคุยของทั้งสองคนเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ มีซูเจ๋ออยู่ เฉินเสียนสบายใจไม่น้อย เขารับผิดชอบช่วยดูอาการของชาวบ้าน ปรับยาให้ตามอาการป่วยของพวกเขา

เวลานี้ฟ้ามืดแล้ว ในหมู่บ้านเริ่มเตรียมอาหารมื้อค่ำแล้ว

เนื่องจากที่เฉินเสียนมาในฐานะองค์หญิง ทำให้คืนนี้ที่หมู่บ้านคึกคักขึ้นมาไม่น้อย

ชาวบ้านต้อนรับอย่างอบอุ่น ทุกบ้านต่างก็นำวัตถุดิบที่ดีที่สุดในบ้านออกมาทำอาหารมื้อค่ำด้วยกัน

หลังจากที่ชาวบ้านที่ติดเชื้อทานยาแล้ว อาการก็คงที่

หลังจากนั้นพอเฉินเสียนมีเวลาก็เอาน้ำที่ต้มเช็ดล้างทำความสะอาดโคลนบนร่างกาย

ตอนนี้เฉินเสียนและซูเจ๋ออยู่ในบ้านของผู้ใหญ่บ้าน ด้านหน้ามีอาหารมื้อค่ำเต็มโต๊ะ และนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันและกัน

คืนนี้ฟ้ามืดแล้ว เส้นทางก็ไม่สะดวกที่จะเดิน คาดว่าก็คงกลับไปไม่ได้

เดิมทีเฉินเสียนไม่ได้วางแผนว่าจะกลับไป คิดว่าจะอยู่ดูอาการชาวบ้านที่นี่สักสองสามวัน รอให้โรคระบาดหายขาดก่อนแล้วค่อยกลับไป แต่ตอนนี้มีซูเจ๋อเพิ่มมา

ห้องในบ้านของผู้ใหญ่บ้านค่อนข้างกว้าง มีห้องเหลือหลายห้องที่สามารถให้เฉินเสียนและซูเจ๋อได้พักค้างแรม

หญิงผู้หนึ่งเตรียมห้องเสร็จแล้ว ก็หยิบเหล้ามาหนึ่งไห:“มิทราบว่าองค์หญิงจิ้งเสียนและท่านชายผู้นี้ดื่มเหล้าหรือไม่เพคะ นี่เป็นเหล้าที่หม่อมฉันหมักเอง ในบ้านตอนนี้ไม่มีน้ำสะอาดสำหรับต้มชา เช่นนั้นใช้เหล้าแทนชาก่อนนะเพคะ”

เฉินเสียน:”ขอบใจมาก“

ซูเจ๋อไม่ดื่มเหล้า แต่เธอดื่มเหล้า

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset