หลิ่วเหมยอู่ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นกังวล พอกลับเข้าห้องก็รีบพูดกับหลิ่วเฉียนเฮ้อว่า : “ท่านพี่ ท่านอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว คืนนี้ต้องออกไปจากที่นี่ทันที”
บาดแผลของหลิ่วเฉียนเฮ้อยังไม่หายดี แต่เพียงแค่ลงจากเตียงไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
เขาพูดขึ้นว่า : “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะใช้พักระยะยาว ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่พูด วันสองวันนี้ข้าก็จะไปอยู่ดี ข้าไม่อยากจะให้เจ้าพลอยโดนหางเลขไปด้วย”
หลายวันมานี้ฉินหรูเหลียงอาการดีขึ้นเร็วมาก อาจเป็นเพราะฝ่าบาททรงอนุญาตให้งดการเข้าเฝ้ายามเช้า แต่เขาเองก็ไม่ได้นิ่งดูดายอยู่แต่ในบ้าน
ป้อมปราการเขตชายแดนของเมืองหลวงถูกจัดระเบียบใหม่ เตรียมพร้อมด้วยการคุ้มกันอย่างหนาแน่น ตามท้องถนนจะเห็นเจ้าหน้าที่และทหารลาดตระเวนผ่านไปมาไม่ขาดสาย
แต่เขาเองก็ไม่ได้หละหลวมเลยแม้แต่น้อย หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอด
เขาค้นหาทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างละเอียด แต่กลับหานักฆ่าที่แท้จริงไม่เจอ เรื่องนี้เป็นเหมือนดั่งเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มตำใจเขาอยู่ตลอดเวลา เกลียดที่ไม่สามารถจัดการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
ฉินหรูเหลียงเข้ามาในประตู ก็เห็นแม่บ้านจ้าวที่กำลังรออยู่ที่ประตูทางเข้า
เมื่อเห็นเขากลับมาแล้ว แม่บ้านจ้าวรีบเข้าไปต้อนรับทันที แม่บ้านจ้าวที่หน้าบานเป็นกระด้ง รีบพูดขึ้นว่า : “ท่านแม่ทัพกลับมาเสียที องค์หญิงสั่งให้บ่าวมารอรับท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ พระองค์เชิญท่านแม่ทัพให้ไปที่สวนสระวสันตฤดูหน่อยเจ้าค่ะ”
ฉินหรูเหลียงนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่องค์หญิงเชิญเขา
แม่บ้านจ้าวที่เห็นว่าองค์หญิงใจอ่อนแล้ว จะให้นางไม่ยินดีปรีดาได้อย่างไร
ขอเพียงแค่เห็นองค์หญิงกับท่านแม่ทัพได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว
เฉินเสียนเชิญเขาอย่างนั้นหรือ? ฉินหรูเหลียงที่พึ่งได้สติ เขาแทบไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย
ผู้หญิงคนนั้นเปิดใจแล้วเหรอ?
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ลึกๆ ในใจของฉินหรูเหลียงกลับรู้สึกรอคอยอย่างบอกไม่ถูก
ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้ใช้เวลาคิดทบทวนเรื่องบางเรื่องอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ในเมื่อเฉินเสียนไม่ใช่เฉินเสียนคนเดิมอีกต่อไป เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องทำกับนางเหมือนเมื่อก่อน
ตอนนี้เฉินเสียนยอมถอยไปหนึ่งก้าว งั้นเขาก็ควรจะถอยออกมาหนึ่งก้าวด้วยเช่นกัน
ฉินหรูเหลียงมุ่งตรงไปที่สวนสระวสันตฤดูทันทีอย่างไม่ลังเล เมื่อเข้าไปแล้วก็เห็นเฉินเสียนที่กำลังกำกับอวี้เยี่ยนบดผงยา
ถ้าเดาไม่ผิด ผงยาตัวนี้น่าจะเป็นตัวยาที่จะให้เขาใช้เพื่อรักษาอาการหลังการบาดเจ็บ
ถึงแม้ว่าช่วงกลางวันเขาจะตระเวนเดินทางไปทั่ว แต่แผลที่หลังของเขาต้องได้รับการทำความสะอาดแผลและเปลี่ยนยาใหม่เสมอ
เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ท่านแม่ทัพ กลับมาแล้วหรือ วันนี้ตระเวนอยู่ข้างนอกทั้งวัน ได้อะไรมาบ้าง?”
