องค์จักรพรรดิเย่เหลียงโต้แย้งหน้าและหูแดงก่ำ กล่าวขึ้นว่า“เจตนาทำลายการเจรจาสันติภาพเกรงว่าจะมิใช่แม่ทัพเจิ้นหนาน แต่เป็นพวกท่าน!องค์หญิงกับทูตที่สง่าผ่าเผย ใช้ดาบสังหารคนอย่างโหดเหี้ยมทารุณในคุกอย่างคาดไม่ถึง ตอนนี้ยังคิดใส่ร้ายเย่เหลียงของพวกข้า ไม่มีทางซะหรอก! ”
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่านอื่นเด็ดเดี่ยวในความคิดเห็นกล่าวขึ้นว่า“เจ็ดคูเมือง คูเมืองเดียวก็ขาดไม่ได้!ไม่เช่นนั้น ก็เจอกันที่สนามรบเถิด!”
ซูเจ๋อกระตุกหางคิ้วขึ้นอย่างนุ่มนวล กล่าวขึ้นว่า“ที่จริงข้าไม่ได้มีข้อคิดเห็นอะไร ข้าเป็นเพียงขุนนางของต้าฉู่ ทุกอย่างจำเป็นต้องฟังคำสั่งองค์จักรพรรดิถึงปฏิบัติการได้ หากเจรจาสันติภาพล้มเหลว ก็เหลือเพียงแค่ใช้การสู้รบแก้ปัญหา”
“พวกท่านคิดที่จะทำความผิดแล้วจะทำไปในทิศทางที่ร้ายแรงหรือ!”
ซูเจ๋อกล่าวว่า“หากเย่เหลียงมีกำลังทหารกับกำลังทุนพอที่จะกวาดล้างต้าฉู่ เหตุใดจะต้องนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันเพื่อเจรจาเล่า แล้วร้องขอเล็กน้อยเพียงเจ็ดคูเมือง ต้าฉู่มีทั้งหมดสี่สิบสองคูเมือง”
หลังจากรบแพ้ครั้งก่อน เย่เหลียงจิตใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจต้าฉู่มาโดยตลอด ถึงแม้ไม่สามารถยึดต้าฉู่มารวมกับตัวเองได้ แต่ก่อกวนบริเวณชายแดน จะแย่งชิงคูเมืองที่ยึดครองมาสมัยนั้นกลับก็ยังยึดมั่นไม่เปลี่ยนแปลง
ตอนนี้ทุกคนรู้อยู่แก่ใจดี ต้าฉู่แรงกำลังสะท้อนกลับไม่เพียงพอ เย่เหลียงไม่ได้มีกำลังที่จะรบเลย การสู้รบปะทุขึ้นอย่างถึงที่สุด ไม่ดีกับฝ่ายใดทั้งนั้น บางทีอาจจะ ทำให้เป่ยเซี่ยเมืองที่กำลังมั่งคั่งแข็งแกร่งในช่วงปีที่ผ่านมาคอยจับผิดอยู่
องค์จักรพรรดิเย่เหลียงหัวเราะอย่างเยือกเย็น แล้วกล่าวขึ้นว่า “อย่าว่าแต่เรื่องไกลอย่างนั้นเลย หากรบขึ้นมาจริง องค์หญิงจิ้งเสียนกับท่านทูตสามารถมีชีวิตออกไปจากที่นี่หรือไม่?”
