ซูเจ๋อพูดขึ้นเสียงเบา : “อาเสียน อย่างถีบอย่างนี้ ก้อนหินด้านบนมันจะหล่นลงมา จะทับโดนขาท่านให้บาดเจ็บเอาได้”
“ข้าไม่สน และข้าก็สนใจอะไรเยอะแยะไม่ไหว”
เฉินเสียนสูดลมหายใจเข้าลึก เธอถีบจนขาชาไปหมด ในการถีบครั้งสุดท้าย ในที่สุดก็สามารถถีบก้อนหินก้อนหนึ่งที่ทับถมกันขยับจนได้
จากนั้นก้อนหินก้อนอื่นๆ ก็ถล่มลงมา หินที่กว่าจะถีบจนขยับได้ก้อนนั้นกลับถูกทับถมแน่นกว่าเดิม
เฉินเสียนฟุบลงกับพื้นอย่างหมดแรง แม้แต่หายใจเธอยังรู้สึกว่าสิ้นเปลือง
จู่ๆ เธอก็กลายเป็นเด็กที่ไร้สิ้นหนทาง เธอร้องไห้อย่างสิ้นหวังพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขนาดนี้”
ซูเจ๋อพูดขึ้นเบาๆ ว่า : “เรื่องนี้มันยากเกินไป ท่านอย่าร้องไห้ ออกไปไม่ได้ก็ช่างเถิด อาเสียน ท่านมาคุยกับข้าดีกว่า ถ้าข้ายังตื่นอยู่ จะต้านได้นานขึ้น”
เฉินเสียนเช็ดน้ำตาออก แล้วรีบคลานกลับไปหาเขา นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าซูเจ๋อ เอื้อมมือไปช่วยเขาเช็ดคราบเลือดที่มุมปากด้วยมือที่สั่นเทา เลือดที่ยังอุ่นอยู่
เลือดหลั่งไหลลงปลายคางของเขา หยดลงไปทีละหยด ลงบนชุดสีดำที่เขาสวมใส่อยู่จนเปียกชุ่มไปด้วยเลือดข้น
เฉินเสียนถามขึ้นด้วยน้ำตา : “ซูเจ๋อ ท่านไหลเลือดให้น้อยลงกว่านี้ได้หรือไม่?”
ซูเจ๋อยิ้มขึ้นที่มุมปาก พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้าเองก็ไม่ได้อยากเสียหน่อย”
เธอประคองใบหน้าของเขาไว้ เช็ดคราบเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของเขาด้วยมือของเธอเอง จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปยังหน้าผากที่อุ่นและเย็นในขณะเดียวกัน น้ำตาที่เปียกชุ่มหยดลงบนใบหน้าของเขาเงียบ ๆ
นัยน์ตาของซูเจ๋อสั่นเทา จู่ๆ ก็มีความโศกเศร้าบางอย่างปะทุออกมา
เฉินเสียนยื่นมือทั้งสองข้างออกไปที่ข้างลำคอของเขา ใช้แรงทั้งหมดที่ตัวเองมี ช่วยเขาค้ำหินใหญ่ก้อนนั้นไว้
สามารถช่วยเขาแบ่งเบาไปได้แม้จะนิดเดียว ก็ถือว่าดีแล้ว
น้ำตาของเธอหลั่งไหลไม่หยุด ราวกับว่าจะหลั่งน้ำตาของครึ่งชีวิตที่ผ่านมาให้หมดในคราเดียว
ซูเจ๋ออยากจะเอื้อมมือไปช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอ แต่แขนทั้งคู่ของเขาไม่สามารถปล่อยได้ เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย ค่อยๆ หอมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกต ว่าที่แท้แล้วท่านร้องไห้เก่งขนาดนี้”
“ผู้หญิงอย่างข้าไม่สมควรจะร้องไห้ใช่หรือไม่?” เฉินเสียนพูดพร่ำว่า : “แต่ข้าก็จะร้อง แบบนี้ท่านก็จะวางใจไม่ลงใช่หรือไม่ ท่านจะทำใจทิ้งข้าไว้ไม่ได้ใช่หรือเปล่า?”
