เอ้อร์เหนียงหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วกล่าวว่า“องค์หญิงบอกว่าท่านชายเพิ่งจะสองเดือนไม่ใช่หรือเพคะ?จะรู้ว่าการดูถูกหมายความว่าอะไรได้อย่างไรกันเพคะ”
เฉินเสียนพยักหน้า แล้วกล่าวว่า“ก็ใช่ สิ่งเล็กๆนี้ สมองยังไม่ได้เติบโตทั้งหมดเลย ความคิดยังไม่ได้อยู่ในขอบเขตนั้น ช่างเถิด วันนี้ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าแล้ว และก็ไม่รู้นิสัยนี้เจ้าเลียนแบบผู้ใดกันนะ”
เฉินเสียนหวีผมเสร็จ ล้างหน้า บ้วนปากด้วยแล้วกล่าวขึ้นว่า“ได้ยินว่าเหมยอู่กับเซียงซั่นก่อเรื่องขึ้นแล้วหรือ?”
อวี้เยี่ยนตาเป็นประกายแวววาวกล่าวว่า“ที่แท้องค์หญิงก็ได้ยิน พวกเราจะไปดูที่ลานหน้าเรือนหรือไม่เพคะ? สถานการณ์นั้นยากที่จะได้เห็นนะเพคะ บ่าวเดินผ่านสวนดอกไม้ยังได้ยินเสียงของเซียงซั่นร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังเพคะ”
“ผู้ที่ดูเรื่องเหล่านี้อยู่ด้านข้างมักเสี้ยมให้คนตีกัน อยากจะทำเรื่องให้มันใหญ่ขึ้น”
อวี้เยี่ยนกล่าวว่า “เซียงซั่นกล้าทำเรื่องเช่นนั้น นางหาเรื่องใส่ตัวเอง บ่าวอยากจะดูสภาพที่น่าเวทนาของนาง ระบายความโกรธเพคะ”
แต่เฉินเสียนไม่ได้มีความสนใจที่จะไปดูความสนุกครึกครื้นนี้เลยสักนิดหนึ่ง บ้วนปากเสร็จก็นั่งลงกินอาหารเช้า กล่าวขึ้นว่า“ถึงอย่างไรนั่นก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ผู้ใดแพ้ผู้ใดชนะ มีอะไรน่าดีใจเล่า ถ้าไปข้างหน้า กลับจะถูกจับกัดนะ”
แม่นมซุยกล่าวอย่างเห็นด้วยเช่นกันว่า“องค์หญิงพูดถูกต้องแล้ว เวลานี้หลีกเลี่ยงการสงสัยหน่อยก็ดีนะ บ่าวลองคิดแล้วว่า ในเมื่อเรื่องถูกเปิดโปงแล้ว เซียงซั่นรู้ชัดแจ้งว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน เวลานี้องค์หญิงไปดู ไม่แน่ว่าเซียงซั่นอาจจะกัดไม่ปล่อย บ่าวว่านะใครก็ไม่ต้องไปหรอก ความคึกครื้นนี้ไม่ดูก็จบเพคะ“
อวี้เยี่ยนเข้าใจได้โดยทันที กล่าวว่า“เป็นบ่าวที่ไม่คิดให้รอบคอบก่อน องค์หญิงกับเอ้อร์เหนียงพูดถูกแล้วเพคะ”
ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเซียงซั่นสามารถที่จะกระโดดมาเป็นภรรยาคนที่สามของจวนแม่ทัพได้ ในนี้มีคำชี้แนะของเฉินเสียนอยู่ไม่น้อย
ถ้าเวลานี้เซียงซั่นจะตายอารมณ์วู่วามพูดอะไรออกมาเสียงสั่นไม่ชัดเจนล่ะก็ กลับจะไม่ได้รับข้อดีแต่จะทำให้เกิดชื่อเสียงแย่ๆได้
เพราะฉะนั้นตอนเริ่มแรกเฉินเสียนถึงไม่วางแผนจะไปดูความสนุกคึกครื้นนั่น
ในเมื่อเปิดเผยความลับให้หลิ่วเหมยอู่แล้ว สุดท้ายเซียงซั่นจะมีจุดจบอย่างไรเธอก็จะไม่มีทางถามอีก
อวี้เยี่ยนกล่าวว่า“เด็กรับใช้โรงม้านั่น เดิมเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะถูกดึงลากเข้ามาด้วย”
เฉินเสียนเช็ดปากแล้วกล่าวว่า“ยังร่วมกันกับเซียงซั่นสวมเขาให้กับฉินหรูเหลียง เลี้ยงเสียข้าวสุก คาดว่ายากที่จะมีชีวิตรอด อย่างไร อวี้เยี่ยนเจ้ารู้สึกว่าน่าเสียดายหรือ?”