ซูเจ๋อกล่าวว่า“นั่นก็ต้องดูว่าฝ่าบาทจะเสี่ยงภัยนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
สายตาขององค์จักรพรรดิเย่เหลียงมองที่เฉินเสียน แล้วกล่าวขึ้นว่า“ท่านทูตกล่าวนี่คือเรื่องราวชีวิตขององค์หญิงจิ้งเสียนใช่หรือไม่? ปีนั้นภายในต้าฉู่เกิดความวุ่นวาย องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีถูกคุกคามให้สิ้นพระชนม์ในพระราชวัง หากเป่ยเซี่ยสนใจองค์จักรพรรดินีจริง แต่ทว่าเหตุใดไม่รีบยื่นมือช่วยเหลือให้ทันเวลาเล่า? ”
พระองค์แสดงรอยยิ้มแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง กล่าวขึ้นว่า“และวันนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว ต้าฉู่ได้เปลี่ยนอำนาจราชวงศ์ใหม่แล้ว ก็ไม่เห็นว่าเป่ยเซี่ยมีการเคลื่อนไหวสิ่งใด เป่ยเซี่ยจะทำเพื่อองค์หญิงที่สูญเสียเอกราชและจะเคลื่อนไหวทัพใหญ่หรือ? ท่านทูตหลีกเลี่ยงการมองอย่างไม่ดูถูกองค์หญิงจิ้งเสียนท่านนี้เถิด”
เฉินเสียนจำใจต้องยอมรับ องค์จักรพรรดิเย่เหลียงพูดมีเหตุผลเป็นอย่างมาก
หากเป่ยเซี่ยต้องการยุ่งจริง เหตุใดหลายปีที่ผ่านมาไม่ถามไม่อะไรเลยเล่า?
แต่ทว่าซูเจ๋อกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า“ฝ่าบาทน่าจะทรงทราบ ปีนั้นเป่ยเซี่ยวุ่นวายอยู่หลายสิบปี ตอนที่ภายในของต้าฉู่วุ่นวายเป่ยเซี่ยก็ดูแลตัวเองไม่ไหว แต่ทว่าวันนี้ไม่เหมือนกัน เป่ยเซี่ยสงบสุขแล้ว แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ยื่นมือส่งพลังที่เหลือมาช่วยองค์หญิงจิ้งเสียนเป็นเรื่องเล็กไม่ต้องกล่าวถึง อีกทั้งนี่ยังเป็นเรื่องที่มีข้อเสียมากมาย ไม่มีประโยชน์เลยสักนิดหนึ่ง”
องค์จักรพรรดิเย่เหลียงสีหน้าเปลี่ยน
เวลานี้หากเป่ยเซี่ยยื่นมือมา ร่วมเป็นพันธมิตรกับต้าฉู่ล่ะก็ คงจะทำลายเย่เหลียงแน่ๆ ถึงเวลานั้นจำแนกชายแดนจัดสรรทหาร ข้อดีประโยชน์หาขอบเขตมิได้จริงๆ
เพียงแต่องค์จักรพรรดิเย่เหลียงไม่สามารถแน่ใจได้ว่าเป่ยเซี่ยแท้ที่จริงแล้วจะยื่นมือเข้ามาหรือไม่
องค์จักรพรรดิเย่เหลียงสูญสิ้นความอดทน กล่าวอย่างเปิดเผยว่า“เงื่อนไขต้าฉู่?”
ซูเจ๋อกล่าวอย่างไม่ใส่ใจเหมือนเดิมว่า“ตามความเป็นจริง องค์จักรพรรดิของกระหม่อมยินยอมให้เพียงสามคูเมืองที่เคยได้มาจากเย่เหลียงพ่ะย่ะค่ะ”
พอกล่าวออกมา ขนาดองค์จักรพรรดิเย่เหลียงยังอดไม่ได้ที่จะกริ้วโกรธกล่าวโดยฉับพลันว่า“ต้าฉู่ของท่านเป็นยาจกขอทานหรือ?อย่าลืมนะว่าต้าฉู่เพิ่งจะรบแพ้”
แม่ทัพเย่เหลียงที่ฟังอยู่ข้างๆระงับความโกรธไม่ได้ตั้งนานแล้ว กล่าวขึ้นว่า“องค์จักรพรรดิ จับทั้งสองท่านนี้ไว้ก่อน รอค้นหาหนังสือเจรจาสันติภาพที่มีตราลัญจกรประทับเจอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเจ็ดคูเมือง สิบเมือง ครึ่งหนึ่งของต้าฉู่ ก็ต้องอิงตามหนังสือเจรจาสันติภาพพ่ะย่ะค่ะ!”
เวลานี้ใต้สีหน้าท่าทางขององค์จักรพรรดิส่งสัญญาณ แล้วด้านนอกมีทหารอารักขากลุ่มหนึ่งเข้ามา ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ควบคุมตัวซูเจ๋อกับเฉินเสียนไว้
ท่านแม่ทัพเดินมาค้นหา เป็นเช่นนั้นจริงเขาค้นหาหนังสือสัญญาที่มีตราลัญจกรประทับของต้าฉู่เจอในอ้อมอกของซูเจ๋อ
แต่พอเปิดดู ก็ชะงักงันอึ้งคาที่
หนังสือสัญญาลอกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว ตัวขาวตัวดำเขียนไว้อย่างชัดเจน ต้าฉู่ยินยอมมอบดินแดนให้เย่เหลียงเพียงสามคูเมือง
ซูเจ๋อหัวเราะ แล้วกล่าวขึ้นว่า “ทำให้ท่านแม่ทัพผิดหวังแล้ว หากว่าด้านบนนี้แก้ตัวหนังสือ เช่นนั้นหนังสือสัญญานี้ก็จำใจต้องเป็นโมฆะเสียแล้ว”
เฉินเสียนกล่าวว่า “ตามความเป็นจริง ต้าฉู่ไม่ได้แพ้โดยสิ้นเชิง เพียงแต่เพราะว่าท่านแม่ทัพใหญ่ของต้าฉู่ของข้าพลาดท่าเสียทีชั่วขณะ ตกหล่นลงมาอยู่ในมือของพวกท่าน ถึงได้กลายเป็นสถานการณ์เช่นนี้ ท่านแม่ทัพใหญ่อยู่ในคุกของพวกท่านเย่เหลียง ได้รับการลงโทษที่โหดร้ายทารุณเช่นใด พวกท่านควรจะรู้ชัดเจนกว่าพวกข้า อนาคตเขายังสามารถทำการสู้รบได้หรือไม่ หรือว่าไม่รู้เรื่องราวสถานการณ์เลย เช่นนั้นพวกเราต้าฉู่ใช้สามคูเมืองมาแลกเปลี่ยนชีวิตท่านแม่ทัพที่มีลักษณะเหมือนผู้พิการไร้น้ำยา พวกท่านยังรู้สึกเสียเปรียบหรือ?”
องค์จักรพรรดิเย่เหลียงกล่าวว่า “ควบคุมตัวพวกเขา ไปคุมขังให้ข้า!สามคูเมืองจิ๊บจ๊อย ไม่จำเป็นต้องให้ต้าฉู่มอบให้ ข้าจะเอากลับมาทีละคูเมือง!วันที่เปิดฉากทำสงคราม ข้าจะนำเลือดของพวกเขาทั้งสองคนนี้ปลุกเร้าสามเหล่าทัพ!”
ชัดเจนมาก การเจรจาสันติภาพล้มเหลวแล้ว
เฉินเสียนกับซูเจ๋อยังถูกขังคุก
ชัดเจนว่าเธอเพิ่งจะออกมาจากในคุกได้ไม่นาน ตอนนี้ก็ต้องกลับไปอีกแล้ว
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เดินเตร่ ยังต้องนอนในนี้ด้วย
ตอนที่เดินผ่านห้องขังของจ้าวเทียนฉี ศพได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่บนพื้นยังมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่
ผู้คุมนำทั้งสองคนขังอยู่ที่ห้องขังด้านข้างใกล้กันกับฉินหรูเหลียง
พอเข้าไป ผู้คุมยังกล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “เชอะ ทูตกับองค์หญิงมาจากต้าฉู่แล้วยังไงเล่า ทำให้องค์จักรพรรดิกริ้ว ตามรูปแบบถูกขังคุกไว้ซะแล้ว!”