ฉินหรูเหลียงเข้าไปในเรือนหย่อนตัวนั่งลง แม่บ้านจ้าวรีบยกน้ำชาตามมาให้
ฉินหรูเหลียงยกแก้วน้ำชาขึ้นมาหมุนอยู่สองสามรอบ มองดูเฉินเสียนที่กำลังชั่งยาเพื่อจัดยา แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ท่านไปเรียนการแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ก็คงก่อนที่ข้าจะโง่เขลากระมัง” เฉินเสียนพูดไปเรื่อยเปื่อย : “ท่านไม่ได้กำลังจะไปรายงานกับฝ่าบาทหรอกหรือ?”
“ท่านจำเป็นต้องพูดขนาดนี้เชียวหรือ?”
เฉินเสียนหัวเราะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ฉินหรูเหลียงก็พูดขึ้นว่า : “หลายวันมานี้ ขอบใจท่านมากที่คอยดูแลข้า”
เฉินเสียนหยุดอึ้งไป เงยหน้าขึ้นมามองเขา : “ท่านว่าอะไรนะ?”
“ขอบใจท่านมากที่คอยดูแลข้า” ฉินหรูเหลียงพูดใหม่อีกรอบ
เฉินเสียนกลับพูดขึ้นว่า : “พูดดังๆ หน่อยข้าไม่ได้ยิน”
เส้นเลือดใหญ่ที่ขมับของฉินหรูเหลียงเต้นตุ้บๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า : “ได้คืบจะเอาศอก”
เฉินเสียนเม้มปากยิ้ม พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “คืออย่างนี้ เห็นแก่ที่ท่านมีความจริงใจบ้าง ข้าเลยมีของขวัญจะให้ท่าน”
“ของขวัญอะไร?”
“หลายวันมานี้ทั้งเมืองหลวงเต็มไปด้วยทหาร กายใจราษฎรพากันแตกตื่น นี่เป็นความตั้งใจของท่านแม่ทัพหรือ?”
ฉินหรูเหลียงแววตาลุ่มลึก พูดขึ้นว่า : “วันฉลองวันคล้ายวันประสูติของพระพันปี ในวังกลับเกิดเรื่องเยี่ยงนั้นขึ้น ระมัดระวังรอบคอบไว้ก่อนไม่ควรหรือ?”
ถ้าคิดแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรไม่ควรหรอก
“นักฆ่ากับสายลับถูกท่านแม่ทัพกำจัดหมดแล้วไม่ใช่หรือ? หรือว่ายังเหลือคนที่ยังจับไม่ได้? ผู้สมรู้ร่วมคิดของนักฆ่า?” เฉินเสียนถามขึ้น
ฉินหรูเหลียงมองเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “เรื่องที่ท่านไม่สมควรจะถามก็อย่าถามให้มากความ”
เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “ท่านใช้เวลาในการหานานขนาดนี้แต่กลับหาไม่เจอ ไม่แน่เขาอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่ท่านคาดไม่ถึงก็เป็นได้ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
ฉินหรูเหลียงหรี่ตาลง : “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “วันนี้ข้าเจอเซียงหลิงเข้า ได้ยินมาว่าอาการของหลิ่วเหมยอู่ดีขึ้นแล้ว ตั้งแต่กลับจากวังคราวก่อน ท่านแม่ทัพยังไม่ได้เจอหน้าหลิ่วเหมยอู่เลย ไม่คิดถึงนางบ้างเลยหรือ?”
ฉินหรูเหลียงรู้ดีว่าตั้งแต่เขาเริ่มยุ่งๆ ก็ไม่มีเวลาดูแลหลิ่วเหมยอู่เลย รู้ว่านางป่วยแต่กลับไม่ได้ไปถามไถ่ ตั้งแต่ที่วังเกิดเรื่องขึ้น เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปพลอดรักใดๆ ทั้งนั้น
หลิ่วเหมยอู่ทำให้เขาผิดหวังนั้นเป็นเรื่องจริง และเขารักหลิ่วเหมยอู่ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน
พอนึกถึงหลิ่วเหมยอู่ขึ้นมา ในใจของฉินหรูเหลียงก็กระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
เฉินเสียนเลิกคิ้วขึ้นสูง แล้วพูดต่อว่า : “ครั้งก่อนที่ท่านไม่ทำร้ายข้าเพื่อหลิ่วเหมยอู่ ข้ารู้ว่าถึงแม้ที่ถนนนั่นจะมีพยาน หากว่าท่านต้องการจะเข้าข้างนางจริง ท่านคงจะมีความสามารถเพียงพอที่จะไปจัดการพยานเหล่านั้นให้หมดจดก่อนเป็นอันดับแรก แต่ท่านกลับไม่ทำ เอามาได้ก็ต้องแบกรับได้ ยังนับว่าจิตใจกว้างขวางตรงไปตรงมาดี”