“บ่าวเพียงแค่รู้สึกว่าเซียงซั่นทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายเพคะ”
“ตอนที่มีความสุขเหตุใดถึงไม่คาดคิดว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้รออยู่เล่า?อย่าเป็นเพราะการมีตัณหาทำให้ตัวเองเดินผิดทาง ไม่อย่างนั้นคนที่เจ็บก็คือตัวเอง หยุดสิ่งที่ล่อลวงให้ติดกับไม่ได้ กริชเล่มนั้นก็จะแขวนอยู่บนหัวตลอด ไม่แน่ว่าเมื่อไหร่จะหล่นลงมา ”
“องค์พูดถูกต้องที่สุดแล้วเพคะ”
“เพราะฉะนั้นนี่ไม่เกี่ยวข้องกับความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาของเขา”
ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินเสียนอยู่ที่สวนสระวสันตฤดูไม่ออกไปไหนเลย เหตุการณ์รุนแรงด้านหน้า ใช้นิ้วหัวแม่เท้าก็สามารถจิตนาการได้
เซียงซั่นก็คาดไม่ถึง นางจะมีเรื่องที่ไม่สามารถบอกผู้อื่นได้ถูกเปิดโปงออกมาในวันนี้ อีกทั้งวันนี้มาเร็วมาก
เช้าตรู่ นางไม่รู้เบื้องหลังอะไรก็ถูกคนลากออกมาจากสวนเซียงเสวี่ย ไม่ทันที่จะเปลี่ยนชุดแต่งหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าซีดขาวและไร้เรี่ยวแรง
อดไม่ได้ที่จะถกเถียงหนึ่งประโยค ก็ถูกควบคุมตัวมาคุกเข่าบนพื้นอยู่ที่โถงบุปผา
เซียงซั่นเงยขึ้นก็เห็นฉินหรูเหลียงกับหลิ่วเหมยอู่มองลงมาจากที่สูง
ฉินหรูเหลียงสีหน้าเย็นชา ราวกับผนึกน้ำแข็ง
ความลับเซียงซั่นถูกเปิดโปงแล้ว พวกคนรับใช้ต่างพากันไปดู ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้เป็นภรรยาคนที่สาม นางก็ไม่เคยอับอายผู้คนเช่นนี้มาก่อนเลย
หลิ่วเหมยอู่ยืนยันว่านางกับเด็กรับใช้โรงม้านั่นมั่วโลกีย์กัน ตั้งครรภ์ปีศาจร้ายแล้วโยนให้ทันแม่ทัพ ปีนป่ายขึ้นมาเป็นตำแหน่งภรรยาคนที่สาม และใส่ร้ายป้ายสีหลิ่วเหมยอู่ว่าทำร้ายให้ลูกในท้องของนางต้องตาย
ตอนแรกเซียงซั่นยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ
จนถึงตอนที่เด็กรับใช้โรงม้านั่นถูกลากมา ตีจนเลือดเนื้อเปรอะเปื้อนอยู่ตรงหน้านาง
เด็กรับใช้นั่นรับความทุกข์ทรมานนี้ไม่ไหว ได้สารภาพออกมาทันที นำเรื่องแต่เดิมของเซียงซั่นจากหัวจรดเท้ามาพูด
ประกอบด้วยตั้งแต่เริ่มแรกนางไปที่โรงม้าหยิบเอายาปลุกกำหนัดชนิดรุนแรงที่ใช้กับม้ามา