เฉินเสียนชำเลืองมองเขาอย่างเรียบเฉย เขานึกถึงสถานการณ์ก่อนหน้าที่เฉินเสียนสังหารจ้าวเทียนฉี ยังมีความหวาดผวากลัวอยู่บ้าง รีบหุบปากไม่กล่าวอีกเลย
เฉินเสียนหรี่ตา กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่า“พูดต่อสิ เหตุใดไม่พูดแล้วล่ะ”
ผู้คุมพยายามทำตัวให้นิ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า“ท่านประพฤติตัวดีๆเข้าไปพักเถิด!”
เฉินเสียนกล่าวข่มขู่ว่า“หากเจ้ากล้าส่งอาหารเน่าเสียมาให้ข้า ข้ารับรองเลยว่าจะทำให้เจ้าประทับใจจำอย่างลึกซึ้งเลยล่ะ”
หลังจากเธอกับซูเจ๋อเข้าไป ผู้คุมรีบขังใส่กุญแจอย่างรวดเร็ว
ฉินหรูเหลียงนั่งพิงที่ฝาผนัง ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ชำเลืองมองด้านข้าง กล่าวราวกับทักทายแขกว่า“มาแล้ว”
ทั้งสองคนเลือกตรงที่ฝาผนังแห้งชืดนั่งลง
เฉินเสียนชำเลืองมองเขา แล้วกล่าวขึ้นว่า“ราวกับว่าท่านเฝ้าภาวนาให้พวกข้ามา?”
ฉินหรูเหลียงส่ายศีรษะ กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านสังหารจ้าวเทียนฉี ยากที่จะหลีกเลี่ยงการทำให้องค์จักรพรรดิเย่เหลียงกริ้วโกรธ อีกทั้งภาพรวมต้าฉู่ไม่สามารถรับเงื่อนไขของเย่เหลียงได้ ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ถูกขังไว้ ก็ไม่เลวแล้วล่ะ”
ผ่านไปสักพักหนึ่ง กล่าวขึ้นอีกว่า“จิ้งเสียน ท่านใจร้อนเกินไปแล้ว”
เฉินเสียนกล่าวขึ้นว่า “จ้าวเทียนฉีมีเหตุผลที่เขาจะต้องตาย”
“พอเขาตาย เมืองเสวียนจะทำอย่างไรเล่า?”
เฉินเสียนกล่าวว่า “เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ยังไงท่านก็เป็นห่วงตัวท่านเองให้มากๆเถิด”
อยู่ในคุกนานแล้ว เฉินเสียนรู้สึกว่าหนาวเป็นอย่างมาก จิตใต้สำนึกสั่งให้เธอต้องกอดแขนตัวเองไว้ ทันใดนั้นไหล่รู้สึกอบอุ่นขึ้น
เฉินเสียนเงยหน้าขึ้น เห็นซูเจ๋อถอดชุดด้านนอกของเขาออก แล้วคลุมลงบนตัวของเธอ
ฉินหรูเหลียงแววตาไม่ไหวติงมองฉากนั้น กล่าวอย่างกำกวมว่า“ท่านกับเขา คบหากันแล้วเป็นไปตามอย่างที่คิดไว้เลย”
เฉินเสียนกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า“นี่โชคดีที่องค์จักรพรรดิช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ หากไม่ใช่ว่าองค์จักรพรรดิรับสั่งให้ข้ามารับซากกระดูกของท่าน แต่งตั้งให้ใต้เท้าซูเป็นทูตมาเจรจาสันติภาพ พวกข้าก็ไม่สามารถคบหากันได้หรอก”
ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปาก ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระจายตกลงมาทำให้มองสีหน้าได้ไม่ชัด กล่าวขึ้นทันทีว่า“องค์จักรพรรดิไม่มีทางคาดหวังว่าจะเห็นพวกท่านทั้งสองคบหากันอย่างแน่นอน พระองค์ทำเช่นนี้อาจจะมีการจัดวางแผนอื่นนอกเหนือจากนี้”