“ท่านแม่ทัพฉินออกจะรักเหมยอู่ขนาดนั้น คืนนั้นทำข้าตาสว่างจริงๆ”
ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปาก เขาไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำพูดของเฉินเสียน : “ท่านคงคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกมาก ไม่เพียงแต่ท่านเท่านั้น ผู้คนทั้งหมดก็คงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี ไยท่านยังต้องมาพูดจาหักหาญน้ำใจ ประชดประชันข้าอีก”
เฉินเสียนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านว่าประชดประชันงั้นก็ประชดประชันก็แล้วกัน เพราะถึงอย่างไรข้าเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพียงแต่ว่าผู้หญิงที่ท่านแม่ทัพเสียเงินเพื่อช่วยนางกลับมา แต่กลับทิ้งไว้ในเรือนไม่ไปสนใจไยดี งั้นที่ท่านแม่ทัพยอมโดนโบยก็ไม่เท่ากับเจ็บตัวเปล่าๆ หรือ”
ค่ำคืนค่อยๆ ดึกลงเรื่อยๆ
เมฆสีเทาเข้มค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงผืนฟ้าสีมืดสนิท ดวงดาวค่อยๆ ปีนป่ายปรากฏตัวขึ้นมาประดับท้องฟ้า ทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายจนเกินไป
เฉินเสียนยกกระโปรงแล้วลุกขึ้นยืน พูดต่อไปว่า : “ที่ตรงนี้ก็ไม่ขอรั้งท่านแม่ทัพไว้แล้ว ท่านแม่ทัพทำไมถึงไม่ไปดูหลิ่วเหมยอู่ที่สวนดอกพุดตานเสียหน่อย รื้อฟื้นความสัมพันธ์เสียใหม่ ราตรีนี้มันช่างสั้นนัก ท่านแม่ทัพก็อย่ามัวแต่เสียเวลาเลย”
ฉินหรูเหลียงสีหน้าเข้มขรึม : “ท่านบอกว่ามีของขวัญจะให้ข้า?”
เฉินเสียนหันกลับมา ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า : “ก็คือเหมยอู่ไง นางเป็นของล้ำค่าของท่านไม่ใช่หรือ เดี๋ยวไปที่สวนดอกพุดตานแล้ว ก็จะเจอเรื่องน่าตื่นเต้นเอง”
ฉินหรูเหลียงที่ยืนอยู่นอกเรือน มองเฉินเสียนกลับเข้าเรือน จากนั้นอวี้เยี่ยนก็มาปิดประตูอย่างกล้าๆ กลัวๆ เหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยืนอยู่ในสวนให้ลมเย็นพัด
ฉินหรูเหลียงรู้สึกแอบผิดหวังลึกๆ ผู้หญิงคนนี้เรียกเขามา ก็เพื่อจะส่งเขาไปที่สวนดอกพุดตานหรอกหรือ?
อะไรคือจะให้ของขวัญเขา เหมยอู่ก็เป็นผู้หญิงของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันนับเป็นของขวัญที่ไหนกัน? และเขาก็ไปเชื่อจนได้
ฉินหรูเหลียงหมุนตัวออกจากสวนสระวสันตฤดู
อวี้เยี่ยนที่แอบดูเงาแผ่นหลังของเขาผ่านทางหน้าต่าง แล้วจึงพูดกับเฉินเสียนว่า : “องค์หญิง เขาไปแล้วเพคะ”
อวี้เยี่ยนที่ค่อนข้างร้อนใจ จึงรีบพูดต่อว่า : “องค์หญิงทำไมไม่บอกท่านแม่ทัพไปตรงๆ เลยเพคะ ว่าที่สวนดอกพุดตานแอบซ่อนคนอื่นไว้อยู่ ถ้าเกิดท่านแม่ทัพไม่ไปที่สวนดอกพุดตานล่ะจะทำยังไง?”
เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : “ที่สวนดอกพุดตานมีคนอื่นแอบซ่อนอยู่ ทั้งเจ้าและข้าไม่ได้เห็นกับตา และหากข้าพูดไปเขาเองก็คงจะไม่เชื่อ สู้ให้ฉินหรูเหลียงไปเห็นด้วยตาตัวเองเสียดีกว่า หากเขาไม่สนใจไยดีเหมยอู่ แล้วเราจะสนใจทำไมกันล่ะ?”
เฉินเสียนเป็นห่วงอยู่เรื่องเดียว ถ้าเกิดว่าที่สวนดอกพุดตานซุกซ่อนคนไม่ดีเอาไว้ และฉินหรูเหลียงก็เจอกับผู้สมรู้ร่วมคิดของนักฆ่าขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะก็ แบบนี้คงจะอันตรายมากแน่