ตั้งแต่นั้นมา เรื่องที่ฉินหรูเหลียงถูกวางยาแล้วนอนกับเซียงซั่น จนถึงเรื่องตอนที่เซียงซั่นตั้งครรภ์ได้เป็นภรรยาคนที่สามของท่านแม่ทัพ ความจริงทั้งหมดได้ถูกเปิดเผยออกมา
ครั้งแล้วครั้งเล่าฉินหรูเหลียงได้ถูกหญิงต่ำช้าผู้น้อยคิดร้ายด้วย เขาผิดหวังที่เมื่อก่อนเขายังเห็นอกเห็นใจเซียงซั่น
เซียงซั่นกับบ่าวต่ำช้านี้มั่วโลกีย์กันจนตั้งครรภ์ปีศาจร้าย นางกล้าหาญกล่าวว่าเป็นฉินหรูเหลียง ทำให้ฉินหรูเหลียงเคยดีใจที่มีเด็กคนนั้น และเคยเสียใจที่สูญเสียเด็กคนนั้นไป
วันนี้ดูเหมือนว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องตลกขบขัน!
ฉินหรูเหลียงถูกนางหลอกลวงจนหัวปั่นมานานแสนนาน ไม่เพียงแต่เป็นชายที่เลี้ยงคนเปลียงข้าวสุก ยังถูกสวมเขามาตั้งนานเช่นนี้ด้วย!
นี่ถ้าข่าวแพร่สะพัดออกไป เป็นเรื่องที่เน่าเหม็นพอสมควรด้วย
ท่านแม่ทัพใหญ่ที่สง่าผ่าเผย ถูกบ่าวนางหนึ่งขี่พลิกตลบตะแลงอยู่บนหัว!
พวกคนรับใช้หวาดกลัว ทอดถอนหายใจด้วยความหดหู่อยู่ในใจลำพัง เซียงซั่นสามารถเป็นได้ถึงตำแหน่งนี้ นับว่าเป็นความสามารถของนางแล้ว
เพียงแต่วันนี้ โชคดีของนางเป็นที่สิ้นสุดแล้ว
ฉินหรูเหลียงโมโหจนไม่สามรถสกัดกั้นไว้ ถึงแม้เซียงซั่นพยายามขอร้องอ้อนวอน ต้องการอธิบาย แต่คำเดียวฉินหรูเหลียงก็ไม่ฟังอีกเลย
เขาเรียกบ่าวมานำเซียงซั่นกับเด็กรับใช้คนนั้นโบยอยู่บนพื้นด้วยกัน
เด็กรับใช้ถูกไม้ตีตายคาที่ เซียงซั่นยังเหลือครึ่งชีวิต
สุดท้ายฉินหรูเหลียงแค้นเคืองตีเซียงซั่นตายก็ไม่สามารถระบายความแค้นเคืองของเขาได้ เลยสั่งหยุดให้เลิกใช้ไม้ตีเฆี่ยนนาง เซียงซั่นนึกว่าฉินหรูเหลียงมีท่าทีที่เมตตาด้วย นึกว่าตัวเองมองเห็นความหวังแล้ว
ต่อมาคำพูดของฉินหรูเหลียงบอกนำนางไปนรกให้ไกลสุดลูกหูลูกตา
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า“นำนางส่งเข้าไปที่หอหมิงเยว์ ขายเข้าไปให้เป็นโสเภณี เขียนเอกสารซื้อขายที่ไม่สามารถไถ่ถอนคืนได้ อนาคตตายก็ให้ตายในหอหมิงเยว์!”
เซียงซั่นหน้าไร้สง่าราศี กล่าวว่า“ท่านแม่ทัพ…..ท่านแม่ทัพอย่าทำเช่นนี้เจ้าค่ะ……ทำเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะท่านแม่ทัพ!”