ซูเจ๋อหัวเราะไม่มีเสียง เขาพูดขึ้นว่า : “ผู้หญิงอย่างท่านที่ไม่ค่อยร้องไห้ บทจะร้องขึ้นมาใครก็เทียบเทียมไม่ติด อาเสียน อย่าให้คนอื่นมาทำท่านร้องไห้ได้ ข้าอยากให้น้ำตาของท่าน เป็นของข้าคนเดียวเท่านั้น”
“ได้ๆ ข้าจะร้องไห้ให้ท่านดูคนเดียว” เฉินเสียนซุกหน้าเข้าอ้อมอกของเขา เธอร้องไห้เสียงเบาพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ซูเจ๋อ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไรนะ……”
“ข้าจะพยายาม” เขาหรี่ตาลง น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงลมที่บางเบา : “อาเสียน พูดอะไรที่น่าฟังให้ข้าฟังหน่อยได้หรือเปล่า……”
“ซูเจ๋อ……” เฉินเสียนพยายามทำให้น้ำเสียงชัดเจน ข่มเสียงสะอึกสะอื้นในลำคอนั่นไว้ : “ถ้าหากข้าจะบอกว่าข้ารักท่านล่ะ และวันข้างหน้าก็ขาดท่านไปไม่ได้ นี่ถือว่าเป็นคำพูดที่น่าฟังหรือเปล่า?”
ซูเจ๋อหลับตาและก้มหน้าลงช้าๆ หัวเราะเบาๆ พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า : “ท่านรักข้า หรือท่านตกหลุมรักข้ากันแน่”
เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “รอท่านหายดีแล้ว เราค่อยมาคุยปัญหาเรื่องนี้ด้วยกันอย่างละเอียดอีกที” เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา : “ท่านอย่าหลับนะ ท่านเองก็พูดคำพูดที่น่าฟังให้ข้าฟังบ้างสิ……”
เธอบอกไปว่า : “ข้ายังไม่เคยได้ยินท่านพูดว่าอยากอยู่กับข้าเลย ไม่เคยได้ยินท่านพูดว่ารักข้า ซูเจ๋อ พูดให้ข้าฟังหน่อยสิ”
ซูเจ๋อพูดขึ้นว่า : “ข้าอาจจะไม่เคยพูดมันออกมา แต่การกระทำทั้งหมดของข้า มีข้อไหนบ้างที่ไม่แสดงออกชัดเจนว่าข้ารักท่านล่ะ”
คำพูดของเขาเรียบง่ายชัดเจน แต่ทำให้คนที่ฟังรู้สึกอบอุ่นหวั่นไหวจนแทบหายใจไม่ออก
เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา : “คนที่ท่านรักนั้น สรุปแล้วเป็นเฉินเสียนหรือเป็นข้ากันแน่? ข้าไม่ใช่เฉินเสียนคนเดิมตั้งนานแล้ว เฉินเสียนคนเดิมคนนั้น ก็คือหญิงกำพร้าในใจท่าน ที่ท่านคอยพูดถึงอยู่เสมอกระมัง……”
น้ำตาเธอนองหน้า เสียงร้องไห้เล็ดลอดจากไรฟัน : “ท่านวางแผนให้นางทุกอย่าง ส่งนางออกเรือนด้วยมือของท่านเอง มองนางเข้าพิธีสมรสกับคนอื่น แต่ข้าไม่ใช่เฉินเสียนคนนั้นนี่นา จะทำยังไงดี……”
เพราะเธอรู้ดี ว่าคนที่อยู่ภายในใจของซูเจ๋อไม่ใช่เธอในตอนนี้
จริงๆ แล้วเธอสามารถยอมรับความดีทั้งหมดของเขาได้ สามารถรักเขาอย่างหมดหัวใจไม่หลงเหลือเผื่อใคร
แต่เธอไม่อยากที่จะเป็นเงาของคนอื่น และไม่อยากใช้ชีวิตแทนคนอื่นแบบนี้ ไปรับรักซูเจ๋อแทนคนอื่นเขา
ที่จริงแล้วเธอรักเขามากมายขนาดนี้ รักจนเห็นแก่ตัวอยากได้คำตอบทั้งหมดของเขา ถ้าหากคนที่ซูเจ๋อรัก ยังเป็นเฉินเสียนคนก่อน มันก็คงจะไม่ยุติธรรมเป็นอย่างมาก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า : “จะทำยังไงได้ล่ะ ก็ตั้งแต่อยู่ในรังของโจรภูเขา ท่าทางของท่านที่ชักดาบฆ่าคนท่ามกลางเปลวไฟที่โหมกระหน่ำนั่น ท่านก็กลายเป็นสิ่งที่หัวใจของข้าเฝ้ารอคอยที่สุด”
สีหน้าของเฉินเสียนอึ้งไปเล็กน้อย
“เพราะมีท่าน ข้าดูเหมือนจะเข้าใจมากขึ้น ว่าการมีชีวิตอยู่รสชาติมันเป็นอย่างไร ข้าเรียนรู้ที่จะต้องการความหวาน กลัวความโดดเดี่ยวเดียวดาย และยิ่งกลัวความตายเข้าไปใหญ่” ซูเจ๋อหัวเราะไม่มีเสียง
“อาเสียน มีท่านอยู่ด้วย ข้ารู้สึกดีที่ยังมีชีวิตอยู่ การที่ยังมีชีวิตอยู่สามารถไปทำเรื่องไม่ดีกับท่านได้ ข้าไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป การมีชีวิตอยู่สามารถมองเห็นท่านปกป้องข้อบกพร่องของข้าต่อหน้าผู้อื่น ความรู้สึกของการถูกคนอื่นปกป้องมันรู้สึกดีจัง การมีชีวิตอยู่ ยังมีโอกาสที่จะได้เคียงคู่กับท่านไปจนแก่เฒ่า”
“เมื่อก่อนสิ่งเหล่านี้ สำหรับข้าแล้ว มันเป็นแค่ความเพ้อฝัน”
“เพราะฉะนั้นข้าอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ และกลัวว่าตัวเองจะตายไป ขอเพียงแค่ข้ายังมีลมหายใจ ข้าจะกลับมาอย่างแน่นอน” ซูเจ๋อพูดขึ้น
เฉินเสียนร้องไห้จนพูดไม่เป็นภาษา : “ท่านอย่าพูดอีกเลย…..”
ซูเจ๋อพูดขึ้นเสียงเบาว่า : “ท่านทำให้ข้ารับรู้ถึงความหวานซึ้งของการรักใครคนหนึ่ง เปลี่ยนแปลงข้าจากคนที่ไม่เคยสนใจอะไร กลายมาเป็นคนละเอียดอ่อนเอาใจใส่ จะเป็นเฉินเสียนคนเดิมหรือไม่ ก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะไม่ว่ายังไง ข้าก็ได้หลงรักท่านไปแล้ว”
ซูเจ๋อไอเบาๆ เลือดอุ่นๆ ทะลักออกมาไหลลงบนลำคอของเฉินเสียน ที่ร้อนจนตัวของเธอสั่นเทายิ่งกว่าเดิม
เธอโอบกอดเขาแนบแน่น พูดขึ้นพัลวัน : “ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้หมดแล้ว……ซูเจ๋อ ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่อยากจะให้วันที่ข้าเปิดเผยความในใจออกมา แล้วต้องมาลาจากท่านไป!”
เธอพูดขึ้นด้วยนำเสียงสะอึกสะอื้น : “วันข้างหน้ายังมีเวลาอีกมากมาย เรายังมีเวลาเหลือเฟือให้ค่อยๆ พูดคุย……ยังมีโอกาสอย่างแน่นอน เคียงคู่กันไปจนแก่เฒ่า……”
ซูเจ๋อค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ขนตาของเขากวาดผ่านใบหน้าของเธอเบาๆ เธอลืมตาขึ้นในทันที : “ซูเจ๋อ อย่าหลับตานะ ห้ามหลับตาเด็ดขาด ท่านสัญญากับข้าแล้วว่าท่านจะกลับมา……”
เฉินเสียนเหมือนคนที่เป็นบ้าไปแล้ว เหมือนวัวบ้าตัวหนึ่ง ที่พยายามผลักก้อนหินที่อยู่ด้านหลังของเขาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของซูเจ๋อค่อยๆ ถูกกดทับต่ำลงมาไปเรื่อยๆ มันหนักขนาดที่เขาไม่สามารถจะแบกรับมันได้แล้ว
เฉินเสียนร้องไห้เสียงดัง ต่อยหมัดลงบนก้อนหินครั้งแล้วครั้งเล่า จนเลือดไหลเต็มไปหมด
“ซูเจ๋อ! ท่านรับปากข้า ห้ามหลับตา!” เฉินเสียนกัดฟันแน่นพูดข้างหูเขาว่า : “ข้ารักท่าน ข้ารักท่านได้ยินไหม ท่านอย่าทิ้งข้าไป……ข้าขอร้องท่านล่ะ ทำให้ข้าได้หรือเปล่า?”
“ซูเซี่ยน……”
เฉินเสียนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้นว่า : “วันข้างหน้าให้เจ้าน่องน้อยแซ่ซูได้ไหม?”
เฉินเสียนรีบพยักหน้าตอบกลับทันที เธอร้องไห้พลางพูดขึ้นว่า : “ได้ๆ แซ่ซูเหมือนท่าน ชาตินี้เขาจะแซ่ซูเท่านั้น!”
“ชื่อซูเซี่ยน” ซูเจ๋อพูดขึ้น : “วันข้างหน้าเขาจะมีพ่อที่คอยเอ็นดู และมีแม่ที่คอยรักใคร่ เป็นเด็กที่ผู้คนจะอิจฉา”