หอหมิงเยว์เป็นหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง แขกที่ไปๆมาๆแบ่งเป็นระดับชั้นต่างๆมากมายหลากหลาย โสเภณีที่คอยบริการด้านในก็แบ่งระดับชั้นเช่นกัน
ในเมืองหลวงถ้าหากมีสมาชิกในเรือนที่เป็นหญิงสาวได้รับโทษ ไม่ถูกเนรเทศออกนอกอาณาเขตก็ถูกส่งเข้าหอหมิงเยว์เพื่อเป็นโสเภณี เหมือนกันกับเซียงซั่นที่ฐานะเดิมเป็นบ่าว เข้าไปในหอหมิงเยว์แล้วก็ต้องเป็นโสเภณีระดับล่างสุด
ฉินหรูเหลียงเพิ่งจะกล่าวออกมา ก็ยิ่งไร้ความรู้สึกไม่มีทางหนีทีไล่ให้อีก
ในเวลานั้นมีคนขึ้นมาลากตัวเซียงซั่นออกไปจากจวนแม่ทัพ มุ่งไปยังหอหมิงเยว์
ในระหว่างทางเซียงซั่นร้องไห้อย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
โถงบุปผาเงียบสงบลง คราบเลือดเต็มไปหมดทุกแห่งหน
ศพของเด็กรับใช้ถูกยกออกไป คนรับใช้ยกน้ำมาขัดล้างคราบเลือดที่อยู่บนพื้นออก
หลิ่วเหมยอู่ไม่ส่งเสียงออกมาเงียบมาโดยตลอด ฉินหรูเหลียงถึงได้เอียงหัวมามองดูนาง เห็นใบหน้าเล็กซีดเผือด มีอาการตกใจมึนงงเล็กน้อย
ในที่สุดฉินหรูเหลียงก็ใจอ่อนยวบ รู้ว่านางขี้ขลาดแต่ไหนแต่ไรมา ต้องถูกทำให้ตกใจเป็นแน่
ฉินหรูเหลียงยื่นมือไป นำมือนุ่มนวลของนางกอบกุมไว้ที่กลางฝ่ามือใหญ่ของเขา
หลิ่วเหมยอู่สะอื้นไห้ น้ำตาร่วงหล่นลงมา
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “เป็นอะไร ตกใจจนงงหรือ?”
หลิ่วเหมยอู่ทำเสียงฟุดฟิดที่จมูก สะอีกสะอื้นกล่าวว่า“ไม่ใช่เจ้าค่ะ เหมยอู่เพียงแค่รู้สึกว่านานมากที่ไม่เคยถูกท่านแม่ทัพกุมมือเจ้าค่ะ”
ช่วงที่ผ่านมาเขาปฏิบัติกับนางอย่างเย็นชาจริงๆ
หลังจากครั้งก่อนตั้งแต่มือซ้ายได้รับบาดเจ็บ ฉินหรูเหลียงก็จิตใจไม่สงบ เพียงแค่อยู่กับหลิ่วเหมยอู่ยิ่งรู้สึกว่าหงุดหงิดวุ่นวายใจ
วันนี้ฉินหรูเหลียงสงบลงแล้ว รู้ว่าเรื่องนี้สาเหตุไม่ใช่เพราะนาง ก็ไม่ควรที่จะปฏิบัติอย่างเย็นชากับนางอีกต่อไปแล้ว
มองท่าทางน้ำตาคลอเบ้าน่าสงสารของหลิ่วเหมยอู่นั้นแล้ว ใจของฉินหรูเหลียงมีความรู้สึกทะนุถนอมขึ้นมาโดยฉับพลัน
เขายังคงรักหลิ่วเหมยอู่อยู่
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า“เมื่อก่อนข้าไม่ดีเอง เพราะเรื่องของเซียงซั่นเลยเข้าใจผิดเจ้า ทำให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม”